ผูกรักท่านประธานพันล้าน นิยาย บท 66

"นายพักในห้องนี้ก็แล้วกัน"

เซิ่งอันหรานเปิดประตูห้องนอน "ฉันบอกกับซูจิ้งไว้แล้ว เธอไม่มีปัญหาอะไรหากว่านายจะพักในห้องนี้"

“พี่จิ้งเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนใจแคบที่เห็นคนลำบากแล้วจะไม่ช่วย” เส้าซือเอียงศีรษะพิงประตูห้องพร้อมกับมองไปรอบๆ บรรยากาศในห้องดูไม่เลว เขาพยักหน้าด้วยความพอใจ

"ที่พักถูกๆมีตั้งมากมาย หากว่านายหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วก็รีบย้ายออกไปซะ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน แล้วนายจะมาอยู่ที่นี่ตลอดไปคงไม่เหมาะสม"

“รู้แล้วน่า!”

เส้าซือยื่นมือออกไปโอบไหล่ของเซิ่งอันหราน “พี่สาว คืนนี้กินอะไรดี!”

"ผัดซีอิ๊ว"

“ฉันชอบผัดซีอิ๊วที่พี่ทำมากที่สุดเลย”

เซิ่งเสี่ยวซิงกำลังพอใจกับช็อกโกแลตที่เส้าซือนำกลับมาให้เธอจากต่างประเทศ ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไป ก็จะพบกับเธอที่นั่งอยู่บนพรมและกำลังฟังเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอกของห้อง เมื่อเซิ่งเสี่ยวซิงนึกย้อนถึงปฏิกิริยาของอวี้หนานเฉิงตรงทางเข้าโรงเรียนอนุบาลในวันนี้ ดวงตากลมโตของเธอก็เป็นประกายขึ้นมา

หม่าม้ากับคุณลุงอยู่ใกล้ชิดกันมานานสักพักแล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ดูเหมือนว่าจะต้องเติมไฟเข้าไปเพิ่มซะแล้วล่ะ!

วันรุ่งขึ้น เซิ่งอันหรานออกไปซื้อของตั้งแต่ช่วงเช้า

ในเมื่อเส้าซือมาอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว เซิ่งอันหรานจึงจำเป็นต้องให้การต้อนรับเขาราวกับแขกคนหนึ่ง

ทันทีที่เซิ่งอันหรานก้าวเท้าออกจากบ้านไปได้ไม่นาน เสียงกริ่งของประตูก็ดังขึ้น เส้าซือเดินไปเปิดประตูพร้อมกับเอ่ยปากถามขึ้นว่า “ลืมของอะไรงั้นเหรอ”

เมื่อเปิดประตูออกมา กลับพบว่าที่ด้านนอกของประตูไม่ใช่เซิ่งอันหราน

"นี่คุณ?"

อวี้หนานเฉิงจูงมืออวี้จิ่งซีและกำลังยืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้าน อวี้จิ่งซีเอะอะโวยวายไม่หยุดตั้งแต่เช้า เขาต้องการให้อวี้หนานเฉิงพาเขาไปทานอาหารที่บ้านของเซิ่งอันหราน ดังนั้นอวี้หนานเฉิงจึงมาที่นี่ แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เส้าซือจะอยู่ที่นี่ด้วย สีหน้าของอวี้หนานเฉิงเปลี่ยนไปในทันที

หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เส้าซือก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาปรบมือและพูดขึ้นว่า

“คุณคือคนเมื่อวานที่เจอกันอยู่หน้าประตูโรงเรียน คุณพ่อเพื่อนของซิงซิงใช่มั้ย? คุณก็อาศัยอยู่ในอาคารนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?”

“อวี้หนานเฉิง!”

เสียงของเซิ่งเสี่ยวซิงดังออกมาจากในบ้าน"พี่จิ่งซี พวกพี่มากันแล้วเหรอคะ!"

เสี่ยวซิ่งๆรีบวิ่งออกมาจากห้องนอน “พี่เส้าซือ คุณลุงอวี้หนานเฉิง เป็นเจ้านายและเป็นเพื่อนที่ดีของหม่าม้า ส่วนพี่ชายจิ่งซีก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนู พวกเขามักจะมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” เส้าซือยิ้มด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ขยับเอียงตัวหลบไปทางด้านข้าง “อย่างงั้นก็เข้ามาเร็วๆเถอะ อย่ายืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างนี้เลย ”

ท่าทางเช่นนี้ของเขา ช่างดูสุภาพราวกับเป็นชายชาตรี

อวี้จิ่งซีขมวดคิ้วและจ้องไปที่เส้าซือด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

เส้าซือไม่ได้ให้ความสนใจกับเด็กชายตัวน้อยเลย เขายิ้มและมองไปที่อวี้หนานเฉิง"อันหรานเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน เธอมีเพื่อนไม่มาก เรื่องที่เธอได้เข้าไปทำงานในเซิ่งถังกรุป เธอก็ได้เล่าให้ผมฟังแล้วล่ะ คุณดูแลเธอเป็นอย่างดีเลยใช่มั้ย”

“ความสามารถของเธอไม่เลว”

อวี้หนานเฉิงตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจ จากนั้นก็ถามกลับไปว่า "คุณกับเธอมีความสัมพันธ์อะไรกัน? ผมได้ยินจิ่งซีบอกว่าเมื่อวานนี้ เสี่ยวซิงซิงเรียกคุณว่าคุณอา?"

ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าครอบครัวตระกูลเซิ่งจะมีลูกชายด้วย

“ก็ใช่” เส้าซือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผมคือคนที่โดนอันหรานเก็บมา จะว่าไปแล้วก็เป็นเหมือนน้องชายของเธอ ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆก็คือ ผมคือแฟนในอนาคตของเธอ ก็คงคล้ายๆกับเด็กเลี้ยง คุณรู้ใช่มั้ย"

เด็กเลี้ยง...

อวี้หนานเฉิงอยู่มาจนกระทั่งอายุสามสิบปี เขาไม่เคยเห็นใครหลงตัวเองขนาดนี้มาก่อน แถมยัง ใช้น้ำเสียงที่ดูภาคภูมิใจเช่นนี้

“น่าขำสิ้นดี” เขาพูดออกมาด้วยท่าทางฝืนๆ

“น่าขำ?” เส้าซือมองไปที่อวี้หนานเฉิง “คุณคิดว่าผมพูดเล่นอย่างนั้นเหรอ? ผมพูดจริงๆ เพราะในอนาคตอันหรานก็จะต้องมาเป็นแฟนสาวของผม ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองถามเสี่ยวซิงซิงดูสิ”

ทันใดนั้นสายตาของทั้งสามคนต่างก็จ้องไปที่เซิ่งเสี่ยวซิง

เซิ่งเสี่ยวซิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กะพริบตาและพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ใช่ค่ะ หม่าม้ากับพี่เส้ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากๆ ! หากว่าได้พี่เส้าซือมาเป็นคุณพ่อของหนู คงจะเท่น่าดู”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของอวี้หนานเฉิงก็ชินชาไปหมด เขารู้สึกเจ็บแน่นที่หน้าอกพร้อมกับมีอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“หม่าม้าของหนูคงจะใจกว้างมากน่าดูเลยสินะ มีลูกสาวอยู่แล้วทั้งคน ยังจะเล่นมาคบเด็กอีก? ก่อนหน้านี้ดูไม่ออกเลยจริงๆ”

"ก็สังคมมันกำลังก้าวหน้า และผมกับอันหรานอายุต่างกันเพียงแค่สองปีเอง"

เส้าซือยิ้ม เขามองไปที่อวี้หนานเฉิงด้วยความระมัดระวัง

“นั่งลงก่อนสิ เดี๋ยวผมจะไปรินน้ำชามาให้”

หลังจากพูดจบ เส้าซือก็เดินเข้าไปในครัวด้วยความชำนาญ

ชายผู้คนนี้ชื่ออวี้หนานเฉิง ดูเหมือนจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

ในอีกด้านหนึ่ง เซิ่งเสี่ยวซิงก็รีบเดินไปดึงตัวของอวี้จิ่งซีเข้าไปในห้องนอน

“พี่จิ่งซี โซ่เก้าห่วงของฉันแกะไม่ออก พี่ช่วยฉันดูหน่อยได้ไหมว่าจะต้องทำยังไง”

อวี้จิ่งซีที่ยืนอยู่ทางด้านข้างกอดอกแน่นและไม่สนใจเธอ ดูเหมือนว่าเขากำลังโกรธ

“พี่จิ่งซี”

เซิ่งเสี่ยวซิงเงยหน้าขึ้นมองจิ่งซีพร้อมกับเกาหัว "พี่เป็นอะไรไป?"

เมื่อเห็นท่าทางที่ดูไร้เดียงสาของเซิ่งเสี่ยวซิง อวี้จิ่งซีก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาหยิบกระดานวาดภาพและเขียนคำลงไปหนึ่งบรรทัด

“พ่อของฉันทั้งรวยและหล่อมาก เมื่อเธอเจอผู้ชายคนนั้นแล้ว ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนใจล่ะ! ฉันไม่อยากสนใจเธอแล้ว”

เซิ่งเสี่ยวซิงจ้องไปที่กระดานวาดภาพเป็นเวลานาน แต่เธอก็ยังคงไม่เข้าใจ

“อะไรน่ะ ฉันอ่านตัวหนังสือพวกนี้ไม่ออกหรอกพี่จิ่งซี”

อวี้จิ่งซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็วาดภาพอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นให้กับเธออีกครั้ง

ภาพซ้ายมือเป็นผู้ชายในชุดสูทและผู้หญิงผมหยิกยาวจับมือกัน ต่างคนต่างจูงมือเด็กน้อยคนละข้าง ส่วนภาพทางขวามือเป็นเด็กผู้ชายสวมชุดกีฬาและเด็กผู้หญิงผมหยิกจับมือกัน และทั้งสองก็ต่างจูงมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง

อวี้จิ่งซีชี้ไปที่ภาพวาด จากนั้นก็ชี้ไปที่เซิ่งเสี่ยวซิง เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

เมื่อเซิ่งเสี่ยวซิงได้สติกลับมา เธอก็พูดขึ้น "พี่หมายถึงฉันไม่ได้รักษาสัญญา?"

อวี้จิ่งซีพยักหน้า

เราได้ตกลงกันเป็นอย่างดีว่า ต่างคนก็ต่างช่วยกันคิดแผนที่จะทำให้ทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกัน ต่อไปจะเป็นครอบครัวเดียวกัน นั่งกินเนื้อย่างด้วยกัน! แล้วพอมาเจอผู้ชายหน้าตาดีเข้าหน่อยทำไมถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ! ใจของผู้หญิงเดายากราวกับงมเข็มในมหาสมุทรจริงๆ!

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เซิ่งเสี่ยวซิงหัวเราะขึ้นอย่างกะทันหัน“พี่ก็ถูกหลอกอีกคนแล้ว แสดงว่าฝีมือการแสดงของฉันเยี่ยมยอดมากเลยใช่ไหมล่ะ”

อวี้จิ่งซีขมวดคิ้วด้วยความงุนงง

“นี่ก็นานแล้ว หม่าม้าของฉันและป่าป๊าของพี่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย พี่ไม่รู้สึกกังวลเหรอ?”

เซิ่งเสี่ยวซิงนั่งลงบนพรมและพูดอธิบายขึ้นว่า “ฉันก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น! คุณตาบอกฉันว่าจะมีแรงกดดันก็ต่อเมื่อมีการแข่งขัน ดังนั้นฉันคิดว่าหากพี่เส้าซือกลับมา เขาจะต้องสร้างแรงกดดันให้กับคุณลุงได้อย่างแน่นอน และเมื่อเป็นอย่างนั้น คุณลุงก็อาจจะคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์กับหม่าม้าให้ไปไกลกว่านี้ก็ได้ใช่มั้ยล่ะ!”

อวี้จิ่งซีมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด!

“พี่เห็นสีหน้าของคุณลุงตอนที่เพิ่งเจอพี่เส้าซือมั้ย เห็นได้ชัดเลยว่าสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเอาซะเลย”

เซิ่งเสี่ยวซิงดึงแขนเสื้อของจิ่งซี ด้วยท่าทางดีใจ

“ดังนั้นฉันคิดว่า คุณลุงจะต้องแอบชอบหม่าม้าของฉันมาตั้งนานแล้ว พวกเรามาพยายามให้หนักขึ้นกันเถอะ!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิ่งซีจึงนึกย้อนถึงปฏิกิริยาของคุณพ่อในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้น

มันก็ดูมีเหตุผลอยู่บ้างนะ ปกติคุณพ่อแทบจะไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ แล้วคุณพ่อจะเริ่มไล่ตามจีบผู้หญิงได้ยังไง? ถ้าหากว่าไม่มีอะไรมากดดันเขาบ้างล่ะก็ เกรงว่าคุณพ่อก็คงจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง!

เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว อวี้จิ่งซีจึงได้เข้าใจ เขารีบพยักหน้าให้กับเซิ่งเสี่ยวซิง

เมื่อเซิ่งอันหรานซื้ออาหารและกลับมาถึงบ้าน ทันทีที่เธอเปิดประตูบ้านเข้ามา เธอก็พบชายสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา นอกจากเสียงหัวเราะของเซิ่งเสี่ยวซิงที่ดังออกมาจากด้านในห้องนอนเป็นระยะๆแล้ว บรรยากาศในบ้านแทบจะเงียบสงบ

เกิดอะไรขึ้น?

เมื่อเห็นเซิ่งอันหรานกลับมาถึงบ้าน เส้าซือจึงรีบลุกขึ้น "กลับมาแล้วเหรอ" เขาพูดขึ้นพลางเดินเข้าไปรับของจากมือเธอ

"มา ฉันจัดการเอง"

อวี้หนานเฉิงก็ลุกขึ้นจากโซฟาเช่นกัน

หลังจากที่เซิ่งอันหรานวางกระเป๋าของเธอลง เธอจึงหันกลับมาถามเขาว่า

“ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”

อวี้หนานเฉิงมีสีหน้าสงบและพูดอย่างไม่เร่งรีบ

“จิ่งซีต้องการมาที่นี่ ผมจึงพาเขามา”

“จิ่งซีก็อยู่ที่นี่ด้วย” เซิ่งอันหรานเหลือบมองไปทางห้องนอนและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ

"อย่างนั้นก็ดีเลย ฉันซื้อของและอาหารมาแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันเถอะ"

สีหน้าของเส้าซือที่ยืนอยู่ทางด้านข้างเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน