“ผมรู้ว่าคุณอาถูกคุณยายของหม่าม้าสั่งให้คอยมาดูแลผม หม่าม้ากลัวว่าผมจะถูกรังแก คุณอาใจดีกับผมมาก เรื่องนี้ผมรู้ดี”
ในสำนักงานขนาดใหญ่ ดวงตาของเด็กชายมีสีแดงราวกับกระต่าย
เซิ่งอันหรานนึกถึงจิ่งซีน้อยที่ไม่เต็มใจพูดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จิ่งซีน้อยคนนั้นมักจะชอบวิ่งเข้ามากอดขาของเธออยู่เสมอ แต่ตอนนี้ เด็กคนนี้มีความสูงใกล้เคียงกับเธอเมื่อเขายืนขึ้น
“เด็กดี หม่าม้าขอโทษ ที่หม่าม้าไม่ได้อยู่กับลูกตลอดเวลา”
ตอนที่เธอจากจินหลิงไปเมื่อห้าปีที่แล้ว เซิ่งอันหรานยังคงกังวลที่จะปล่อยให้อวี้จิ่งซีอยู่ที่นี่คนเดียว แต่ในเวลานั้นอวี้จิ่งซีตัดสินใจเลือกที่จะอยู่เคียงข้างอวี้หนานเฉิง ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น
ต่อมา ซูเหยียนลูกสาวบุญธรรมของน้าสะใภ้เพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยและกำลังหางานทำ เมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า เซิ่งอันหรานจึงบอกกับเธอว่าให้เธอไปที่เซิ่งถังกรุปเพื่อสมัครงาน ต่อมาดูเหมือนกับว่าอวี้หนานเฉิงจะรู้จักฐานะของเธอ ดังนั้นเขาจึงรีบมอบหมายให้เธอไปทำงานอยู่ข้างๆอวี้จิ่งซี และดูแลการใช้ชีวิตประจำวันของเขาด้วย
หลังจากนั้นตัวตนของซูเหยียนกลายเป็นความลับของกลุ่มคนภายในเซิ่งถังกรุป และเจ้าหน้าที่ภายใน พนักงานเมื่อห้าปีก่อนก็ถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกชุด ตอนนี้ในบริษัทไม่มีใครรู้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของอวี้จิ่งซีเป็นใคร หน้าตาแบบไหน แม้ว่าจะมีข่าวลือออกมามากมาย
แต่ในความทรงจำของอวี้จิ่งซี เขาจดจำเซิ่งอันหรานได้เสมอ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีเหตุผลมาก เขารู้ว่าเรื่องบางเรื่องตัวเองไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นเมื่อเขาร้องไห้เสร็จก็จะเช็ดน้ำตาไม่ให้ใครเห็น ระงับสีหน้าที่ขุ่นเคืองได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเบี่ยงเบนประเด็นและรีบดึงตัวเองออกมาจากจุดนั้น
“ผมรู้ว่าหม่าม้าก็มีเรื่องลำบากใจอยู่เหมือนกัน ใช่แล้ว น้องสาวกลับมาด้วยหรือเปล่าครับ?”
ตอนนี้ความรู้สึกของเซิ่งอันหรานสับสนไปหมด เธอก้มศีรษะเพื่อเช็ดน้ำตาและสำลักออกมา
“อืม กลับมาแล้ว รอสักสองวัน หม่าม้าจะพาจิ่งซีไปพบเธอนะ ”
“หม่าม้าครับ คราวนี้หม่าม้าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน ?”
"ถ้าตามแผนก็คือสองปี"
นอกจากการพาเซิ่งเสี่ยวซิงกลับมารักษาตัวแล้ว ยังมีการศึกษาของตัวเองอีกด้วย แผนการฝึกงานที่ โรงพยาบาลจินหลิงมีระยะเวลา 2 ปี และภายใน 2 ปีนี้ เธอต้องเขียนบทความเกี่ยวกับจิตวิทยาเด็ก ระยะเวลายังต้องดูเรื่องการเก็บรวบรวมข้อมูลทางสถิติ
“ไม่ต้องรีบหรอกครับ”อวี้จิงซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกมีความสุข “หม่าม้ารอสักครู่ ผมมีอะไรจะให้”
เขาเดินไปที่หลังโต๊ะ หยิบถุงช้อปปิ้งใบใหญ่ออกมาแล้วยื่นให้กับเซิ่งอันหราน "ผมจำได้ว่าอีก 2 วันก็จะเป็นวันเกิดของหม่าม้า นี่คือของขวัญของผมครับ"
เซิ่งอันหรานแสดงสีหน้าตกตะลึง "ทำไมจิ่งซีถึงได้เตรียมของขวัญไว้ล่ะ"
"ผมเตรียมมันไว้ทุกปีครับ" คิ้วและตาของอวี้จิ่งซีถูกย้อมด้วยรอยยิ้ม เสียงที่ชัดเจนของชายหนุ่มดูอ่อนโยนราวกับเด็ก
“เพราะผมรู้ว่าหม่าม้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน ดังนั้นในทุกๆปีผมจะเตรียมของขวัญไว้สำหรับวันเกิดของหม่าม้า ของขวัญชิ้นนี้เพิ่งซื้อมาเมื่อสองวันก่อน ยังไม่มีเวลาเอากลับบ้านเลย ที่บ้านยังมีเหลืออยู่ ถ้ามีโอกาสผมจะเอามาให้หม่าม้าครับ "
ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ มีเสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น คนที่เข้ามาคือซูเหยียน
“พี่อันหราน ท่านประธานอวี้กลับมาแล้ว อาหารกลางวันสั่งมาเตรียมไว้ในห้องทำงาน ประธานอวี้ให้มาถามพี่ว่าพี่ต้องการรับประทานอาหารร่วมกันกับท่านประธานน้อยไหม”
เซิ่งอันหรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่อวี้จิ่งซีที่ยืนอยู่ทางด้านข้างดึงให้ลุกขึ้น
“ผมยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย หม่าม้าไปกินด้วยกันเถอะ”
ในห้องทำงานของอวี้หนานเฉิง มีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารอยู่ที่มุมข้างหน้าต่าง ในตอนที่เซิ่งอันหรานถูกอวี้จิ่งซีดึงเข้ามา โต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ล้วนเป็นอาหารที่คนในบ้านชอบกินบ่อยๆ มันดูน่ารับประทานมาก โดยเฉพาะสำหรับคนอย่าง เซิ่งอันหรานที่ต้องรับมือกับคนไข้จำนวนมากตลอดช่วงเช้า
“ผมมีประชุมข้างนอก ก็เลยกลับมาช้า และเพิ่งจะได้ข่าวจากเลขามาเมื่อกี้ มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ?”
ทันทีที่อวี้หนานเฉิงถามเสร็จ เสียงของอวี้จิ่งซีก็ดังขึ้นบนโต๊ะอาหาร “พ่อกลับมาช้ากว่านี้ก็ได้นะ รอให้หม่าม้าถูกคนอื่นรังแกจนเสร็จก่อน แล้วพ่อก็แต่งงานกับคุณอวี๋คนนั้นซะเลย”
“เธอไม่ได้มีนิสัยรังแกคนอื่น ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน