หลังจากที่ใช้เวลาบินนานกว่าสิบชั่วโมง เซิ่งอันหรานและทีมก็มาถึงยังสนามบินมัลดีฟส์
เมื่อเครื่องบินลงจอด ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นของลมทะเลอันสดชื่น และยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวของน้ำทะเลนิดๆ ซึ่งมันไม่ได้เหม็นจนแสบจมูก
เซิ่งเสี่ยวซิงนั่งเล่นตัวติดกับเส้าซือตลอดทาง แต่ทันทีที่เครื่องบินลงจอดเด็กน้อยกลับหมดเรี่ยวแรง ระหว่างทางไปโรงแรมเสี่ยวซิงซิงหลับและท่าทางของเธอก็ดูเหมือนหมีโคอาล่าที่แขวนคอของเส้าซือ
เมื่อเขามาถึงโรงแรม เส้าซืออุ้มเซิ่งเสี่ยวซิงให้นอนในห้องชั้นหนึ่งของโรงแรมก่อน จากนั้นจึงย้ายกระเป๋าเดินทางเข้ามา หลังจากเดินวนรอบโรงแรมหนึ่งรอบ เขาก็จัดการจองห้องพัก
"อันหราน เธอกับเสี่ยวซิงซิงขึ้นไปพักที่ชั้นบน เพราะห้องชั้นบนมันมีขนาดใหญ่กว่า ส่วนฉันพักที่ชั้นล่าง"
เซิ่งอันหรานยื่นแก้วน้ำส่งให้เส้าซือ “ลำบากนายแล้ว ดื่มน้ำก่อนเถอะ ฉันจะขึ้นไปดูข้างบน”
เส้าซืออดหัวเราะไม่ได้ "เธอไม่ต้องประหม่ามากขนาดนั้นก็ได้ เธอดูเกรงใจฉันแบบนี้ มันทำให้ ฉันรู้สึกไม่สบายใจ"
เซิ่งอันหรานมองไปรอบๆด้วยความจำใจ ในห้องนี้เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด ตรงมุมของห้องนั่งเล่นก็มีตากล้องที่ต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วจะไม่ให้ฉันประหม่าได้ยังไง?
“ฉันทำไม่ได้จริงๆ ถ้าจะต้องเป็นแบบนี้ตลอดทั้งห้าวัน ฉันจะต้องอกแตกตายแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอก ทำตัวสบายๆ เพราะสิ่งที่เขาจะถ่ายก็คือฉันกับเสี่ยวซิงซิง ที่ถ่ายโดนตัวเธอสุดท้ายก็ต้องเอาไปตัดออกอยู่ดี ”
เซิ่งอันหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาของเธอก็เป็นประกายขึ้น
“เอาอย่างนี้ไหม ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็ให้เสี่ยวซิงซิงอยู่กับนาย ถ้านายกับซิงซิงทำกิจกรรมด้วยกันตลอด กล้องจะได้ไม่ถ่ายโดนฉันแล้ว”
เส้าซือยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร
เพราะหลังจากเซิ่งอันหรานทิ้งท้ายประโยคไว้ว่า "จะให้เสี่ยวซิงซิงมาอยู่กับเขา"พอพูดจบเธอก็ เดินตรงขึ้นไปชั้นบน
ผ่านช่วงเวลายามเย็น สายลมค่อยๆพัดผ่าน
เมื่อผลักประตูกระจกบานเลื่อนของระเบียงชั้นสองออกไป สามารถมองเห็นผืนน้ำสีส้มแดงที่ถูกสะท้อนโดยแสงอาทิตย์ตกอยู่ไกลๆ ส่องระยิบระยับ และเงาของต้นมะพร้าวสะท้อนลงบนชายหาด คู่รักสองสามคู่กำลังเดินเล่นตามแนวชายหาด
เซิ่งอันหรานเอนกายลงบนระเบียงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอาอากาศอันสดชื่น
เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้
แม้ว่าจะเป็นการมาบันทึกรายการท่องเที่ยวกับเส้าซือด้วยความบังเอิญ แต่ทว่าเธอก็รู้สึกอยากขอบคุณความบังเอิญในครั้งนี้ เพราะโอกาสในการเดินทางมาท่องเที่ยวแบบนี้มันหาได้ยากจริงๆ
จู่ๆก็มีเสียง "ติ๊ง" ของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อดังขึ้น เธอมองลงไปที่โทรศัพท์มือถือ ทันใดนั้น หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเงาของคนที่คุ้นเคยยืนอยู่ด้านล่าง
เซิ่งอันหรานจ้องมองลงไปดูโดยละเอียด เธอเห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชิ้ตลำลองสีเบจนั่งอยู่ในร้านกาแฟหน้าริมสระว่ายน้ำและกำลังนั่งหันหลังให้กับเธอ ดูเหมือนเขามาก
เซิ่งอันหรานตกใจกับความคิดของตัวเอง
บ้าไปแล้วหรือยังไง? จะเป็นเขาได้ยังไงกัน ?
ในขณะที่เธอกำลังแค่ฟุ้งซ่านอยู่นั้น เสียง'ติ๊ง'เตือนของข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เซิ่งอันหรานได้สติกลับมา เธอก้มหน้าลงอ่านข้อความจากเส้าซือ
“เสี่ยวซิงซิงยังไม่ตื่นเลย ส่วนฉันจะลงไปซื้ออาหารเย็นมาให้ เธอมาอยู่เป็นเพื่อนซิงซิงหน่อย ”
เซิ่งอันหราน ตอบกลับ "ตกลง"
เซิ่งอันหรานเธอพิมพ์ตอบข้อความไปพลางพร้อมกับหันหลังและเดินลงไปที่ชั้นล่าง ในขณะที่ตรงทางเข้าร้านกาแฟทางด้านหลังของเธอมีใครบางคนกำลังค่อยๆปีนขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
บนกระดานวาดภาพขนาดเล็กมีข้อความปรากฏขึ้นมาว่า
“ทำไมเราไม่ไปหาพวกเธอซึ่งๆหน้าเลยล่ะครับ ”
ชายคนนั้นค่อยๆดื่มชาอย่างช้าๆ “ไม่ต้องรีบไป เพราะรอบๆตัวของพวกเธอมีกล้องคอยตามถ่ายอยู่ มันไม่ค่อยสะดวก ”
เด็กน้อยค่อนข้างไม่พอใจทำหน้าบึ้งพร้อมกับถอนหายใจอยู่หลายครั้ง และบนกระดานวาดภาพขนาดเล็กก็ปรากฏตัวอักษรขึ้นมา
“อย่างไรก็ตาม ถ้าผมไม่ได้เจอพวกเธอ ผมก็จะไม่ยอมกลับไป และคุณพ่อก็จะกลับไปไม่ได้เช่นกัน”
ปกติสีหน้าของชายผู้นี้มักจะดูเย็นชา แต่เมื่อเขาเห็นคำพูดประโยคนี้ที่อยู่บนกระดานวาดภาพ เขาก็แสดงสีหน้าลำบากใจขึ้นมาในทันที "โอเค พ่อรู้แล้ว ตอนนี้ลูกทานข้าวก่อนเถอะ?"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเด็กน้อยจึงค่อยๆดูอารมณ์ดีขึ้น เขาค่อยๆฝืนตัวเองทานข้าวเข้าไปทีละคำๆ
แต่ในใจของเขากลับดูไม่สงบ ทานอะไรก็ไม่อร่อยเลย ไม่อร่อยเท่าฝีมือป้าเซิ่ง ที่นี่มีอะไรน่าสนุกนักเหรอ?
ตอนเย็น
เส้าซือยกอาหารขึ้นมาจากชั้นล่าง ประจวบเหมาะกับเซิ่งเสี่ยวซิงก็เพิ่งตื่นนอน ทั้งสามทานอาหารด้วยกันที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม เนื่องจากการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อย หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เย็นนี้เซิ่งเสี่ยวซิงและเซิ่งอันหรานนอนด้วยกันที่ห้องพักชั้นสองของโรงแรม ภาพดวงดาวบนท้องฟ้าทางด้านนอกงดงามเหมือนความฝัน ผ้าม่านของหน้าต่างไม่ได้ถูกดึงปิดสนิท มีสายลมค่อยๆพัดเข้ามาตามรอยแยกของหน้าต่างฝรั่งเศสซึ่งมันพัดเอากลิ่นเค็มๆของน้ำทะเลมาด้วย ทำให้บรรยากาศในห้องยามค่ำคืนดูผ่อนคลาย
เงาของหญิงสาวกับเด็กน้อยตัวเล็กๆสะท้อนออกมาที่ระเบียงทางด้านนอก เมื่ออวี้จิ่งซีเห็นว่าเป็นเซิ่งอันหราน เขาก็ใจร้อนจะวิ่งเข้าไปในห้องหาเธอในทันที แต่ไม่ทันไรก็ถูกอวี้หนานเฉิงอุ้มเอาไว้ได้เสียก่อน อวี้หนานเฉิงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ไปตอนนี้ก็จะเป็นการไปรบกวนพวกเธอเสียมากกว่า พรุ่งนี้ค่อยไป ”
แม้ว่าเด็กน้อยจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่เขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เขารู้สึกอิจฉาเซิ่งเสี่ยวซิงตอนนี้ที่กำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเซิ่งอันหราน
“ตอนนี้กลับไปนอนก่อนเถอะ”
เสียงพูดค่อยๆแผ่วเบาและหายไปในสายลม เงาสะท้อนและเสียงฝีเท้าที่อยู่ทางด้านนอกของระเบียงก็ค่อยๆเดินห่างออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ในขณะที่รับประทานอาหารเช้ากันอยู่ เส้าซือก็ถามขึ้นว่า
“ใช่แล้ว เมื่อคืนเธอได้ล็อกประตูระเบียงหรือเปล่า?”
"มีอะไรหรือเปล่า?"
"ห้องสวีทในโรงแรมหนึ่งชุดมีสองห้องนอนและมีระเบียงให้ใช้ร่วมกัน ระเบียงทั้งสองห้องสามารถเดินเชื่อมต่อกันได้ ก็ไม่รู้ว่าที่ห้องข้างๆมีคนพักอยู่หรือเปล่า ฉะนั้นตอนกลางคืนต้องล็อกหน้าต่างและดึงปิดผ้าม่าน เมื่อวานนี้ฉันลืมบอกเธอไป "
เซิ่งอันหรานพยักหน้า แต่เธอไม่มีความกังวลในเรื่องนี้เลย
“จริงเหรอ? ดูเหมือนจะไม่ได้ปิดนะ และก็ดูเหมือนว่าห้องข้างๆจะไม่มีคนพักอยู่ เพราะว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เมื่อวานตอนช่วงบ่ายฉันก็เดินไปที่ระเบียงข้างนอก แต่ก็ไม่เห็นใครเลยสักคน”
หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว เส้าซือก็ได้กำชับเธอว่าในตอนกลางคืนให้ปิดประตู เก็บครีมกันแดด ถ้วยน้ำ หมวก แว่นกันแดด และสิ่งอื่น ๆ สุดท้ายเซิ่งเสี่ยวซิงทนฟังไม่ไหว เธอจึงเดินออกไปข้างนอก
เซิ่งอันหรานมองดูเส้าซือและเซิ่งเสี่ยวซิงเดินออกไปขึ้นรถที่ทางเข้าของโรงแรม
“เธอไม่ไปจริงๆเหรอ?”
ก่อนที่ประตูจะปิด เส้าซือยังคงถามเซิ่งอันหรานอย่างมีความหวัง
“ไม่ใช่ว่านายไม่รู้ ฉันเมาเรือ”เซิ่งอันหรานยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าฉันไปจริงๆ ถึงตอนนั้นนายไม่ใช่แค่จะต้องดูแลเสี่ยวซิงซิงคนเดียว นายยังจะต้องดูแลฉันด้วย มันดูลำบากเกินไป ช่างมันเถอะ”
เส้าซือเปล่งเสียงออกมาว่า "ฉันหวังว่าฉันจะสามารถดูแลเธอได้" แต่เสียงของเขาฟังดูคลุมเครือเกินไป เซิ่งอันหรานได้ยินมันไม่ค่อยชัด
โปรแกรมการเดินทางวันนี้คือเส้าซือจะต้องไปทะเลกับเซิ่งเสี่ยวซิง ส่วนเซิ่งอันหรานนั้นมีอาการเมาเรือ และเหตุผลอีกข้อหนึ่งคือเธอไม่ต้องการให้กล้องมาถ่ายภาพของเธอ ดังนั้นเมื่อเย็นวานเธอจึงบอกพวกเขาว่าเธอไม่ไปด้วย
หลังจากที่ส่งทั้งสองขึ้นรถไปแล้ว เซิ่งอันหรานก็กลับไปที่โรงแรม
"กาแฟหนึ่งแก้วค่ะ ขอบคุณค่ะ"
ถัดจากสระว่ายน้ำกลางแจ้งของโรงแรม เซิ่งอันหรานสั่งกาแฟหนึ่งแก้วและนั่งชิวๆรับลมจนถึงเที่ยง
ไม่ไกลจากตรงนั้นพนักงานของโรงแรมกำลังใช้ภาษาอังกฤษพูดกับเด็กคนหนึ่งอยู่
เซิ่งอันหรานเหลือบมองผ่านแว่นกันแดด เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน
นั่นจิ่งซีไม่ใช่เหรอ?
“จิ่งซี?”
เธอยืนขึ้นและร้องตะโกนออกไป ทันใดนั้นเด็กชายคนนั้นก็หันหลังกลับมามองที่เธอ จิ่งซีสะบัดมือออกจากมือของพนักงาน จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาเซิ่งอันหราน พร้อมกับกอดขาของเธอไว้แน่น
“จิ่งซี ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผูกรักท่านประธานพันล้าน