อาหารรอบดึกของเซิ่งอันหรานไม่ด้อยไปกว่าอาหารเย็นเลย มีจานสวยๆวางอยู่บนโต๊ะหกจาน แครอทและแตงกว่าหั่น ถั่วลิสง ถั่วลันเตาต้ม และจานที่หอมที่สุดก็คือผัดหมี่เนื้อเต็มจาน เชิญลองหาดูในป๋ายตู้ ()
ใส่บะหมี่ลงในถ้วยใหญ่ให้อวี้หนานเฉิง หลังใส่เครื่องเคียงและผัดเสร็จก็ยกไปให้เขา และพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “คุณคลุกเองนะ อันนี้อร่อยมาก”
หลังจากพูดประโยคพวกนี้เสร็จเธอก็ยกบะหมี่ไปเสิร์ฟ
ฝ่ามือของอวี้หนานเฉิงแตะบนถ้วยบะหมี่ มันร้อนเล็กน้อย แม้แต่สายตาของเขาที่มองหญิงสาวที่ยุ่งอยู่ด้านข้าง ก็ยังร้อนผ่าวขึ้นมาเลย
อันที่จริงครอบครัวที่ร่ำรวยจะไม่ค่อยเห็นญาติของตัวเองลงมือทำซุปอาหาร เพราะในบ้านมีคนรับใช้มากมาย เจ้านายตั้งแต่คนโตไปจนถึงเด็กล้วนไม่ทำอะไรเลย ให้คนอื่นทำแทนหมด
เขาใช้ชีวิตแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่ภาพตรงหน้ามันกลับซ้อนทับความทรงจำของเขาในวัยเด็ก ขณะที่คิดถึงความทรงจำเก่าๆ เขาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บป่วยที่ร้ายแรงในวัยเด็ก
เซิ่งอันหรานกินคำใหญ่ไปสองสามคำ บะหมี่ผัดก็เหลืออยู่ครึ่งถ้วย เธอพอใจแล้ว หางตาของเธอเหลือบมองในจานของอวี้หนานเฉิงยังเหมือนเดิม ต้องทำให้เขาหรือยังไง
“ทำไมคุณยังไม่กินอีกล่ะ ?” เธอถามด้วยความสงสัย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กระซิบถามว่า “ไม่ใช่ว่าคุณไม่เคยกินผัดหมี่หรอกนะ ?”
“แปลกมาเหรอที่ผมไม่เคยกิน ?”อวี้หนานเฉิงถามกลับ
จินหลิงอยู่ทางใต้ ผัดหมี่เป็นของมีชื่อเสียงทางเหนือ ถึงแม้ว่าจะพบได้ทั่วไปในทางใต้ แต่ก็ล้วนแต่เป็นแผงขายตามถนน และถ้าอยากจะมาเป็นแม่ครัวของตระกูลอวี้แน่นอนว่าจะไม่มีทางเสิร์ฟผัดหมี่ให้กับอวี้หนานเฉิงแน่นอน และเขาก็คงไม่มีทางไปกินอาหารข้างทาง
“เอ่อ ไม่แปลก ไม่แปลก”เซิ่งอันหรานยิ้ม แล้วยื่นมือออกมาช้าๆ
“ฉันคลุกให้คุณไหม ”
“ไม่ต้อง”อวี้หนานเฉิงถือตะเกียบขึ้นมาคนด้วยตัวเอง การเคลื่อนไหวดูไม่ค่อยถนัด แต่ก็ไม่ได้ดูซุ่มซ่ามอะไร
“อันที่จริงฉันเข้าใจคุณดี”
เซิ่งอันหรานพยายามหาคำพูดชดเชยกับความหยาบคายของตัวเองเมื่อครู่
“เมื่อก่อนตอนฉันยังเป็นลูกสาวคนรองของตระกูลเซิ่ง ตราบใดที่อยู่บ้าน ไม่มีใครยอมให้ฉันทำงานเลย แม่เลี้ยงและพี่สาวของฉันยิ่งไม่แตะต้องทำอะไรเลย ยิ่งเรื่องผัดหมี่แบบนี้ ฉันคิดว่าตลอดชีวิตนี้เซิ่งอันเหยาไม่มีทางกินมันแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ปิดบังเรื่องของครอบครัว สายตาของอวี้หนานเฉิงดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันก็แค่ชั่วครู่ ก็กลับมาเป็นปกติ แล้วถามต่อว่า “แม่เลี้ยงดีกับคุณมากเลยเหรอ ?”
“คุณคิดว่าไงล่ะ ?”
เซิ่งอันหรานส่งสายตาให้เขาสัมผัสมันเอง
ถ้าแม่เลี้ยงปฏิบัติต่อเธออย่างดีล่ะก็ ที่งานหมั้นของเฉียวเจ๋อในเดือนนั้น เซิ่งอันเหยาทำตัวน่าเกลียดกับเธอขนาดนั้น ? ลูกสาวเป็นยังไง ดูแม่แค่แป๊ปเดียวก็มองออกแล้ว
อวี้หนานเฉิงขมวดคิ้ว และถามอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่สนใจ ?”
“ใช่ไม่สนใจ”เซิ่งอันหรานม้วนบะหมี่ใส่ปากคำใหญ่ ก่อนจะพูดอู้อี้ว่า “สำหรับฉัน คนที่สำคัญและดีต่อฉันจริงๆล้วนตายไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ล้วนแต่ไม่สำคัญ ไม่ค่อยมีความหมายอะไรกับฉัน”
อวี้หนานเฉิงผงะไปครู่หนึ่ง โดยคิดว่าไปสะกิดเรื่องเศร้าใจของเธอ เขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษนะ”
“คุณขอโทษเรื่องอะไร ?”
เซิ่งอันหรานกระตุกมุมปาก แล้วยิ้มเยาะออกมา
“คุณรู้ไหม?พ่อของฉันบอกกับฉันเสมอว่าแม่ของฉันเสียชีวิตจากการป่วย ตระกูลเซิ่งและแม้แต่คุณปู่ก็ล้วนพูดแบบนี้ แต่ถ้าพ่อของฉันซื่อสัตย์กับแม่ของฉันจริง แล้วทำไมเซิ่งอันเหยาถึงเกิดก่อนที่แม่ของเธอจะแต่งงานกับตระกูลเซิ่งได้ยังไง ? เธอแก่กว่าฉันตั้งสองเดือน ”
ผู้ใหญ่ล้วนคิดว่าเด็กเล็กหลอกง่ายมาก แต่แม้ว่าเด็กเล็กจะไร้เดียงสา แต่ก็ไม่ได้โง่
“คุณเกลียดพ่อของตัวเอง ?”
เซิ่งอันหรานพยักหน้า แต่กลับส่ายศีรษะอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน