“อันหราน นี่ฉันเอง"
เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นมาจากปลายสายอีกด้านของโทรศัพท์
“ฉันรู้ว่าเป็นนาย” เซิ่งอันหรานพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและคุ้นเคย “ บนจอก็โชว์เบอร์โทรศัพท์อยู่ เป็นยังไงบ้าง คราวที่แล้วบอกฉันว่าหลังจากแสดงเสร็จจะบินกลับมา แล้วตอนนี้ได้วันเวลาที่จะกลับแน่นอนแล้วหรือยัง” ?"
"แน่นอนแล้ว"
“เมื่อไหร่ เพราะตอนนี้ที่นี่งานยุ่งมาก แต่ถ้ามีเวลาว่างฉันจะไปรับนายที่สนามบิน”
"ไม่ต้องหรอก"
“มันก็ใช่”เซิ่งอันหรานหัวเราะ “นักไวโอลินชื่อดังของเรา ตอนนี้เป็นเจ้าชายแห่งชาติและดังไปทั่วประเทศแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องมีรถมาคอยรับส่งเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ”
“หากว่าตอนนี้เจ้าชายแห่งชาติกำลังจะไปปรากฏตัวอยู่บนทางเดิน อันหราน เธอจะไม่สนใจฉันบ้างเลยเหรอ?”
“ปรากฏตัวอยู่บนทางเดินอะไรกัน?”
“หันมาสิ ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซิ่งอันหรานก็หันหลังกลับโดยไม่รู้ตัว เธอมองไปที่ทางเข้าของโรงแรมเซิ่งถัง โดยมีน้ำพุขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง ที่หน้าประตูทางเข้ามีเด็กหนุ่มกำลังลากกระเป๋าเดินทาง และสะพายกระเป๋าไวโอลินไว้ทางด้านหลัง เขากำลังมองมาที่เธอพร้อมกับยิ้มกว้างให้กับเธอ
รอยยิ้มนั้นดูบริสุทธิ์และสดใสมาก เขาอ้าแขนทั้งสองข้าง จากนั้นก็ตะโกนออกไปว่า
“เซอร์ไพรส์ อันหราน!”
เซิ่งอันหรานตกตะลึง ใบหน้าของเธอแสดงถึงความดีใจ พร้อมกับค่อยๆวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตรเข้าไปตบไหล่ของชายหนุ่ม
“เด็กบ้า กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมถึงได้ไม่บอกกันล่วงหน้า”
"ฉันอยู่บนเครื่องบินกว่าสี่สิบชั่วโมง ตอนนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลย"
“เดี๋ยวไปทานข้าวกัน” เซิ่งอันหรานเหลือบมองดูเวลา “พอดีฉันเพิ่งทำงานเสร็จ ขอฉันไปเก็บของก่อนนะ”
“รอเดี๋ยว” ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เธอไป จู่ๆ เขาก็จับมือของเธอแล้วดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
“ทำอะไรเนี่ย ตัวฉันมีเหงื่อออกเต็มไปหมด ” เซิ่งอันหรานพยายามดิ้นรน
ชายหนุ่มทำตัวไร้เดียงสาราวกับเด็ก และน้ำเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้นข้างๆหูของเซิ่งอันหราน
“นี่พี่สาว ฉันขอชาร์จแบตหน่อย ฉันเกือบจะไม่มีแรงเดินแล้ว การกอดก็คือการเติมพลังให้กับฉัน ”
เซิ่งอันหรานรู้สึกจำใจ เธอยกมือขึ้นตบหลังของเขาเบาๆ "นายอายุเท่าไหร่แล้ว ทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้"
ทุกครั้งที่เส้าซือเรียกเธอว่าพี่สาว เซิ่งอันหรานก็มักจะทำอะไรไม่ถูก
“พี่สาว ฉันเพิ่งเดินทางกลับมา ยังไม่มีที่อยู่เลย”
ในระหว่างที่เดินทางไปรับเซิ่งเสี่ยวซิง เส้าซือมีท่าทีที่น่าสงสาร
“ไม่เอาน่า วงของนายไม่ได้จัดการที่อยู่ให้นายหรอกเหรอ?”
“ฉันไม่ได้อยู่ในวงแล้ว” เส้าซือกะพริบตา “งานของวงมันน้อยเกินไป และเวลาไปเล่นมันก็ได้เงินไม่มาก ดังนั้นฉันจึงเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่”
“สัญญาของนายกับวงหมดอายุแล้ว?” เซิ่งอันหรานขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่สิ คราวที่แล้วนายบอกฉันว่านายกลับมาที่ประเทศจีนเพื่อเตรียมงานแสดง?”
“ก็ใช่ สัญญายังไม่หมดอายุ ส่วนงานแสดงก็ถูกยกเลิก หลังจากที่ฉันชำระค่าเสียหายเสร็จ และก่อนที่จะได้เซ็นกับบริษัทใหม่ ฉันก็ไม่มีเงินเหลือแม้แต่ที่จะจ่ายค่าที่พักของโรงแรม พี่สาว รับฉันไว้เถอะนะ”
เรื่องนี้ฟังแล้วดูเหมือนว่าเส้าซือไม่ได้โกหก เส้าซือเป็นคนที่ให้ความสำคัญและเห็นใจคนอื่น คิดว่าน่าจะมีอะไรบางเกิดขึ้นกับวง ดังนั้นเขาจึงยอมชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมากเช่นนี้ อีกทั้งยังเลือกที่จะไม่อยู่ในวงต่อ
“เกิดอะไรขึ้น” เซิ่งอันหรานถามด้วยความเป็นห่วง
"เปล่านิ"
เส้าซือโบกมือไปมาอย่างนิ่งเฉย "จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันได้ล่ะ?"
“ถ้ามีอะไรก็อย่าปิดบังฉันนะ”
“ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันเป็นคนที่ต่อสู้กับชีวิตและความอยากลำบากบนเวทีมาตั้งแต่อายุสิบขวบ จะเกิดอะไรขึ้นได้ล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน