ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 65

“อันหราน นี่ฉันเอง"

เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นมาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์

“ฉันรู้ว่าเป็นนาย” เซิ่งอันหรานพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและคุ้นเคย “ บนจอก็โชว์เบอร์โทรศัพท์อยู่ เป็นยังไงบ้าง คราวที่แล้วบอกฉันว่าหลังจากแสดงเสร็จจะบินกลับมา แล้วตอนนี้ได้วันเวลาที่จะกลับแน่นอนแล้วหรือยัง” ?"

"แน่นอนแล้ว"

“เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ที่นี่งานยุ่งมาก แต่ถ้ามีเวลาว่างฉันจะไปรับนายที่สนามบิน”

"ไม่ต้องหรอก"

“มันก็ใช่”เซิ่งอันหรานหัวเราะ “นักไวโอลินชื่อดังของเรา ตอนนี้เป็นเจ้าชายแห่งชาติและดังไปทั่วประเทศแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องมีรถมาคอยรับส่งเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ”

“หากว่าตอนนี้เจ้าชายแห่งชาติกำลังจะไปปรากฏตัวอยู่บนทางเดิน อันหราน เธอจะไม่สนใจฉันบ้างเลยเหรอ?”

“ปรากฏตัวอยู่บนทางเดินอะไรกัน?”

“หันมาสิ ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานก็หันหลังกลับโดยไม่รู้ตัว เธอมองไปที่ทางเข้าของโรงแรมเซิ่งถัง โดยมีน้ำพุขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง ที่หน้าประตูทางเข้ามีเด็กหนุ่มกำลังลากกระเป๋าเดินทาง และสะพายกระเป๋าไวโอลินไว้ทางด้านหลัง เขากำลังมองมาที่เธอพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับเธอ

รอยยิ้มนั้นดูบริสุทธิ์และสดใสมาก เขาอ้าแขนทั้งสองข้าง จากนั้นก็ตะโกนออกไปว่า

“เซอร์ไพรส์ อันหราน!”

เซิ่งอันหรานตกตะลึง ใบหน้าของเธอแสดงถึงความดีใจ พร้อมกับค่อยๆวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตรเข้าไปตบไหล่ของชายหนุ่ม

“เด็กบ้า กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงได้ไม่บอกกันล่วงหน้า”

"ฉันอยู่บนเครื่องบินกว่าสี่สิบชั่วโมง ตอนนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลย"

“เดี๋ยวไปทานข้าวกัน” เซิ่งอันหรานเหลือบมองดูเวลา “พอดีฉันเพิ่งทำงานเสร็จ ขอฉันไปเก็บของก่อนนะ”

“รอเดี๋ยว” ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เธอไป จู่ๆ เขาก็จับมือของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน

“ทำอะไรเนี่ย ตัวฉันมีเหงื่อออกเต็มไปหมด ” เซิ่งอันหรานพยายามดิ้นรน

ชายหนุ่มทำตัวไร้เดียงสาราวกับเด็ก และน้ำเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นข้างๆหูของเซิ่งอันหราน

“นี่พี่สาว ฉันขอชาร์จแบตหน่อย ฉันเกือบจะไม่มีแรงเดินแล้ว การกอดก็คือการเติมพลังให้กับฉัน ”

เซิ่งอันหรานรู้สึกจำใจ เธอยกมือขึ้นตบหลังของเขาเบาๆ "นายอายุเท่าไหร่แล้ว ทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้"

ทุกครั้งที่เส้าซือเรียกเธอว่าพี่สาว เซิ่งอันหรานก็มักจะทำอะไรไม่ถูก

“พี่สาว ฉันเพิ่งเดินทางกลับมา ยังไม่มีที่อยู่เลย”

ในระหว่างที่เดินทางไปรับเซิ่งเสี่ยวซิง เส้าซือมีท่าทีที่น่าสงสาร

“ไม่เอาน่า วงของนายไม่ได้จัดการที่อยู่ให้นายหรอกเหรอ?”

“ฉันไม่ได้อยู่ในวงแล้ว” เส้าซือกะพริบตา “งานของวงมันน้อยเกินไป และเวลาไปเล่นมันก็ได้เงินไม่มาก ดังนั้นฉันจึงเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่”

“สัญญาของนายกับวงหมดอายุแล้ว?” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่สิ คราวที่แล้วนายบอกฉันว่านายกลับมาที่ประเทศจีนเพื่อเตรียมงานแสดง?”

“ก็ใช่ สัญญายังไม่หมดอายุ ส่วนงานแสดงก็ถูกยกเลิก หลังจากที่ฉันชำระค่าเสียหายเสร็จ และก่อนที่จะได้เซ็นกับบริษัทใหม่ ฉันก็ไม่มีเงินเหลือแม้แต่ที่จะจ่ายค่าที่พักของโรงแรม พี่สาว รับฉันไว้เถอะนะ”

เรื่องนี้ฟังแล้วดูเหมือนว่าเส้าซือไม่ได้โกหก เส้าซือเป็นคนที่ให้ความสำคัญและเห็นใจคนอื่น คิดว่าน่าจะมีอะไรบางเกิดขึ้นกับวง ดังนั้นเขาจึงยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมากเช่นนี้ อีกทั้งยังเลือกที่จะไม่อยู่ในวงต่อ

“เกิดอะไรขึ้น” เซิ่งอันหรานถามด้วยความเป็นห่วง

"เปล่านิ"

เส้าซือโบกมือไปมาอย่างนิ่งเฉย "จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันได้ล่ะ?"

“ถ้ามีอะไรก็อย่าปิดบังฉันนะ”

“ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันเป็นคนที่ต่อสู้กับชีวิตและความอยากลำบากบนเวทีมาตั้งแต่อายุสิบขวบ จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ?”

เส้าซือดึงแขนข้างหนึ่งของเซิ่งอันหราน พร้อมกับเอนตัวเข้าไปซบเธออย่างเป็นธรรมชาติ และพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นว่า

“ฉันขอนอนพักสักหน่อยนะ ถ้าถึงแล้วก็เรียกฉันด้วย ”

เมื่อเห็นว่าเขาหลับด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า ใครๆได้เห็นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เซิ่งอันหรานถอนหายใจด้วยความเป็นทุกข์

เส้าซืออายุน้อยกว่าเธอ 2 ปี โดยปกติก็มักจะเรียกเธอว่าพี่สาว พี่สาว ไม่ยอมหยุด รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขามันดูมีความสุขมาก เขาชอบทำตัวเหมือนเด็ก แต่เธอรู้แก่ใจดีว่า ความทรงจำที่เปื้อนเลือดของอดีต มันจะเป็นเหมือนเงาติดตามเขาไปตลอดชีวิต และไม่สามารถสลัดให้พ้นไปได้ รอยยิ้มของเขาเป็นได้แค่เกราะป้องกันและปิดบังความรู้สึกที่อยู่ภายในใจเท่านั้น

“หม่าม้า!”

หลังจากที่ยืนรอตรงหน้าประตูโรงเรียนอนุบาลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว มีบางสิ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับจรวด และมาเกาะแน่นที่ขาของเซิ่งอันหราน

เซิ่งเสี่ยวซิงกอดขาของคุณแม่ด้วยความดีใจ “หม่าม้า ทำงานเสร็จแล้วเหรอ? ถึงได้มีเวลารับหนู”

เซิ่งอันหรานพยักหน้า “ใช่แล้ว ทำงานเสร็จแล้ว ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หม่าม้าจะเป็นคนมารับจะหนูกลับบ้านเอง”

“หา ?” ทันใดนั้นความโศกเศร้าก็ปรากฏบนใบหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิง ใบหน้าของเธอรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เซิ่งเสี่ยวซิงทำหน้ามุ่ยและถามเซิ่งอันหรานขึ้นว่า

"พวกเราอยู่ที่บ้านของคุณลุงไปตลอดไม่ได้เหรอคะ?"

"แน่นอนอยู่แล้ว"

อวี้หนานเฉิงก็เพิ่งมารับอวี้จิ่งซีเช่นเดียวกัน และเขากำลังถูกอวี้จิ่งซีลากเข้าไปหาเซิ่งอันหราน และเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ อวี้จิ่งซีก็ดูนิ่งไปสักพัก

“ต่อไปจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองอีกไหม” เขาถาม

เซิ่งอันหรานพยักหน้า

“อืม แต่ก็คงจะไม่ยุ่งขนาดนี้ และน่าจะเลิกงานได้ตรงเวลา ดังนั้นต่อไปจะไม่รบกวนเธอแล้ว ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ขอบคุณที่ช่วยดูแลเสี่ยวซิงซิงให้นะ และฉันจะไปเก็บข้าวของที่บ้านของเธอวันเสาร์นี้จ๊ะ "

ก่อนหน้านี้ เธอได้นำกระเป๋าเดินทางแบบธรรมดาๆ ใส่ของย้ายไปพักที่บ้านของเขา

เมื่ออวี้จิ่งซีได้ยินว่าเซิ่งอันหรานกำลังจะไป เขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที อวี้จิ่งซีดึงชายเสื้อของ อวี้หนานเฉิงแล้วจ้องไปที่เขา

สีหน้าของเซิ่งเสี่ยวซิงก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเช่นกัน เธอจับมือของตัวเองและพึมพำขึ้นว่า "หนูอยากจะเล่นกับพี่จิ่งซี "

เซิ่งอันหรานขมวดคิ้วและมองไปที่เซิ่งเสี่ยวซิง ตอนที่เธอกำลังจะแสร้งทำเป็นโกรธ เสียงของเส้าซือก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“ซิงซิงน้อย ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ” น้ำเสียงที่สดใสของชายหนุ่มนั้นฟังดูไพเราะเป็นพิเศษ ซึ่งมันสามารถทำให้คนที่ได้ฟังเกิดความหลงใหล

เซิ่งเสี่ยวซิงดูอารมณ์ดีขึ้นมาในทันที เธอร้องดีใจเสียงแหลม และวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเส้าซือ

“พี่เส้าซือ !”

“สาวน้อย คิดถึงพี่ไหม?”

“คิดถึง !คิดถึงจะตายอยู่แล้ว!”

“ถ้าคิดถึงจนจะตายก็คงไม่ได้ ฉันยังเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้เธอเยอะแยะเลยนะ อยากเห็นหรือเปล่า!”

"อยากค่ะ!"

เส้าซือหัวเราะและอุ้มเธอขึ้นมา ทั้งสองหัวเราะคิกคักกันใหญ่

ชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ ผมที่อยู่ตรงด้านหน้าถูกลมพัด เขาสวมชุดลำลองเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขายาวสีดำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ทำให้เด็กสาวหลายๆคนที่เดินผ่านไปมาบนถนนสายนั้นต้องหยุดเพื่อมองเขา และ บางคนก็เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาภาพถ่าย

เซิ่งอันหรานเห็นทั้งสองเล่นกันแบบนั้นแล้ว ก็อดที่จะเตือนไม่ได้

“เฮ้ เส้าซือ นายยกเธอสูงเกินไปแล้วมันอันตราย เล่นนิดๆหน่อยๆก็พอ แล้วก็เสี่ยวซิงซิง บอกไปกี่ครั้งแล้ว พี่ชายอะไรกัน หนูควรเรียกเขาว่าคุณอา”

“เป็นพี่ชาย! พี่เส้าซือเป็นพี่ชายที่หนูชอบที่สุด !”เซิ่งเสี่ยวซิงเอาแต่ใจ เธอจับใบหน้าของเส้าซือ จากนั้นก็หอมเขาหนึ่งที “พี่เส้าซือ ต่อไปจะไม่อนุญาตให้พี่ไปไหนแล้วนะ!”

“ไม่ไปไหนแล้ว หม่าม้าของเธอสัญญากับฉันว่าจะให้ฉันพักอยู่ด้วย!” เส้าซือ กะพริบตามองเซิ่งเสี่ยวซิง “พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เสี่ยวซิงซิงอยากจะเล่นอะไรก็เล่นกับฉันได้!”

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว อวี้จิ่งซีก็รีบดึงชายเสื้อของอวี้หนานเฉิง ด้วยความรีบร้อน

อวี้หนานเฉิงก้มลงมองเขาเพียงแค่แวบเดียว และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนั้นชอบคุณอาของเธอมากกว่า ลากพ่อเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”

ใบหน้าของอวี้จิ่งซีแดงก่ำขึ้นมาในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน