ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 64

อาหารรอบดึกของเซิ่งอันหรานไม่ด้อยไปกว่าอาหารเย็นเลย มีจานสวยๆวางอยู่บนโต๊ะหกจาน แครอทและแตงกว่าหั่น ถั่วลิสง ถั่วลันเตาต้ม และจานที่หอมที่สุดก็คือผัดหมี่เนื้อเต็มจาน เชิญลองหาดูในป๋ายตู้ ()

ใส่บะหมี่ลงในถ้วยใหญ่ให้อวี้หนานเฉิง หลังใส่เครื่องเคียงและผัดเสร็จก็ยกไปให้เขา และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “คุณคลุกเองนะ อันนี้อร่อยมาก”

หลังจากพูดประโยคพวกนี้เสร็จเธอก็ยกบะหมี่ไปเสิร์ฟ

ฝ่ามือของอวี้หนานเฉิงแตะบนถ้วยบะหมี่ มันร้อนเล็กน้อย แม้แต่สายตาของเขาที่มองหญิงสาวที่ยุ่งอยู่ด้านข้าง ก็ยังร้อนผ่าวขึ้นมาเลย

อันที่จริงครอบครัวที่ร่ำรวยจะไม่ค่อยเห็นญาติของตัวเองลงมือทำซุปอาหาร เพราะในบ้านมีคนรับใช้มากมาย เจ้านายตั้งแต่คนโตไปจนถึงเด็กล้วนไม่ทำอะไรเลย ให้คนอื่นทำแทนหมด

เขาใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ภาพตรงหน้ามันกลับซ้อนทับความทรงจำของเขาในวัยเด็ก ขณะที่คิดถึงความทรงจำเก่าๆ เขาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงในวัยเด็ก

เซิ่งอันหรานกินคำใหญ่ไปสองสามคำ บะหมี่ผัดก็เหลืออยู่ครึ่งถ้วย เธอพอใจแล้ว หางตาของเธอเหลือบมองในจานของอวี้หนานเฉิงยังเหมือนเดิม ต้องทำให้เขาหรือยังไง

“ทำไมคุณยังไม่กินอีกล่ะ ?” เธอถามด้วยความสงสัย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กระซิบถามว่า “ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยกินผัดหมี่หรอกนะ ?”

“แปลกมาเหรอที่ผมไม่เคยกิน ?”อวี้หนานเฉิงถามกลับ

จินหลิงอยู่ทางใต้ ผัดหมี่เป็นของมีชื่อเสียงทางเหนือ ถึงแม้ว่าจะพบได้ทั่วไปในทางใต้ แต่ก็ล้วนแต่เป็นแผงขายตามถนน และถ้าอยากจะมาเป็นแม่ครัวของตระกูลอวี้แน่นอนว่าจะไม่มีทางเสิร์ฟผัดหมี่ให้กับอวี้หนานเฉิงแน่นอน และเขาก็คงไม่มีทางไปกินอาหารข้างทาง

“เอ่อ ไม่แปลก ไม่แปลก”เซิ่งอันหรานยิ้ม แล้วยื่นมือออกมาช้าๆ

“ฉันคลุกให้คุณไหม ”

“ไม่ต้อง”อวี้หนานเฉิงถือตะเกียบขึ้นมาคนด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวดูไม่ค่อยถนัด แต่ก็ไม่ได้ดูซุ่มซ่ามอะไร

“อันที่จริงฉันเข้าใจคุณดี”

เซิ่งอันหรานพยายามหาคำพูดชดเชยกับความหยาบคายของตัวเองเมื่อครู่

“เมื่อก่อนตอนฉันยังเป็นลูกสาวคนรองของตระกูลเซิ่ง ตราบใดที่อยู่บ้าน ไม่มีใครยอมให้ฉันทำงานเลย แม่เลี้ยงและพี่สาวของฉันยิ่งไม่แตะต้องทำอะไรเลย ยิ่งเรื่องผัดหมี่แบบนี้ ฉันคิดว่าตลอดชีวิตนี้เซิ่งอันเหยาไม่มีทางกินมันแน่นอน”

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ปิดบังเรื่องของครอบครัว สายตาของอวี้หนานเฉิงดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็แค่ชั่วครู่ ก็กลับมาเป็นปกติ แล้วถามต่อว่า “แม่เลี้ยงดีกับคุณมากเลยเหรอ ?”

“คุณคิดว่าไงล่ะ ?”

เซิ่งอันหรานส่งสายตาให้เขาสัมผัสมันเอง

ถ้าแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อเธออย่างดีล่ะก็ ที่งานหมั้นของเฉียวเจ๋อในเดือนนั้น เซิ่งอันเหยาทำตัวน่าเกลียดกับเธอขนาดนั้น ? ลูกสาวเป็นยังไง ดูแม่แค่แป๊ปเดียวก็มองออกแล้ว

อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว และถามอีกครั้ง

“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สนใจ ?”

“ใช่ไม่สนใจ”เซิ่งอันหรานม้วนบะหมี่ใส่ปากคำใหญ่ ก่อนจะพูดอู้อี้ว่า “สำหรับฉัน คนที่สำคัญและดีต่อฉันจริงๆล้วนตายไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ล้วนแต่ไม่สำคัญ ไม่ค่อยมีความหมายอะไรกับฉัน”

อวี้หนานเฉิงผงะไปครู่หนึ่ง โดยคิดว่าไปสะกิดเรื่องเศร้าใจของเธอ เขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษนะ”

“คุณขอโทษเรื่องอะไร ?”

เซิ่งอันหรานกระตุกมุมปาก แล้วยิ้มเยาะออกมา

“คุณรู้ไหม?พ่อของฉันบอกกับฉันเสมอว่าแม่ของฉันเสียชีวิตจากการป่วย ตระกูลเซิ่งและแม้แต่คุณปู่ก็ล้วนพูดแบบนี้ แต่ถ้าพ่อของฉันซื่อสัตย์กับแม่ของฉันจริง แล้วทำไมเซิ่งอันเหยาถึงเกิดก่อนที่แม่ของเธอจะแต่งงานกับตระกูลเซิ่งได้ยังไง ? เธอแก่กว่าฉันตั้งสองเดือน ”

ผู้ใหญ่ล้วนคิดว่าเด็กเล็กหลอกง่ายมาก แต่แม้ว่าเด็กเล็กจะไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้โง่

“คุณเกลียดพ่อของตัวเอง ?”

เซิ่งอันหรานพยักหน้า แต่กลับส่ายศีรษะอีกครั้ง

“ไม่รู้สิ ถ้าหากว่าเขาทำแย่กับฉันสักนิด ฉันคงจะเกลียดเขาแน่นอน แต่ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยปิดบังความรักของเขาที่มีต่อฉันเลย ต่อมาฉันถึงได้เข้าใจว่า พ่อของฉันไม่ได้ทำอะไรผิดกับฉัน พูดไปมา ก็แค่ทดแทนความรู้สึกที่ไม่ดีกับคุณตาและแม่ของฉัน”

ตระกูลเซิ่งก่อตั้งขึ้นมาโดยพ่อของเซิ่งอันหรานตั้งแต่แรกเริ่ม ในตอนแรกอาศัยสินสอดทองหมั้นที่แม่ของเซิ่งอันหรานแต่งงานกับเขาเพื่อเอาทุนมาตั้งต้น ไม่อย่างนั้น ตระกูลเซิ่งจะมีวันนี้ได้อย่างไร ?

“ดังนั้นคุณก็เลยไม่เกลียดพ่อตัวเอง ”

อวี้หนานเฉิงมองไปที่เซิ่งอันหราน และในใจรู้สึกสับสน

“ไม่นับ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพ่อกับแม่ พวกเราในฐานะลูกจะเข้าไปแทรกแซงได้อย่างไร”

เซิ่งอันหรานเลิกคิ้วขึ้น และพยายามทำเป็นปกติที่สุด “ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา ไม่อย่างนั้น ถ้าเกิดว่าเป็นคุณ คุณยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ?”

“ถ้าเป็นผม”

น้ำเสียงของอวี้หนานเฉิงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย ดูเย็นชาอย่างลึกลับ “ถ้าหากว่าเป็นผม ผมจะไล่เขากับเมียน้อยออกไปจากบ้านให้หมด”

เซิ่งอันหรานตกตะลึง และมองอวี้หนานเฉิงด้วยความประหลาดใจ

“ฉันกินอิ่มแล้ว”

ตะเกียบบนโต๊ะมีเสียงดังขึ้นมา ถึงแม้จะไม่ดังมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนว่ากำลังโกรธ

ร่างของอวี้หนานเฉิงหายขึ้นไปบนห้องชั้นสองอย่างรวดเร็ว เซิ่งอันหรานรู้สึกมึนงง

เธอไปทำอะไรเขาอีกแล้วเหรอ ?

ในห้องนอนใหญ่บนชั้นสอง แสงไฟสลัว อวี้หนานเฉิงเปิดหนังสือบนหัวเตียง แล้วประกบภาพถ่ายที่ขาดครึ่งเข้าด้วยกัน ครึ่งหนึ่งเป็นรอยย่น มีเด็กชายตัวเล็กคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนไหล่ของชายหนุ่มรูปงาม ดูสดใสมาก

อวี้หนานเฉิงถือภาพถ่าย ใช้นิ้วโป้งกดที่ขอบภาพถ่าย นิ้วถูกกดแน่นจนมุมแทบจะหลุดออกมา แสงสว่างบนใบหน้าของเขาแสดงความหงุดหงิดออกมาเล็กน้อย

หลายปีมานี้ เขาไม่เคยยอมรับเลยว่าตัวเองเคยทำผิดอะไร

เป็นผู้หญิงคนนั้นที่ทรยศต่อพ่อ แอบลับหลังพ่อไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น และด้วยเรื่องนี้ยังฆ่าพ่อของเขาทางอ้อม ดังนั้นถึงจะเป็นแม่ของเขาเอง แต่เขาก็ไม่ผิดที่จะไล่เธอออกไปจากบ้าน

แต่เซิ่งอันหรานกับพูดว่า นั่นเป็นเรื่องระหว่างพ่อกับแม่ คนเป็นลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแทรกแซง ?

วันรุ่งขึ้น เมื่ออวี้หนานเฉิงตื่นขึ้นมา เซิ่งอันหรานก็ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว และพาเด็กทั้งสองคนไปกินข้าว

“ตื่นแล้วเหรอ มากินข้าวเถอะ”

เซิ่งอันหรานมองมาที่เขา และยิ้ม

“ต้มโจ๊กพุทธาแดง มันดีต่อร่างกาย”

อวี้หนานเฉิงไม่ตอบ เพียงแต่ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง ท่าทางของเขาเย็นชากว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด

เซิ่งอันหรานเองก็รู้สึกเช่นกัน เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองไปยั่วยุเขาตรงไหน เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ เธอปรารถนา ว่ามันจะต้องไม่ส่งผลกระทบกับงานของเธอ

คนใช้ตักโจ๊กแล้ววางไว้ที่หน้าอวี้หนานเฉิง เขาก้มศีรษะลงดื่ม โดยไม่พูดอะไร แต่เขาก็ยังดื่มโจ๊กจนหมด ซึ่งทำให้เซิ่งอันหรานโล่งใจ

และแน่นอนว่า การจะส่งใครมาจะต้องดูสถานการณ์ในตอนนั้นให้ชัดเจน

ทางที่ดีควรยุติการทำงานโดยเร็วที่สุด

หลังจากวันนั้น เซิ่งเสี่ยวซิงก็อาศัยอยู่ที่อวี้ย่วนวิลล่า ในตอนเช้าเซิ่งอันหรานกับอวี้หนานเฉิงส่งเด็กสองคนไปโรงเรียนด้วยกัน และในตอนเย็นอวี้หนานเฉิงก็ไปรับกลับมาด้วยตัวเอง

และดูเหมือนว่าแม่ครัวของอวี้ย่วนวิลล่าจะคำนวณเวลาเลิกงานของเซิ่งอันหรานได้ ทุกครั้งไม่ว่าจะเย็นหรือดึกเธอก็ล้วนทำอาหารได้ทันเวลา

ใช้เวลาครึ่งเดือนเต็มในการจัดสถานที่เฉลิมฉลอง วันศุกร์หลังจากผ่านมาครึ่งเดือน เซิ่งอันหรานก็ทำบัญชีเตรียมจ่ายเงินให้กับพนักงานชั่วคราว

ขณะที่กำลังคิดจะเลิกงานเร็วเพื่อไปรับเซิ่งเสี่ยวซิงอยู่นั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน