สรุปตอน บทที่ 135 ซากศพ – จากเรื่อง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet
ตอน บทที่ 135 ซากศพ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“ผิงหย่วนป๋อเป็นขุนนางชั้นสูงที่สืบทอดกันมา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐาน ข้าไม่อาจใช้ความรุนแรงได้ นอกจากนี้การสอบสวนตามปกติยังถูกขัดได้ง่ายๆ อีก หากอยากได้คำตอบจึงต้องใช้ทั้งวิธีสะอาดและสกปรกเสริมกันและกัน” สวี่ชีอันอธิบายอย่างขอไปที
“ลัทธิเต๋าเป็นผู้นำที่สมชื่อในขอบเขตจิตวิญญาณ การจะให้เขา ‘ร่วมมือ’ อย่างเชื่อฟัง และบอกข้อมูลทุกอย่างที่บอกได้ จะทำได้เหรอ…เจ้าดูมีประสบการณ์มาก ซึ่งไม่เข้ากับชีวิตและประสบการณ์ของเจ้าก่อนหน้านี้” นักบวชเต๋าจินเหลียนพูด เขาพยักหน้าเบาๆ และให้คำตอบยืนยัน
“รถบางคันดูใหม่มาก แต่จำนวนกิโลเมตรน่ากลัวจริงๆ” สวี่ชีอันพูดอย่างเคร่งขรึม
“พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” นักบวชเต๋าจินเหลียนขมวดคิ้ว
“ข้าหมายความว่า ท่านเห็นเพียงแค่ภายนอกของข้า แต่ชีวิตของคนคนหนึ่งน่าตื่นเต้นกว่าตัวอักษรบนสำนวนคดีเสมอ” สวี่ชีอันยักไหล่
“มีเหตุผล” นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่ได้คุยหัวข้อนี้ต่อ และพูดว่า “เจ้าทำจิตให้ว่าง ข้าจะเข้าไปในสายธารแห่งปัญญาของเจ้า”
“ท่านจะถอดจิตอีกแล้วเหรอ” สวี่ชีอันถามอย่างระแวดระวัง
“ฮ่าๆ ร่างกายของข้าได้รับบาดเจ็บ พลังจึงลดลงไปมาก แต่เทพเจ้าหยินของข้าไม่ได้บุบสลาย ซึ่งนี่จะแสดงพลังของข้าได้ดียิ่งขึ้น”
“เมืองชั้นในมีข้อห้ามห้ามออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน ข้าไม่อาจออกไปกับเจ้าอย่างโจ่งแจ้งได้ ข้าสามารถซ่อนฆ้องทองแดงธรรมดาได้ แต่หากฆ้องทองคำเห็น มันจะไม่ดีกับเจ้าและข้า นอกจากนี้เมืองหลวงยังมีผู้ที่ปกปิดพรสวรรค์อีก ภัยคุกคามไม่จำเป็นต้องมาจากเพียงแค่หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลเท่านั้น”
พูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด แต่เจ้าอยากเปลี่ยนจิตวิญญาณของข้าเป็นรูปร่างของตัวเอง นั่นก็มากเกินไป… ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ยังไม่ได้สนิทกันนัก… สวี่ชีอันขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ
แม้ว่าเขาจะเชื่อใจนักบวชเต๋าจินเหลียน แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ปล่อยให้จิตวิญญาณของอีกฝ่ายรุกเข้ามาในสายธารแห่งปัญญา
นอกจากนี้เขายังไม่รับประกันว่านักบวชเต๋าจินเหลียนจะส่องไม่เห็นความลับบางอย่างของเขาอีก เช่นความทรงจำในชาติก่อน เช่น ก้นอันกลมกลึงขาวรามหิมะของคณิกาฝูเซียง
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่ายหน้า “เช่นนั้นทำอย่างไรดี”
เวลานี้ เสียงแมวร้องคร่ำครวญดังมาจากบนหลังคา สวี่ชีอันเผยรอยยิ้มออกมาทันที และชี้ไปที่เหนือศีรษะ “รบกวนท่านนักพรตแล้ว”
“…”
…
หลังจากเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล สวี่ชีอันก็ออกจากลานเล็กอย่างเปิดเผย ระหว่างทางเจอกับทหารดาบรักษาการณ์ เมื่อเห็นเครื่องแบบของเขา แม้แต่ถามก็ขี้เกียจจะถาม เพียงแค่แปลกใจที่ทำไมหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคนนี้ถึงมีแมวดำยืนอยู่บนไหล่
มีเพียงตอนเจอกับเพื่อนร่วมงานหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล สวี่ชีอันถึงจะถูกขวาง แต่เพียงแค่นำป้ายทองออกมา และพูดว่าได้รับคำสั่งให้สืบสวนคดี ก็แก้ไขปัญหาทุกอย่างได้
สวี่ชีอันไม่ได้ตั้งใจรีบร้อน แต่ด้วยระดับก้าวของเขาตอนนี้ เพียงแค่ชั่วโมงเดียวก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ จวนของผิงหยวนปั๋วแล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ และมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาก็มองหามุมเปลี่ยวๆ และฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งใน ‘หนังสือวิชาเวทย์’ ซึ่งบันทึกเคล็ดวิชาของวิชาใบไม้บังตาไว้
“ชี่…”
พลังปราณลุกไหม้กระดาษ พลังที่มองไม่เห็นห่อหุ้มสวี่ชีอันกับแมวดำไว้
วาจาบัญญัติกฎของลัทธิขงจื๊อ… รูม่านตาสีส้มอมเหลืองของแมวดำจ้องมองฉากนี้ นักบวชเต๋าจินเหลียนจู่ๆ ก็คิดถึงรายละเอียดมากมาย
ไม่แปลกที่หมายเลขสามต้องการสร้างภาพว่าตัวเองเป็นนักเรียนของสำนักอวิ๋นลู่ นี่ไม่ใช่เพียงแค่เพราะญาติผู้น้องของเขาเป็นนักเรียนในสำนัก แต่ดูเหมือนเขาเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักเช่นกัน
มิฉะนั้น จะมีหนังสือที่เขียนบันทึกวิชาคาถาได้อย่างไร
นักบวชเต๋าจินเหลียนตัดตัวเลือกที่ญาติผู้น้องให้เป็นของขวัญออกทันที ประการแรก เป็นไปไม่ได้ที่นักเรียนธรรมดาๆ จะได้รับการรับรองอย่างดีเช่นนี้จากปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
ประการที่สอง สำหรับนักเรียนสมบัติล้ำค่าเช่นนี้จะมอบให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร เกรงว่าแม้แต่จะใช้ก็ใช้ไม่ลง
…ปัญญาชนของสำนักอวิ๋นลู่มักจะดูถูกทหารอยู่เสมอ แล้วทำไมถึงมอบสมบัติชิ้นนี้ให้เขา ขณะที่นักบวชเต๋าจินเหลียนครุ่นคิดคำถามนี้ ก็เห็นสวี่ชีอันดึงเสื้อคลุมออกมาจากในชิ้นส่วนหนังสือปฐพี และคลุมตัวเองไว้
เหตุใดเจ้าชำนาญเช่นนี้… แมวดำส่ายหน้า
“ก่อนที่จะลงมือ ข้านึกเรื่องขี้ปะติ๋วขึ้นมาได้สองเรื่อง อยากปรึกษาท่านนักบวชหน่อย” สวี่ชีอันที่ใบหน้าถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมจู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“ว่ามา” แมวดำสั่นสะเทือนอากาศ และพูดด้วยภาษามนุษย์
“มังกรวิญญาณใกล้ชิดแค่กับสมาชิกในราชวงศ์ใช่หรือไม่”
“ตามหลักการแล้วเป็นเช่นนั้น”
“ตามหลักการเหรอ”
“มังกรวิญญาณชอบกินปราณม่วง ไม่ได้ชอบสมาชิกในราชวงศ์” แมวดำอธิบาย
…สวี่ชีอันพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ข้าไปสืบคดีที่เขตพระราชฐาน ได้ยินว่ามังกรวิญญาณบ้าคลั่งอย่างอธิบายไม่ได้ ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดร่วมมือกันก็คุมมันไม่อยู่ จนเกือบจะทำร้ายองค์หญิงหลินอัน”
แมวดำไม่ได้พูดอะไรเป็นเวลานาน
“ท่านนักบวช”
แมวดำมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง และส่งเสียงอันเคร่งขรึมของนักบวชเต๋าจินเหลียนออกมา “สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ซังผอ เข้ามาในเมืองแล้ว…”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น”
“มังกรวิญญาณเชี่ยวชาญวิชามองปราณแต่กำเนิด ซึ่งอาจเทียบกับวิชาหลอมปราณที่ไม่ธรรมดาได้ มันสัมผัสได้ถึงสิ่งที่คนธรรมดาไม่อาจสัมผัสได้”
ไม่แปลกใจที่วิชามองปราณของฉู่ไฉ่เวยมองไม่เห็นความผิดปกติ นางมีความรู้เท่าหางอึ่ง…นี่คือสาเหตุที่ทำไมมังกรวิญญาณเลียแข้งเลียขาข้าเหรอ มันมองเห็นโชคแปลกๆ บนตัวข้าได้… พูดเช่นนี้ ท่านโหราจารย์ก็มองเห็นได้เช่นกันเหรอ
สวี่ชีอันรู้สึกหวาดหวั่นกับการคาดเดานี้
สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ในซังผอเข้ามาในเมืองแล้ว… มังกรวิญญาณรู้สึกถึงภัยคุกคาม ดังนั้นจึงเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้น และหนีออกจากเขตพระราชฐานอย่างสุดหัวใจ… พรุ่งนี้ต้องคิดหาวิธีเปิดเผยเรื่องนี้กับเว่ยเยวียน
หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา สวี่ชีอันก็เกาะกำแพงลาน สัมผัสกำแพงลานด้านหลังของจวนผิงหยวนปั๋ว และกระโดดข้ามกำแพงไป
หลังจากลงถึงพื้นเขาก็มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง และยืนยันว่าเสียงแขนเสื้อขาดเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้รบกวนยอดฝีมือในจวน
จวนของผิงหยวนปั๋วมีพื้นที่กว้างขวาง ตามนิสัยการใช้ชีวิต ปกติเจ้าของบ้านจะพักอยู่ในลานที่ใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันออก
สวี่ชีอันร่ายวิชาคาถาของวิชาใบไม้บังตาต่อ หลบหนีทหารรักษาพระองค์ในจวนที่ลาดตระเวนอยู่สองสามกลุ่ม และมาที่ลานที่ใหญ่ที่สุดทางทิศตะวันออก
เพิ่งก้าวเข้าไปในลาน ใบหูขยับ เขาได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญดังอย่างไม่ปิดบัง กับเสียงหายใจอย่างหนักของผู้ชาย
เขามีดวงตาสีดำสนิท รูม่านตาราวกับครอบครองเบ้าตาทั้งหมด ไม่มีตาขาวเลย
สวี่ชีอันไม่รู้จักเขา จึงจดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอย่างแน่นหนา และคาดเดาตัวตนของอีกฝ่าย
“เป็น เป็นเจ้า…” ทายาทของผิงหยวนปั๋วกรีดร้อง เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ “เจ้าตายไปแล้ว ข้าเห็นเจ้าตายด้วยตาของข้าเอง…”
“ข้าตายไปแล้ว แต่ข้าคลานออกมาจากขุมนรกอีกครั้ง ” เสียงของชายชุดดำแหบแห้ง เขายกมือขวาขึ้น มือทั้งสองข้างราวกับมาจากปีศาจ มีสีแดงเลือด เส้นเลือดแต่ละเส้นโปนขึ้น ทันทีที่เห็นมือสองข้างนี้ ความหวาดกลัวที่อยู่ในใจของสวี่ชีอันก็ระเบิดออกมา
ซู้ด… ฝ่ามือสีแดงเลือดเรียกพายุหมุนขึ้นมา และดูดทายาทของผิงหยวนปั๋วเข้ามาในฝ่ามือ
“ช่วย ช่วยด้วย… มา มานี่…”
ทายาทของผิงหยวนปั๋วสะบัดขา ทันใดนั้น เลือดและเนื้อของเขาก็แห้งเหี่ยว และกลายเป็นซากศพในทันที
ก่อนหน้านี้คนยังมีชีวิต แต่ต่อมากลับเสียชีวิตแล้ว
ซากศพ! สวี่ชีอันราวกับมีสายฟ้าฟาดในหัว
ชายชุดดำแสยะยิ้ม และทำให้พลังปราณไหลเวียนราวกับระบายความโกรธ ปัง… ซากศพระเบิดกลายเป็นผุยผง
เมื่อฆ่าคนเสร็จ ชายชุดดำก็หันกลับมา สายตามองไปยังสถานที่ซ่อนของสวี่ชีอันด้วยความเย็นชา
เขาเหยียดฝ่ามือไปข้างใต้หน้าต่าง ฟู่… พายุหมุนปรากฏขึ้นอีกครั้ง
… ขาของสวี่ชีอันปักหลักอยู่บนพื้น ร่างกายเอนไปข้างหลัง เข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย เข้าใกล้ฝ่ามือที่ดูดกลืนชีวิตมนุษย์ราวกับหุบเหว
สวี่ชีอันสอดมือเข้าไปในหน้าอก หยิบยาเพิ่มพลังที่ฉู่ไฉ่เวยให้ออกมา เขาบดขยี้ขวดลายครามอย่างแรง และยัดยาทั้งหมดเข้าไปในปาก
จากนั้นเขาก็จับด้ามดาบของดาบยาวสีดำทองไว้ และสะกดทุกอารมณ์
ชิ้ง!
ในความมืดมิด แสงดาบสีทองเข้มส่องประกาย ติง แขนสีแดงสดสาดประกายไฟแสบตาออกมา
ง่ามนิ้วมือขวาของสวี่ชีอันแตกออก กล้ามเนื้อแขนขวาที่จับดาบกระตุก
นี่เป็นศัตรูที่ดาบของข้าฟันไม่ขาด… การเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ เจตนารมณ์แห่งกระบี่ที่ตำราลับมอบให้ไม่ใช่การฟันอีกครั้ง แต่เป็นหนี
“วิ่ง”
แมวดำสั่นสะเทือนอากาศ และพูดด้วยภาษามนุษย์ ขณะเดียวกันก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งเข้าใส่ชายชุดดำ
ระหว่างที่พลังปราณสั่นสะเทือน ร่างของแมวดำแตกสลายกลางอากาศ จิตวิญญาณของนักบวชเต๋าจินเหลียนช่างเด่นชัด และกระแทกเข้ากับชายชุดดำ
ท่านนักพรต ดูแลตัวเองด้วย… สวี่ชีอันไม่ได้มองอีก เขาฉวยโอกาสนี้สลัดจากการดึงของพายุหมุน กระโดดขึ้นไปบนหลังคา และปีนข้ามกำแพงหนีไป
……………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...