อันที่จริงปัญญาชนเชี่ยวชาญการต่อสู้มาก เพียงแต่ไม่ใช่ในด้านกำลัง
เหล่าขุนนางและมือปราบของที่ว่าการเมืองต่างรอดูท่าที และไม่สนว่าฆ้องทองแดงที่มุทะลุคนนี้จะให้เบาะแสอะไร แต่พวกเขาก็ต้องค้นพบอย่างคาดไม่ถึงว่าท่านข้าหลวงไม่ได้ใจลอย เขายืดตัวตรงเล็กน้อย และแสดงท่าทีตั้งใจฟังออกมาอย่างจริงจัง
หลี่ว์ชิงเอ่ยเสียงเบา “ลืมไปแล้วหรือ สวี่ชีอันไง สวี่ชีอันจากคดีเงินภาษี”
หลังจากนางเตือน ทุกคนในที่ว่าการเมืองก็ได้สติทันที และนึกชื่อสวี่ชีอันออก
ไม่แปลกที่เมื่อสักครู่นี้ได้ยินชื่อแล้วจะรู้สึกคุ้นหู ที่แท้ก็เป็นมือปราบตัวเล็กๆ ที่พลิกผันคดีเงินภาษี และไขปริศนาเงินปลอมคนนั้น
อืม ตอนนี้เป็นฆ้องทองแดงของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลแล้ว
ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งเขาเป็นผู้รับผิดชอบของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล…ถึงเวลานี้ เหล่าขุนนางของที่ว่าการเมืองจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้จริงๆ
“ได้กำไรเลกน้อจริงๆ!” สวี่ชีอันพยักหน้า
เดิมทีเขาไม่อยากพูด เพราะกรมอาญากับที่ว่าการเมืองเป็นคู่แข่งกัน และไม่มีเหตุผลให้แบ่งปันเบาะแสกับสุนัขฝูงนี้
แต่เมื่อสักครู่นี้เขาสังเกตเห็นขันทีเล็กจดบันทึก และทุกคนในกรมอาญากับที่ว่าการเมืองก็แลกเปลี่ยนกันอย่างไม่วิตกกังวล สวี่ชีอันจึงตระหนักได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสในการแสดงโอกาสหนึ่ง
แสดงให้จักรพรรดิองค์นั้นดู
หากไม่มีอะไรผิดพลาด บันทึกนี้จะต้องมอบให้จักรพรรดิดู ลองคิดดูว่า หลังจากจักรพรรดิหยวนจิ่งอ่านบันทึกจบ เขาก็จะพบว่ากรมอาญาและที่ว่าการเมืองต่างพูดคุยกันอย่างแข็งขัน ให้เบาะแส พยายามอย่างหนักเพื่อคลี่คลายคดี แต่ที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลกลับเงียบสนิทไม่พูดไม่จา
เขาจะคิดอย่างไร
แม้ว่าการแบ่งปันข้อมูลจะทำให้ขาดทุนเล็กน้อย แต่ผลงานก็บันทึกไว้บนกระดาษแล้ว
“จากการคาดคะเนของหัวหน้ามือปราบหลี่ว์ ข้ามีข้อสงสัยสองสามจุด” สวี่ชีอันกับพรรคพวกมอง และพูดตามระเบียบแบบแผน
“เมื่อเช้านี้ข้าไปตรวจสอบที่ซังผอมา หากอยากระเบิดวัดหย่งเจิ้นซานเหอทั้งวัด และระเบิดศาลาสูง ปริมาณดินปืนที่ต้องการมหาศาลมาก”
“ใช่ มีปัญหาอะไรหรือ” หลี่ว์ชิงก็ไปซังผอเพื่อสำรวจสถานที่เกิดเหตุเช่นกัน
“ปัญหามีแน่ เจ้าเพิ่งจะพูดว่า ดินปืนเป็นวัสดุเชิงกลยุทธ์ที่ราชสำนักให้ความสำคัญมาก และมาตรการรักษาความลับกับป้องกันการโจรกรรมทุกประเภทก็เข้มงวดและครอบคลุมมาก การลักลอบขนดินปืนเหล่านี้ออกไปจึงยากมาก นับประสาอะไรกับการลบร่องรอยที่เกี่ยวข้อง” สวี่ชีอันพูด “เจ้าคิดว่าคนเช่นไรจึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้”
หลี่ว์ชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ากรมกรมโยธา หรือรองเจ้ากรมสองคน”
ทุกคนตกตะลึง แม้แต่ขันทีเล็กที่ก้มหน้าจดบันทึกก็ชะงักเช่นกัน
สวี่ชีอันพยักหน้า “หากเป็นเจ้ากรมกับรองเจ้ากรมสองคนของกรมโยธา เช่นนั้นทุกอย่างก็สมเหตุสมผล ด้วยกลอุบายกับความสามารถของพวกเขา การจะติดสินบนขุนนางชั้นผู้น้อยในวังหรือเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่กับกรมพิธีการก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันไม่โง่เกินไปหน่อยหรือ”
หลี่ว์ชิงขมวดคิ้ว “เจ้าจะบอกว่า…”
สวี่ชีอันพูดว่า “การลักลอบขนดินปืนปริมาณเท่านี้ ไม่ว่ามือเท้าจะสะอาดแค่ไหน ก็ไม่อาจหยุดการตรวจสอบได้ ข้าเชื่อว่าคนที่เป็นเจ้ากรมกับรองเจ้ากรมได้คงไม่โง่เขลาเช่นนี้”
หลี่ว์ชิงพยักหน้า “ในเมื่อไม่ใช่พวกเขา เช่นนั้นนอกจากกรมโยธาแล้ว ยังมีที่ไหนมีดินปืนมากขนาดนั้นอีกหรือ”
สวี่ชีอันถามกลับว่า “เป็นไปได้หรือไม่ว่าส่งมาจากนอกเมือง”
หลี่ว์ชิงส่ายหน้า “เมืองชั้นนอกไม่ต้องพูดถึง เมืองชั้นในเก็บภาษีค่าเข้าเมือง และทหารรักษาเมืองจะตรวจสอบสินค้า เขตพระราชฐานยิ่งเป็นไปไม่ได้ ของที่เด่นสะดุดตาอย่างดินปืนจะลักลอบขนได้อย่างไร เว้นแต่สิ่งที่ขนเข้ามาจะเป็นวัตถุดิบ ไม่ใช่ดินปืน…”
หลี่ว์ชิงกับสวี่ชีอันอนุมานโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และไม่มีใครขัดจังหวะพวกเขาเลย ขันทีหลิวก็ไม่รีบร้อน และฟังอย่างอดทน
ขันทีเล็กที่รับผิดชอบจดบันทึก กวัดแกว่งปากการาวกับบินได้ ยิ่งเขียนยิ่งเร็วขึ้น
สิ่งที่ขนเข้ามาไม่ใช่ดินปืน แต่เป็นวัตถุดิบ ในวัตถุดิบของดินปืน กำมะถันกับถ่านต่างก็ไม่ใช่ของล้ำค่า โดยเฉพาะในฤดูหนาว ปริมาณถ่านที่ใช้ในเมืองหลวงน่ากลัวมาก…แต่ดินประสิวเป็นของที่ต้าฟ่งควบคุมอย่างเข้มงวด…ขณะที่สวี่ชีอันกำลังไตร่ตรองก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดในหัว
“เหมืองดินประสิว!?” เขาเบิกตากว้าง และมองหลี่ว์ชิง
ใบหน้าอันงดงามของหัวหน้ามือปราบสาวตกตะลึงไป จากนั้นจึงเข้าใจ และอุทานว่า “เหมืองดินประสิว!!”
ใบหน้าของทั้งสองคนเต็มไปด้วยความตกใจ อีกด้านหนึ่ง ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวมองหน้ากัน และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
พวกเขาสี่คนสำรวจภูเขาต้าหวงด้วยตัวเอง และค้นพบเหมืองดินประสิวในนั้น
หลี่ว์ชิงข่มอารมณ์ตกใจลง ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาในใจ และเกิดความสงสัยใหม่ขึ้น “หากเป็นพวกเขากระทำจริง เช่นนั้นเกิดอะไรขึ้นกับผู้สูญหายทั้งเก้าคน”
สวี่ชีอันพูดช้าๆ “ง่ายมาก โยนความผิดให้คนอื่น!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง