ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 120

สรุปบท บทที่ 120 แต่งกลอนสด: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

ตอน บทที่ 120 แต่งกลอนสด จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 120 แต่งกลอนสด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 120 แต่งกลอนสด
เหล่าองครักษ์หันกลับมามองด้วยสายตาคมกริบ แล้วเดินหน้าต่อ

หน้าต่างของรถม้าที่ปักอักษร ‘ชิ่ง’ เปิดออก มือขาวผ่องดุจหยกเลิกม่านขึ้น สวี่ชีอันมองเห็นคางเรียวขาวดุจหิมะขององค์หญิงใหญ่ ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อขยับขึ้น “ตามมา”

ในใจเขาปลื้มปีติ ขณะที่กำลังจะควบม้าเข้าไปใกล้ หางตาก็เหลือบเห็นหน้าต่างรถม้าคันที่สี่ถูกผลักออก ใบหน้าสวยอวบอิ่ม งามหยาดเยิ้มน่าหลงใหลชะโงกออกมา

นางจ้องมองสวี่ชีอัน สายตาทั้งสองสบประสาน มุมปากของนางยกขึ้น จากนั้นก็ปิดหน้าต่างลง

นั่นหรือองค์หญิงรอง โอ้…พระธิดาขององค์จักรพรรดิช่างงดงามเสียจริง สวี่ชีอันถอนสายตากลับ แล้วเปรียบเทียบองค์หญิงทั้งสองอยู่ในใจเงียบๆ

ถ้าให้คิดถึงความงามของสาวๆ อันหลากหลาย อาจคิดจนนอนไม่หลับ แต่ถ้าดันทุรังคิดจะวัดระดับความงามมันช่างเปล่าประโยชน์

เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม

แม้ผู้ชายมากมายจะบอกว่าชอบพี่สาวถุงน่องดำบ้างล่ะ สาวน้อยในชุดเครื่องแบบบ้างล่ะ…รสนิยมกว้างขวาง ภราดรภาพไร้ขอบเขต แต่ถึงอย่างไรต่อให้เป็นพวกบ้ากามเช่นนี้ พวกเขาก็นิยมชมชอบในความงามเช่นเดียวกัน

สวี่ชีอันไม่ได้ประเมินว่าองค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงรองผู้ใดงดงามกว่า เฉพาะจากความประทับใจที่สององค์หญิงมอบให้ องค์หญิงใหญ่เป็นประเภทเยือกเย็นราวกับดอกบัวบนภูเขาหิมะ

รู้ทั้งรู้ว่านางสูงส่งสง่างาม ละมุนละไมสุภาพเรียบร้อย แต่ดันอดคิดลวนลามนางไม่ได้ และมองดูท่าทีเอียงอายและขวยเขินของนาง

ส่วนองค์หญิงรอง สวี่ชีอันไม่ได้พบปะบ่อยนัก ทว่าจากที่สบตาเมื่อครู่ สวี่ชีอันก็วาดภาพในหัวให้นางอยู่ในกางเกงขาสั้นจู๋ห่อหุ้มบั้นท้ายอันงอนงามและกลมกลึง เสื้อกล้ามสีขาวพันธนาการทรวงอกอันสะโอดสะอง ขาเรียวขาวดุจหิมะสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว โยกย้ายอย่างเต็มที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำ พร้อมกับผมลอนเป็นคลื่นที่ปลิวสยาย

หากอยู่ในยุคของเขา คงเป็นราชินีแห่งไนต์คลับได้สบายๆ

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น หญิงสาวที่รักในการเที่ยวไนต์คลับมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่าย ทว่าอย่างไรเสียองค์หญิงรองก็เป็นคนยุคโบราณ สวี่ชีอันจึงไม่กล้ายืนยันในจุดนี้

เหล่าองค์ชายและองค์หญิงมีพระประสงค์จะออกไปร่วมเสวยกระยาหารและทำกิจกรรมข้างนอก โดยเลือกสถานที่เป็นทะเลสาบขนาดเล็กทัศนียภาพงดงามที่อยู่ในเขตพระราชฐาน

ริมทะเลสาบปลูกต้นสนซีดาร์และต้นสนมังกรเขียวชอุ่มตลอดปี รวมถึงทุ่งดอกไม้ที่ค่อยๆ โรยราไปทีละดอกๆ ในตอนนี้ คาดว่าทัศนียภาพจะต้องงดงามยิ่งขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปีถัดไป

วันนี้แสงตะวันอบอุ่น ไร้สายลมพัดโบก ช่างเป็นวันที่เหมาะแก่การอาบแดดเหลือเกิน

ริมทะเลสาบมีแท่นสี่เหลี่ยมอยู่ เหล่าข้าหลวงช่วยกันขนย้ายโต๊ะยาว จุดกำยานไม้จันทน์ อาหารเลิศรสอันประณีตถูกนำออกมาจากกล่องใส่อาหารที่วางซ้อนกัน

สวี่ชีอันผูกม้าไว้กับต้นไม้ แล้วตามหลังองค์หญิงใหญ่โดยไม่ปริปากพูด โดยมีนางกำนัลสองคนคอยยกชายกระโปรงให้นาง

มวยผมขององค์หญิงใหญ่ถูกรวบอย่างเรียบง่ายดูสบาย ปักด้วยปิ่นทองระย้าอันล้ำค่า ปลายพู่ไหมสีทองประดับด้วยไข่มุกกลมวาว ยามเยื้องย่างพู่ระย้าจะแกว่งไกวไปมา ช่างงดงามเสียจริง

ทั้งคู่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ทว่าสวี่ชีอันก็เดินตามหลังนางทำหน้าที่เป็นทหารรักษาพระองค์ไปตามปกติ

ส่วนองค์ชายและองค์หญิงองค์อื่นก็เสด็จลงมาจากรถม้าอันโอ่อ่าเช่นกัน สวี่ชีอันกวาดสายตามอง รูปโฉมไม่ด้อยกว่ากันเลย องค์รัชทายาทสวมชุดพิธีการสีขาวปักลายงูหลาม มัดผมด้วยรัดเกล้าสีทอง รูปงามยิ่งนัก

อันที่จริงรูปลักษณ์ของเหล่าองค์ชายล้วนไม่ชวนให้สนใจ รวมถึงองค์รัชทายาทด้วย ถึงจะหล่อเหลาเพียงใดก็ไม่ได้รูปงามเช่นสวี่ฉือจิ้วเจ้าน้องชายผู้นั้น

ในบรรดาองค์หญิงทั้งสี่ องค์หญิงใหญ่และองค์หญิงรองรูปโฉมงดงาม โดดเด่นที่สุด

ยามประทับบนพระที่นั่ง ไม่รู้ว่าองค์หญิงรองตั้งใจหรือเผลอไปแย่งพระที่นั่งที่ควรจะเป็นองค์หญิงใหญ่กันแน่

ไม่มีผู้ใดตำหนิ ราวกับว่าเหล่าองค์ชายและองค์หญิงต่างชินชา แสร้งทำเมินเฉยไปเสีย

ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ประทับในพระที่นั่งขององค์หญิงรอง แต่เลือกประทับห่างจากนางไปหนึ่งช่วงโต๊ะ

ความสัมพันธ์ขององค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงรองไม่ลงรอยกัน? สวี่ชีอันจดจำรายละเอียดนี้ไว้

องค์รัชทายาทกวาดพระเนตรมองเหล่าพี่น้องที่ล้อมรอบ พร้อมตรัส “พวกเราไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นกันระยะหนึ่งแล้วนะ”

เหล่าองค์ชายต่างคล้อยตาม เหล่าองค์หญิงก็อมยิ้มบางๆ

สายตาของสวี่ชีอันทอดมองทะเลสาบ เขามองเงาดำที่แฉลบผ่านอยู่ในทะเลสาบขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเลี้ยงสิ่งใดเอาไว้

องค์รัชทายาทรับบทเป็นสีจิว[1]บนโต๊ะอาหารทำหน้าที่เปิดประเด็นสนทนาและเป็นพิธีกรงานเลี้ยง

การละเล่นในวงสุราในงานเลี้ยงทั้งหมดทั้งมวลก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่การละเล่นชั้นสูงนั้นมีน้อยยิ่งกว่า คนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้มีสกุลรุนชาติ จะให้มาเล่นทายนิ้วโยนเต๋าก็ดูไม่เข้าที จึงต้องเล่นเพียงการละเล่นชั้นสูง

การละเล่นชั้นสูงมีหลายรูปแบบ นอกเหนือจากการละเล่นชั้นสูงเช่นการแต่งกลอนสด อักษรประพันธ์กลอนก็ถือเป็นการละเล่นที่ค่อนข้างยากในบรรดาการละเล่นชั้นสูงเช่นกัน

องค์รัชทายาทเปิดหัวข้อด้วยคำว่า ‘ธารา’ คำแรกก็ต้องขึ้นต้นด้วยธารา

ในบทกลอนขององค์ชายรองคำที่สองก็ต้องเป็นคำว่า ‘ธารา’ เป็นต้น

ณ ที่แห่งนี้มีองค์ชายมากกว่าองค์หญิง เมื่อสิ้นสุดรอบแรก องค์ชายเจ็ดคิดจนหัวแทบแตกก็นึกถึงกลอนที่ลงท้ายด้วยคำว่า ‘ธารา’ ไม่ออก จึงถูกลงโทษให้ดื่มเหล้าหนึ่งจอก

องค์ชายแปดสิ้นพระชนม์เมื่อไม่กี่ปีก่อน

สวี่ชีอันทอดถอนใจอยู่ในหัว สิ่งหนึ่งที่องค์หญิงใหญ่ทำได้คือ พอรู้ว่าข้ามีธุระต้องพบนางทีไร ธุระของข้าเอาไว้ก่อน แต่ค่าตอบแทนของนางขอเก็บล่วงหน้า

ฮว๋ายชิ่งมองเขาไปทำไม

องค์หญิงรองจ้ององค์หญิงใหญ่ไม่วางตา รอแค่นางส่ายหน้ายอมแพ้ ตนก็จะลุกขึ้นมาชี้หน้านาง ‘ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสิว่าตนเป็นหอกเงินหัวเคลือบขี้ผึ้ง[2]!’

ใครจะรู้ว่าฮว๋ายชิ่งจะไม่ลนลานแม้แต่น้อย ซ้ำยังยักคิ้วหลิ่วตากับฆ้องทองแดง

องค์ชายและองค์หญิงพระองค์อื่นก็สังเกตเห็นจุดนี้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีพระองค์ใดคิดวาดฉากในหัวเป็นตุเป็นตะเช่นองค์หญิงรอง

“หลังเมามายเหตุไฉนท้องนภาลอยในธารา!” สวี่ชีอันบ่นพึมพำอยู่ชั่วขณะ ท่องกลอนด้วยเสียงที่เบาราวกับยุงครวญ

เขาใช้สมองอย่างรวดเร็ว กลอนที่ลงท้ายด้วยธารา เขาคิดออกเพียงวรรคนี้วรรคเดียว

องค์หญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตรัสเสียงก้อง “หลังเมามายเหตุไฉนท้องนภาลอยในธารา”

องค์หญิงรองตะลึงงัน ตามมาด้วยความผิดหวังที่พรั่งพรู ฮว๋ายชิ่งพี่สาวน่ารำคาญคนนี้ยังมีลูกไม้อยู่สินะ

องค์ชายพระองค์อื่นทรงขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วทอดพระเนตรไปทางองค์ชายสาม องค์ชายสามส่ายหน้า “ฮว๋ายชิ่ง ไฉนพี่สามจึงไม่เคยได้ยินกลอนบทนี้มาก่อน”

องค์หญิงใหญ่ยิ้มบางๆ “นี่เป็นกลอนที่แต่งขึ้นมาใหม่เพคะ”

องค์หญิงรองพลันกระตือรือร้นขึ้นมา พร้อมตรัสเสียงหวาน “โอ๊ะๆ เล่นลูกไม้หน้าไม่อาย เสกสรรปั้นแต่งประโยคหลอกลวงพวกเรา ลงโทษดื่มสุราสามจอก”

“แต่งกลอนสดย่อมได้เช่นกัน” องค์รัชทายาทหัวเราะขึ้น “แต่ว่าเจ้าต้องแต่งกลอนให้สมบูรณ์เสียก่อนนะฮว๋ายชิ่ง”

องค์ชายสามพยักหน้า “พี่ใหญ่พูดถูก”

องค์หญิงใหญ่หันหน้ามองสวี่ชีอันอีกครั้งราวกับกำลังบอกว่า ‘เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว’

………………………………………

[1] คนที่มีหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานในงานเลี้ยงสมัยโบราณ

[2] หอกเงินหัวเคลือบขี้ผึ้ง อุปมาว่าภายนอกดูดีแต่ความเป็นจริงไม่มีประโยชน์ คล้ายสำนวนไทยว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง หรือ สวยแต่รูปจูบไม่หอม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง