การแสดงออกของเซิ่งอันหรานนิ่งงัน เธอรู้สึกเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก
"เปล่า ไม่มีอะไร..."
“ถ้าอย่างนั้น รอบกวนคุณหมอเซิ่ง ช่วยดูแผลที่แขนให้ผมหน่อย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ”
อวี้หนานเฉิงจับที่ผ้าพันแผล และมองไปที่เซิ่งอันหรานด้วยท่าทางสงบ ด้วยรูปลักษณ์ที่จริงจัง เขาไม่ได้มีความคิดเลวร้ายแต่อย่างใดเลย
เซิ่งอันหรานยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ แพทย์ประจำของแผนกบาดแผลวิทยากลับบ้านเพื่อไปฉลองวันครบรอบแต่งงานกับภรรยาของเขา ส่วนเธอก็เป็นเด็กฝึกงานชั้นยอด เดิมทีคิดว่าวันนี้ในห้องฉุกเฉินจะไม่มีผู้ป่วย แต่ใครจะไป รู้ว่าเธอจะได้พบกับอวี้หนานเฉิงโดยบังเอิญเช่นนี้ ?
เมื่อเธอถอดผ้าพันแผลออก หางตาของเธอเหลือบไปเห็นแววตาดีใจของอวี้หนานเฉิง คิดว่านี่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ใครจะมาโรงพยาบาลตอนตีสอง ด้วยบาดแผลที่เพิ่งจะเปลี่ยนผ้าพันแผลไปเมื่อวันก่อน?
หลังจากที่ผ้าพันแผลถูกถอดออก มันเผยให้เห็นบาดแผลที่น่ากลัว ความคิดที่ยุ่งเหยิงในใจของเซิ่งอันหรานหายไปอย่างรวดเร็ว เธอใช้มือตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง
“ใครเป็นคนพันแผลให้คุณ ? ไม่ได้ทำความสะอาดปากแผลให้ดีเลยด้วยซ้ำ ไม่แม้กระทั่งใส่ยาลงไป คุณถือมันไว้ครู่หนึ่งนะ ? หมอในโรงพยาบาลคนไหนกันที่ขาดความรับผิดชอบถึงขนาดนี้ ?มันเป็นหนองหมดแล้ว”
เธอพูดอยู่คนเดียวตั้งนาน แต่กลับไม่ได้ยินคำพูดของอวี้หนานเฉิงเลย เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดูเหมือนเขาจะกำลังใจลอยไร้จุดหมาย ราวกับไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้ด้วย
เซิ่งอันหรานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับตัวเขาตรงๆ
“เดี๋ยวฉันจะไปเอายามา คุณรอก่อนนะ อย่าแตะต้องบาดแผลก่อนล่ะ”
ห้านาทีต่อมา เซิ่งอันหรานกลับมาพร้อมกับถาดอุปกรณ์ยาฆ่าเชื้อและทำแผล เธอไม่ได้พูดอะไรมาก ทันทีที่เข้ามาถึงเธอก็ลงมือทำความสะอาดแผลที่แขนของเขา ลงยาเสร็จ จากนั้นก็ใช้ผ้าก๊อซพันแผล
ระหว่างการดำเนินงานในขั้นตอนทั้งหมด เธอไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับอวี้หนานเฉิงเลย หลังจากที่ทำความสะอาดบาดแผลเสร็จ เธอเก็บของ จากนั้นกลับไปที่โต๊ะเพื่อเขียนใบสั่งยา
“บาดแผลระดับปานกลา
แผลของคุณมีการติดเชื้ออย่างชัดเจน หลังจากพันแผลไว้ คุณยังต้องมาโรงพยาบาลเพื่อล้างแผลและเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน พยายามอย่าออกแรงมากเกินไป ไม่อย่างนั้นบาดแผลอาจจะปริได้ หลังจากที่แผลตกสะเก็ดจนหมดคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้ว ”
หลังจากพูดประโยคเหล้านี้จบ เซิ่งอันหรานฉีกรายการยาและยื่นให้กับอวี้หนานเฉิง "จ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว ไปเอายาได้"
อวี้หนานเฉิงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับกระดาษแผ่นนั้น เขาดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง ในขณะที่สวมเสื้อ "ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะผมบาดเจ็บจริงๆ คุณก็คงจะไม่พูดคุยกับผมสักประโยค ใช่หรือเปล่า ?"
“คำพูดของคุณดูแปลกๆนะ” สายตาของเซิ่งอันหรานดูสงบและไม่เร่งรีบ “ถ้าไม่อยากสร้างความคับข้องใจ ฉันคิดว่าประโยคเมื่อกี่ไม่คุณไม่พูดน่าจะดีกว่า คนเคยรู้จักกัน ยังไงซะก็สามารถทักทายกันได้”
“คนเคยรู้จักกัน ? ” ใบหน้าของอวี้หนานเฉิงแข็งทื่อเล็กน้อย เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แทบจะพูดไม่ออก
“การรักษาของคุณเสร็จสิ้นแล้ว อย่ามาทำให้คนไข้คนอื่นต้องเสียเวลา แล้วอีกอย่างฉันก็ใกล้จะเลิกงานแล้ว” เซิ่งอันหรานพูดประโยคนี้โดยไม่เงยหน้า เธอก้มหน้าขีดเขียนอะไรบางอย่างในหนังสือจิตวิทยา โดยไม่สนใจมองเขาเลยแม้แต่น้อย
อวี้หนานเฉิงนั่งตัวตรงและไม่มีท่าทีว่าจะออกไปเลย
“อย่างงั้นก็ดี อีกสักพักถ้าคุณเลิกงานแล้ว เราไปทานอาหารเช้าด้วยกันเถอะ เพื่อเป็นการขอบคุณหมอเซิ่งที่ทำแผลให้ผม”
เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว
“ตอนนี้ตีสามแล้ว ต่อให้ฉันตอบตกลง ก็คงจะไม่มีร้านอาหารที่ไหนเปิด ”
“ผมบอกว่ามีก็ต้องมีสิ ”
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ ” เซิ่งอันหรานวางปากกาลงแล้วมองอวี้หนานเฉิงอย่างไม่พอใจ “ฉันเป็นหมอ ส่วนคุณเป็นคนไข้ คุณจ่ายค่ารักษาพยาบาล ฉันก็แค่ทำงานตามหน้าที่ของฉันเท่านั้น เรื่องอาหารเช้า ไม่จำเป็นหรอกค่ะ"
“คุณคงไม่ได้มีทัศนคติแบบนี้กับผู้ป่วนคนอื่นๆหรอกใช่ไหม ? ”
น้ำเสียงของอวี้หนานเฉิงดูประชดประชันเล็กน้อย
เมื่อวานนี้ตอนไปทานอาหารค่ำที่บ้านเก่าของตระกูลอวี้ หลังจากที่ได้ยินข่าวจากอวี้อีอีเกี่ยวกับการกลับมาของเซิ่งอันหราน อวี้หนานเฉิงได้พลิกรายชื่อแพทย์ของโรงพยาบาลทั้งหมดในเมืองจินหลิง ไม่เสียแรงเลย โรงพยาบาลจินหลินเป็นโรงพยาบาลที่คุณปู่เคยเข้ารับการรักษามาก่อน
เซิ่งอันหรานเป็นนักศึกษาฝึกงานแลกเปลี่ยนทางด้านจิตวิทยาเด็กของมหาวิยาลัยแพทย์ชื่อดังในฝรั่งเศส ย้ายไปๆมาๆอยู่าห้าปี และในที่สุดเธอก็กลับมาที่จินหลิง
เขาจะอดใจไม่มาเจอเธอได้อย่างไร ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน