ใจสวี่ชีอันตกวูบ พลางกล่าว “เปิดประตู”
ผู้คุมเรือนจำจึงหยิบกุญแจเปิดประตูและเอื้อมมือไปฉุดนายอำเภอจ้าวขึ้นมา “หูหนวกหรือไง”
ร่างของนายอำเภอจ้าวพลิกกลับมาอย่างอ่อนปวกเปียก
ในตอนนั้นเองผู้คุมเรือนจำก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป และหลังจากลองตรวจลมหายใจ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันใด “ตะ ตายแล้ว…”
มาช้าไปแค่ก้าวเดียว…สวี่ชีอันถอนหายใจอยู่ในใจ
นายอำเภอของไท่กังถูกจับและถูกคุมขังเมื่อคืนนี้ เขาเพิ่งได้รับข่าวเมื่อเช้าจึงรีบตรงดิ่งมาที่นี่ แต่ก็ช้าไปก้าวเดียว
ฆาตกรต้องเป็นคนในที่ว่าการ หรือไม่ก็เป็นคนที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนายอำเภอจ้าวอยู่ตลอด มิฉะนั้นคงไม่สามารถฆ่าปิดปากได้ทันเวลา… สวี่ชีอันเปิดเปลือกตาของนายอำเภอจ้าวและแง้มริมฝีปากออกเพื่อตรวจดูฝ้าที่ลิ้น[1] จากนั้นจึงถอดชุดนักโทษของนายอำเภอจ้าวออกและตรวจดูศพ
ไม่มีสัญญาณของการโดนยาพิษ ไร้ร่องรอยของการดิ้นรนก่อนตาย ศพเพิ่งจะแข็งตัวได้ไม่นาน เวลาตายไม่เกินห้าชั่วโมง ยังไม่รู้สาเหตุการตาย…สวี่ชีอันตัดสินใจ “ให้สองคนเฝ้าศพไว้ ส่วนคนอื่นๆ ตามข้าไปพบข้าหลวง”
นักโทษที่ตายในที่ว่าการ ข้าหลวงเฉินฮั่นกวางต้องตกเป็นแพะรับบาปอย่างแน่นอน
สวี่ชีอันกำลังมองหาเขาที่ห้องโถงด้านใน จึงได้รู้ว่าข้าหลวงเฉินยังคงนอนหลับอยู่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าไปแจ้งข่าว เขารออยู่ข้างนอกเป็นเวลาครึ่งก้านธูป จึงได้พบกับเฉินฮั่นกวางที่แต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อยออกมา
ใบหน้าของข้าหลวงเฉินดูปกติ ไม่มีท่าทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนเลยสักนิด เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าสวี่มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ”
เวลาเช้าตรู่เป็นจุดเริ่มต้นของยามเหมา โดยปกติเหล่าขุนนางและทหารทุกระดับต้องมารอที่ประตูใหญ่ทางเข้าพระราชวังตั้งแต่ยามหยิน ซึ่งเป็นเวลาก่อนรุ่งสางประมาณตีสี่ถึงตีห้า
ดังนั้นเมื่อเวลาเช้าตรู่สิ้นสุดลง การกลับไปยังที่ว่าการเพื่อนอนต่อจึงเป็นกิจวัตรประจำวันของราชสำนักต้าฟ่ง
“ข้ามาสอบปากคำนายอำเภอจ้าวแห่งมณฑลไท่กัง แต่กลับพบว่าเขาตายในคุกเมื่อเช้านี้” สวี่ชีอันกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“อะไรนะ?!” ข้าหลวงเฉินตกตะลึงจนหน้าถอดสี
ผู้คุมเรือจำที่พาสวี่ชีอันมากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “เป็นความจริงขอรับ ใต้เท้า…”
ข้าหลวงเฉินขมวดคิ้ว ทว่าไม่คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะถึงอย่างไรนายอำเภอจ้าวก็ต้องโทษประหาร และจะถูกประหารชีวิตในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าอยู่แล้ว
“ตายได้อย่างไร” ข้าหลวงเฉินยกถ้วยชาขึ้นมา
“ถูกฆ่าปิดปาก” สวี่ชีอันกล่าว
มือของข้าหลวงเฉินสั่นจนทำน้ำชาร้อนหก ทว่าเขากลับเพิกเฉยพร้อมกับเบิกตากว้าง “ฆ่าปิดปากงั้นหรือ”
เห็นได้ชัดเลยว่าเฒ่าเฉินไม่ได้ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์นี้เลย…สวี่ชีอันอธิบาย “ท่านผู้อาวุโสคิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจค้นพบเหมืองดินประสิวได้อย่างไร สถานที่ธรรมดาอย่างภูเขาต้าหวง แม้แต่ตระกูลฮุยที่อยู่ใกล้เคียงก็ยังไม่รู้ว่ามีเหมืองดินประสิวอยู่ เผ่าพันธุ์ปีศาจค้นพบมันได้อย่างไรล่ะขอรับ”
ข้าหลวงเฉินยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่า…”
สวี่ชีอันพยักหน้า “ข้าสงสัยว่ามันเกี่ยวข้องกับมณฑลไท่กัง จึงมาที่นี่เพื่อสอบปากคำในวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมาช้าไปก้าวเดียวจนทำให้เขาถูกฆ่าปิดปากไปเสียก่อน เบาะแสคดีนี้ขาดหายไปอีกแล้ว เฮ้อ ไหนจะฝ่าบาทที่มีรับสั่งให้ค้นหาความจริงภายในครึ่งเดือนอีก ข้าล่ะกลุ้มใจจนจะบ้าตายอยู่แล้ว มิหนำซ้ำวันนี้ขันทีจากสำนักโหราจารย์ก็จะมาหาข้าและขอให้รายงานความคืบหน้าของคดีอย่างตรงเวลาด้วย”
ใบหน้าของข้าหลวงเฉินเปลี่ยนไป จากนั้นจึงประสานมือด้วยความเคารพและกล่าว “ใต้เท้าสวี่ ที่ว่าการของเรายินดีช่วยเหลือเต็มที่ ไม่ว่าจะกรมใดหน่วยใดในที่ทำการแห่งนี้ ขอให้ใต้เท้าสั่งการได้เลย”
สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าเฉินช่างใจกว้างยิ่งนัก การที่นายอำเภอจ้าวต้องมาตายในคุกโดยไร้สาเหตุมันเป็นเหตุสุดวิสัย”
ไม่มีผู้ใดสนใจผู้ต้องโทษประหารว่าจะอยู่หรือตาย แต่หากผู้ต้องโทษประหารเกี่ยวข้องกับคดีซังผอล่ะ? ยิ่งช่วงเวลาการตรวจสอบข้าราชสำนักกำลังคืบคลานเข้ามาแล้วด้วย
หากความประมาทเลินเล่อครั้งใหญ่เช่นนี้ถูกป่าวประกาศออกไป ข้าหลวงเฉินอาจถูกลดตำแหน่งลงได้ ทว่าสำหรับสวี่ชีอัน คนก็ตายไปแล้ว ป่วยการจะให้ไปไล่บี้กับข้าหลวงเฉิน จะพูดหรือไม่ย่อมไม่ต่างกัน
ด้วยเหตุนี้ หลี่ว์ชิงที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้ามือปราบจึงถูกเรียกตัวเข้ามา ข้าหลวงเฉินกล่าวอย่างจริงจัง “จากนี้ไปเจ้าจงติดตามใต้เท้าสวี่และเตรียมพร้อมรับคำสั่ง”
‘ติดตามใต้เท้าสวี่และเตรียมพร้อมรับคำสั่ง…ท่านข้าหลวงพูดไว้เมื่อสองสามวันก่อนว่านี่คือโอกาส และหากคลี่คลายคดีได้ เขาก็สามารถเข้าร่วมสำนักราชเลขาธิการได้…อยากให้ข้าเป็นสายลับ ‘แอบซุ่ม’ อยู่ข้างๆ สวี่ชีอันอย่างนั้นหรือ’
หลี่ว์ชิงครุ่นคิดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องคิดอะไรเหลวไหล ตั้งใจช่วยเหลือใต้เท้าสวี่ก็พอ” ข้าหลวงเฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม
‘เรื่องจริงงั้นหรือ เขาสามารถทำให้ท่านข้าหลวงยอมรับข้อผิดพลาดได้จริงๆ หรือ!’
หลี่ว์ชิงจ้องไปยังสวี่ชีอันอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
…
ในไม่ช้ารายงานการชันสูตรศพของนายอำเภอจ้าวก็ออกมา ผลคือเขาเสียชีวิตเองโดยธรรมชาติ
ยิ่งไร้ร่องรอย ยิ่งผิดปกติ…ก่อนอื่นก็ตัดเรื่องถูกทหารฆ่าปิดปากออกไปได้…สวี่ชีอันขมวดคิ้วครุ่นคิด
ความรุนแรงเป็นดั่งภาพจำของทหาร การบีบนายอำเภอจ้าวให้ตายนั้นง่ายดายพอๆ กับการบี้มดตัวหนึ่ง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะลงมืออย่างเงียบเชียบ โดยไม่ทิ้งช่องโหว่ใดๆ ไว้
สวี่ชีอันนึกถึงเทพเจ้าหยิน[2] แห่งลัทธิเต๋าก่อนเป็นอันดับแรก เพราะในสมัยโบราณเทพเจ้าหยินแห่งลัทธิเต๋าถูกเรียกว่ายมทูต สามารถเอาชีวิตคนในยามหลับใหลได้
ก่อนอื่นก็ตัดตาเฒ่าเหรียญปากผีจินเหลียนออกไปก่อน เขาไม่เกี่ยวข้องกับคดีซังผอ งั้นก็เหลือแต่นิกายมนุษย์…
สวี่ชีอันเกาศีรษะด้วยความวิตกกังวล และรู้สึกว่าแนวผมของตนค่อยๆ ร่นไปด้านหลัง
เหตุใดถึงเกี่ยวข้องกับนิกายมนุษย์ล่ะ ข้าสอบสวนนิกายมนุษย์ได้หรือไม่ ยังไม่ต้องคิดไปถึงฐานะของหัวหน้านิกายมนุษย์ที่เป็นถึงราชครู หน้านิกายปฐพีที่เป็นถึงขุนนางระดับสอง หัวหน้านิกายมนุษย์ก็คงไม่ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไร
โดนบีบขนาดนี้ มีหวังข้าได้ตายแหงๆ!
อืม ยังไม่แน่ว่าจะเป็นลัทธิเต๋า ข้ายังไม่รู้จักระบบฝึกตนอื่นๆ ดีเท่าไร ตอนนี้ยังไม่อาจด่วนสรุป… เอ้อ ใช้โอกาสตอนที่ยังมีตราทองคำอยู่กับตัว หาเวลาไปศึกษาความลับเบื้องลึกเบื้องหลังของระบบหลักดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง