ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 59

“ตามนี้ ฉันก็ไม่รบกวนหนุ่มสาวอย่างพวกเธอแล้ว”

เสียงเก้าอี้เสียดสีกับพื้น จู่ ๆชายชราลุกขึ้น ยิ้มตาหยีให้เซิ่งอันหราน

“อันหราน หากมีเวลาว่างละก็ ไปเที่ยวเล่นบ้านฉัน เรื่องงานแต่ง ฉันจะจัดคนไปทำ หากมีเรื่องอะไรติดต่อฉันได้โดยตรง”

เซิ่งอันหรานมีคำพูดเต็มท้อง แต่เวลานี้คำเดียวก็พูดไม่ออก มองชายชราเดินออกไป เหลือเธอกับอวี้หนานเฉิงสองคนมองตากันปริบๆ

“ผมส่งคุณกลับ”

กินข้าวเสร็จ อวี้หนานเฉิงเสนอตัวไปส่งเธอกลับ เซิ่งอันหรานในใจอยากปฏิเสธ แต่คิดถึงเรื่องที่เกิดวันนี้สมควรจะพูดให้ชัดเจน พี่เลี้ยงเดินไปมาในบ้านคุยไม่สะดวก กลับกันในรถดีกว่าน้อย เลยไม่ได้ปฏิเสธ

“เลี้ยวขวาตรงสี่แยกข้างหน้าใช่ไหม?”

จู่ ๆเสียงอวี้หนานเฉิงดังขึ้น ถามเธออย่างเป็นธรรมชาติ

เซิ่งอันหรานนิ่งไปหลายวินาที พยักหน้า “อืม ใช่”

เจอไฟแดงตอนเลี้ยวสี่แยก รถจอดลง สัญญาณไฟแดงนับถอยหลังยังเหลือ60วินาที นิ้วเรียวยาวของอวี้หนานเฉิงจับพวงมาลัย นิ้วมือขวาเคาะขึ้นลง

จู่ ๆก็ถาม “เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน ผมมีเรื่องจะถามคุณ”

เหมือนผิวสัมผัสของเซิ่งอันหรานอยู่ในมือไม่ยอมจางหาย ตลอดทั้งเช้าเขาอดไม่ได้ที่จะเอาเธอไปเทียบกับผู้หญิงเหมือน 6ปีก่อน ความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ เขาลืมไม่ลง

“เมื่อคืน”

เซิ่งอันหรานยืดตัวตรงทันที จับนิ้วมือแน่นพูดเสียงแข็ง “เรื่องเมื่อคืนไม่ต้องใส่ใจ”

นิ้วชี้อวี้หนานเฉิงที่เคาะอยู่บนพวงมาลัยหยุดลง

“คือว่า” เซิ่งอันหรานหายใจเข้าจมูก แสร้งเหมือนไม่เป็นไร

“ต่างก็ดื่มจนเมา ต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่ต้องใส่ใจ ฉันรู้ว่าคุณจะแต่งงานกับเกาหย่าเหวิน อย่าให้เป็นเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้แล้วรู้สึกผิดอะไร ฉัน ฉันไม่ต้องการให้คุณรับผิดชอบ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”

อวี้หนานเฉิงกำมือแน่น หนังแท้ที่หุ้มพวงมาลัยไว้ ถูกเขากดจนเป็นรอยบุ๋ม ใบหน้ากลับนิ่ง เพียงแต่น้ำเสียงเย็นชาทันที

“ลงรถ”

“หา?”

“คุณบอกให้ผมไม่ต้องรับผิดชอบไม่ใช่รึ? หลีกเลี่ยงถูกคนเข้าใจผิด คุณลงรถไปได้แล้ว”

เสียงเย็นชาแฝงความโมโหจางๆ ที่จับสังเกตไม่ได้ ดังก้องอยู่ในรถ

ในที่สุดเซิ่งอันหรานก็ได้สติ

เธอกอดกระเป๋ายืนอยู่ตรงสี่แยก มองท้ายรถอวี้หนานเฉิงจากไป ใบหน้าที่แสร้งทำเหมือนไม่สนใจก็พังลงมา นั่งลงที่ขอบแปลงดอกไม้อย่างท้อแท้

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

——

“อะไรนะ? เมื่อคืนเธอนอนค้างที่อวี้ย่วนวิลล่า?”

ในห้องแต่งตัวหลังเวทีรายการ เกาหย่าเหวินหันกลับไปมองผู้ช่วยด้านหลังทันที ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

ช่างแต่งหน้าตกใจจนมือสั่นเพราะเธอหมุนตัวกะทันหัน กวาดแปรงลิปสติกสีแดงเลือดเป็นเส้นยาวที่มุมปากของเธอ รีบขอโทษทันที “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

เกาหย่าเหวินจับแปรงในมือช่างแต่งหน้า เขวี้ยงลงไปที่พื้น พูดตำหนิ

“หาคนมาจากไหน? แต่งหน้ายังทำไม่เป็น ไม่อยากทำแล้วใช่ไหม?”

เจี๋ยเซินผู้จัดการเห็นก็ระวังไปด้วย ส่งสายตาโบกมือให้ช่างแต่งหน้าไปพลาง เธอทำหน้าน้อยใจ กัดฟันเดินออกจากห้องแต่งตัว

“เหวินเหวินอีกเดี๋ยวยังต้องไปรายการ นิสัยนี้ขอเธอเก็บมันไว้หน่อย รีบแต่งหน้าให้เสร็จ”

“ไปรายการอะไร?”

เกาหย่าเหวินถลึงตาให้เจี๋ยเซิน โมโหไปหมด

“นายไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของมิลลีเหรอ? เมื่อคืนคนที่ชื่อเซิ่งอันหรานนั่น นอนค้างที่อวี้ย่วนวิลล่า หลังฉันออกมาได้ไม่นาน ยังมีอีกอวี้หนานเฉิงอุ้มเธอกลับไปเอง หนุ่มโสดสาวโสด ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันจะเชื่อไหม?”

“เมื่อวานเธอก็ไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

พูดถึงตรงนี้ เจี๋ยเซินสงสัยนิดๆ “ทำไมถึงกลับมา”

“พูดถึงเรื่องนี้ ฉันแทบอยากจะฉีกผู้หญิงที่สมควรตายนั่น!” เกาหย่าเหวินใช้มือข้างหนึ่งตบบนโต๊ะแต่งหน้า ทำหน้าเหี้ยม

“เมื่อวานผู้หญิงนั่นอยู่ในบ้านหนานเฉิง หยิ่งยโสจริงๆ รู้ว่าฉันเป็นใคร ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าหนานเฉิงแค่เล่นๆ กับฉัน! ฉันเจอเธออีกครั้งหนึ่ง ต้องฉีกปากเธอทิ้งให้ได้”

เจี๋ยเซินเวียนหัวผู้หญิงซ้ายคนขวาคน ไม่มีแรงไปแยกแยะแล้ว หลังมองข้อมูลแล้ว รีบพูดเร่ง

“ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนขวางทางเธอ เธอนั่งลงมาแต่งหน้าให้เสร็จก่อน ถึงเวลาเข้ารายการแล้ว จู่ ๆเมื่อวานเธอก็หนีไป พวกเราต้องชดเชยเท่าไหร่รู้ไหม”

เกาหย่าเหวินกำหมัดแน่น รู้ว่าโกรธส่วนโกรธ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าวสารเป็นข้าวสุก ตัวเองจะดึงกลับก็ไม่มีประโยชน์อะไร ทำได้เพียงทำเรื่องตัวเองให้เสร็จ ค่อยๆ คิดหาวิธีรับมือเซิ่งอันหรานคนนี้

เป็นแม่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ยังมีความสามารถมัดใจผู้ชาย ผู้หญิงคนนี้คงไม่ง่ายเหมือนที่เห็น เธอถูกที่ระแวงแต่แรก

แผนกผู้บริหารห้องทำงานประธานของเซิ่งถังกรุป อวี้หนานเฉิงกลับจากการประชุมตอนเช้า

โจวฟังรายงานเรื่องงานฉลองครบรอบ 100 ปี ถามขึ้นว่า

“อาทิตย์หน้าวันจันทร์ก็เริ่มตกแต่งได้ แต่ผู้จัดการเซิ่งเสนอให้ตกแต่งสถานที่ตอนกลางวัน ทำให้ทางโรงแรมเซิ่งถังตกต่ำลงช่วงหนึ่ง ถึงเวลานั้นกลัวลูกค้าร้องเรียนไม่น้อย จะพิจารณาให้ผู้จัดการเซิ่งเปลี่ยนเป็นตกแต่งตอนกลางคืนไหมครับ”

“ไม่ต้อง”

อวี้หนานเฉิงยกข้อมือส่ายช้าๆ โยกนิ้วมือ

“ทำงานตอนกลางคืนก่อกวนถึงลูกค้า ร้องเรียนยิ่งกว่า เธอจัดงานได้ไม่ผิด ตอนกลางวันตกแต่งล็อบบี้ก็แบ่งโซนทำงาน กระทบไม่มาก ไม่ต้อนสน ปล่อยให้เธอทำไป นายรายงานความคืบหน้าตามกำหนดการก็พอ”

“ครับ”

โจวฟังถึงเข้าใจเซิ่งอันหรานที่ให้ทำงานตอนกลางวัน ในใจก็แอบชื่นชมเธอนิดๆ

“จริงสิ ฉันมีเรื่องหนึ่งอยากถามนาย”

“เชิญครับ”

แววตาอวี้หนานเฉิงขรึมลง

“ผู้หญิงอุ้มบุญเมื่อ6ปีก่อน ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

“อุ้มบุญ?”

โจวฟังอึ้งไป ไม่รู้จู่ ๆทำไมอวี้หนานเฉิงถึงถามถึงเรื่องในอดีตเล็กน้อยนี้ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตอบด้วยความเคารพ

“อยู่ออสเตรีย ตอนนั้นหลังจากได้เงินไม่นานพ่อเธอตายเพราะโรงมะเร็ง ตามที่พ่อบ้านเหล่าหลู่สั่นไว้ ให้คนไปส่งเธอไปเรียนออสเตรียที่สนามบิน 3ปีต่อหน้าเรียบจบปริญญาโท ก็แต่งงานกับคนพื้นที่มีเชื่อสายจีนไป”

“ชัดเจนขนาดนี้?”

“ในเมื่อเป็นแม่แท้ๆ ของคุณชายน้อย กลัวมีสักวันคุณชายถามขึ้นถึงได้ติดตามมาโดยตลอด”

โจวฟังร้อนใจนิดๆ เพราะเรื่องนี้อวี้หนานเฉิงไม่ได้สั่งให้เขาทำ เพียงแต่ติดตามเขามา 7ปีแล้ว ติดนิสัยทำงานรอบคอบ

อวี้หนานเฉิงไม่ได้สงสัยคำพูดเขามีปัญหาอะไร ตั้งแต่เขาเริ่มสืบทอดเซิ่งถังกรุป โจวฟังก็เป็นผู้ช่วยข้างใกล้เขา ผู้หญิงอุ้มบุญตอนนั้น ให้โจวฟังและพ่อบ้านเหล่าหลู่รับผิดชอบไป แต่หากผู้หญิงอุ้มบุญคนนั้นมีปัญหาอะไรล่ะก็ เขาคงไม่ปิดบังตัวเอง

หากเกิดเรื่องแล้วไม่บอกตัวเอง นั่นคือโจวฟังไม่รู้เรื่องจริงๆ

งั้นคนเดียวที่รู้เรื่องก็มีแค่เหล่าหลู่แล้ว

อวี้หนานเฉิงยิ่งรู้สึกว่าหลังจากเหล่าหลู่พาอวี้จิ่งซีมาส่งให้เขาแล้ว น่าแปลกที่จู่ ๆก็ลาออกไปพักผ่อน ทำให้คนสงสัย

“นายไปเมืองหนานซีบ้านเกิดของพ่อบ้านคนก่อน พาเขามาพบฉัน ฉันมีเรื่องบางอย่างจะถามเขา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน