เมื่อหวังรุ่ยกินอาหารทั้งหมดบนจานเสร็จแล้ว รวมทั้งบรอกโคลีและมะเขือเทศสำหรับตกแต่งจาน เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งกู้เทียนเอินก็ยังไม่มา เธอเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากลังเลอยู่สักพัก เธอตัดสินใจเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อลองดูเขา แต่พบว่าประตูห้องน้ำชายปิดอยู่ และมีเสียงหอบของผู้หญิงดังมาจากข้างใน
ชายสองคนยืนอยู่นอกประตู หลังจากได้ยินการเคลื่อนไหว พวกเขาไม่ได้เคาะประตูและไม่ได้วางแผนที่จะออกไปจากตรงนั้น พวกเขาเพียงแต่ส่งสายตาให้กันพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
“คนหนุ่มสาวสมัยนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ มีโรงแรมอยู่ข้างๆ ยังอดใจกันไม่ไหว—”
เมื่อหวังรุ่ยได้ยินสิ่งนี้ เธอไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา ใบหน้าของเธอลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที ชายสองคนสังเกตเห็นเธอ และหนึ่งในนั้นชี้ไปที่ประตูทางเข้า
“น้องสาว ห้องน้ำผู้หญิงอยู่ทางโน้น”
เธอพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง เธอกำหมัดแน่น หลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็ยกหมัดขึ้นแล้วทุบไปที่ประตูโดยไม่ลังเล
“เฮ้ คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า ? ฉันชื่อหวังรุ่ย คุณไม่ได้บอกว่าจะไปห้องน้ำเหรอ คุณอยู่ข้างในหรือเปล่า ?”
ตอนที่หวังรุ่ยพูดเช่นนี้ เธอนึกขึ้นมาได้ว่า เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของอีกฝ่าย
ชายสองคนตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ พวกเขามองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
มีเรื่องดีๆให้ดูแล้ว
หวังรุ่ยกลอกตาขึ้นด้วยความโมโห
“คุณลุงทั้งสองถ้าหากชอบดูอะไรแบบนี้ ทำไมพวกคุณถึงไปไม่ซื้อตั๋วหนังดูเลยล่ะ หรือว่าพวกคุณต้องการให้ฉันจัดให้พวกคุณดูสักฉากก่อนไหม แล้วจะจัดที่นั่งพิเศษสำหรับแขกวีไอพีให้ด้วย!”
เธอโกรธ อาจเป็นเพราะว่าเธอไม่เคยมีความรัก และยังต้องมายืนเคาะประตูห้องน้ำชายอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ เฉกเช่นคนกวาดขยะบนท้องถนน ที่ไม่ว่าจะเจอใครมันก็รู้สึกขัดใจไปหมด
เธอไม่ทันรอให้ชายวัยกลางคนทั้งสองเดินออกไป หวังรุ่ยพับแขนเสื้อขึ้น พร้อมตะโกนเสียงสูง
“ถ้าหากคุณมีนัดเดทล่วงหน้าก็บอกกับฉันก่อนไม่ได้เหรอ ?คุณไม่สามารถควบคุมร่างกายส่วนล่างของคุณได้อย่างงั้นเหรอ? ที่ผู้จัดการเซิ่งมีน้องชายอย่างคุณ มันน่าอับอายจริงๆ ฉันจะนับถึงสาม ถ้าคุณไม่ยอมออกมา ฉันจะเรียกคนมาพังประตูเข้าไป !”
"หนึ่ง สอง"
ก่อนที่จะนับถึง "สาม" ลูกบิดประตูมีการขยับ ร่างสูงเดินพุ่งออกมาจากประตูห้องน้ำ ทั้งสูงและผอม เขาสวมชุดกีฬาและหมวกปกคลุมใบหน้าเกือบครึ่ง
หวังรุ่ยตกตะลึง เธอคิดว่าเขาน่าจะไม่ใช่กู้เทียนเอิน
เธอดูหวาดกลัว
“นี่ เป็นเรื่องเข้าใจผิด เหมือนฉันจะจำคนผิด—”
ชายคนนั้นขยับริมฝีปากเล็กน้อยและดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร เขายิ้มให้กับหวังรุ่ย ใบหน้าในความมืดเผยให้เห็นความงามที่อธิบายไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะสิ่งที่คุณชายอย่างผมต้องการทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว”
เขาพูดพลางจับกระเป๋ากีฬาใบใหญ่ในมือ
ในขณะที่เขาเดินผ่านเธอออกมา มีกลิ่นแปลก ๆ ลอยเข้ามาในจมูกของหวังรุ่ย ซึ่งทำให้เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว จู่ๆความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสมองของเธอ
เร็วเกินไปที่จะตัดสินจากปฏิกิริยาในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่เพิ่งก้าวเข้าไปในห้องน้ำร้องอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางด้านใน เขาวิ่งออกพร้อมเข็มขัดและตะโกนว่า ให้เรียกตำรวจ
หวังรุ่ยมีสติขึ้นมาทันที เธอผลักชายคนนั้นออกไปและรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
เลือดกระเด็นไหลออกมาจากทางด้านในสุดของห้องน้ำ มันดูเด่นเป็นพิเศษเมื่ออยู่กับฉากพื้นหลังสีขาว
บนพื้นห้องน้ำมีชายคนหนึ่งนอนเปื้อนเลือด ครึ่งหนึ่งอยู่บนพื้นและอีกครึ่งหนึ่งอยู่บนชักโครก ดูเหมือนจะไม่มีสติ
ดูจากการที่เขาแต่งตัว สามารถบอกได้เลยว่าคนๆนี้คือกู้เทียนเอิน หวังรุ่ยโค้งตัวลงไปสะกิดหลัง เขา โดยเธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบสนองจากเขา แต่คาดไม่ถึงว่า เขาจะค่อยๆพยุงชักโครกและยืดตัวตรงขึ้นมา
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวของเขา มีเลือดไหลออกมาจากช่องว่างตรงหน้าผาก ไหลลงมาผ่านคิ้ว หวังรุ่ยตกตะลึง เขายกมือขึ้นไปเช็ดมันออกโดยไม่ได้รู้สึกอะไร จากนั้นก็พยุงจับประตูห้องเพื่อจะเดินออกไปข้างนอก
“นี่คุณ—— เป็นอะไรไป ให้ฉันพาคุณไปโรงพยาบาลดีไหม ?”
หวังรุ่ยเดินตามหลังเขาไป แขนขาของเขาดูเหมือนคนไร้เรียวแรง ผู้คนในร้านอาหารตกใจมากเมื่อชายที่มีเลือดไหลเดินออกมาจากห้องน้ำ โชคดีที่ผู้จัดการร้านอาหารรีบเดินเข้ามาทักทายได้ทันเวลา “เกรงว่ารถพยาบาลจะไม่ทันเวลา ผมจะหาคนพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาล”
เมื่อพูดอย่างนั้นแล้ว คนกลุ่มหนึ่งจึงออกจากร้านอาหาร และไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดิน
หลังจากกู้เทียนเอินทำแผลในโรงพยาบาลเสร็จแล้ว ตอนนี้หวังรุ่ยดูหงุดหงิดมาก มีบางเรื่องที่ทำให้เธอไม่เข้าใจ พอเขาเดินออกมา เธอก็พุ่งตัวเข้าไปถามทันที
“เกิดอะไรขึ้นในร้านอาหาร ทำไมคุณถึงโดนผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นทำร้าย?”
หวังรุ่ยไม่รู้จะบรรยายลักษณะของชายคนนั้นอย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน