หากไม่มีนักบวชเต๋าจินเหลียนที่ยอมพลีชีพเพื่อช่วยเขา เพลงต่อไปเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย โดยไม่มีเวลาร่ายเวทมนตร์ใน ‘หนังสือเวทมนตร์’ แม้แต่น้อย
และถึงแม้จะมีนักบวชเต๋าจินเหลียนคอยช่วยเหลือ เวทมนตร์ส่วนใหญ่ในหนังสือเวทมนตร์ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถสู้ฝ่ายตรงข้ามได้
ความรู้สึกกลัวจนเข้ากระดูกดำเช่นนั้น เป็นความรู้สึกที่ที่สวี่ชีอันไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“นั่นใคร”
หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลสองคนที่ยืนติดตามการเคลื่อนไหวอยู่บนหลังคาสังเกตเห็นสวี่ชีอันที่สวมเสื้อคลุมยาวสีดำ คนหนึ่งดึงดาบยาวแบบมาตรฐานออกมา ส่วนอีกคนหนึ่งก็ถอดฆ้องทองแดงออก
“ข้าเอง” สวี่ชีอัน ถอดผ้าคลุมศีรษะออก แล้วหยิบตราทองคำออกมา
“ใต้เท้าสวี่…”
ตอนนี้สวี่ชีอันเป็นคนดังของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล เริ่มจากฆ้องทองคำสองคน ‘ริษยา’ เขา ต่อมาก็เกิดความขัดแย้งเรื่องใช้ดาบฟันฆ้องเงินจู
ในหน่วยงานไม่มีใครไม่รู้จักเขา
สวี่ชีอันเก็บตราทองคำ แล้วไออย่างรุนแรงหลายครั้ง มีกลิ่นคาวออกมาจากลำคอ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “จวนของผิงหย่วนปั๋วถูกนักฆ่าบุกจู่โจม ข้าได้รับพระราชบัญชาให้ไปสืบคดี จึงพบกับนักฆ่าพอดี นักฆ่าฝีมือร้ายกาจมาก พวกเจ้าอย่าวู่วาม รีบไปเตือนภัยโดยด่วน”
มีนักฆ่าบุกจวนของผิงหย่วนปั๋วอีกแล้ว…ฆ้องทองดงทั้งสองสบตากัน ทั้งสองต่างสังเกตเห็นเลือดที่ไหลไม่หยุดตรงง่ามนิ้ว และแขนที่สั่นเล็กน้อยของสวี่ชีอันในทันที
พวกเขาจับท่อทองแดงขนาดเท่าแขนของทารกที่อยู่ในถุงหนังที่เอวของพวกเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วไฟก็ลุกทันที
ฟ้าว…
ไฟสีแดงเข้มเป็นทางเสียงดังพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วก็ระเบิดกลางอากาศ
เมื่อเห็นเช่นนี้ สวี่ชีอันก็รู้สึกโล่งใจ “ข้าจะกลับไปรักษาบาดแผลก่อน พวกเจ้ารอกำลังหนุนอยู่ที่นี่ หากพบคนสวมเสื้อคลุมยาวสีดำ…ยกเว้นข้า อย่าลืมหลบไป”
“ขอรับ”
ในเวลานี้ สวี่ชีอัน เห็นแมวสีส้มยืนตัวหนึ่งยืนอยู่บนหลังคาในระยะไกล ดวงตาลึกล้ำมองมาที่เขา
….ท่านนักบวชเอาแมวมาจากไหน ข้ารู้ว่าท่านจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน สวี่ชีอันผ่อนลมหายใจออกอีกครั้ง กระโดดบนหลังคาไม่หยุด แมวสีส้มเดินตามหลังเขาอย่างใจเย็น
“ท่านนักพรต เมื่อครู่ข้าสูญเสียความคิดในการต่อสู้ไปหมดแล้ว” เขาหยุดอยู่ในตรอกที่เงียบสงบ สวี่ชีอันพูดด้วยความอับอาย
เขาเชื่อว่าด้วยความเจ้าเล่ห์เจ้าวางแผนของนักบวชเต๋าจินเหลียน หากจับไว้ไม่ได้ จะต้องหนีเร็วกว่าเขาแน่
แมวสีส้มพูดภาษาคน น้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย “คนธรรมดาเห็นหนอนตัวใหญ่แล้ววิ่งหนีนับเป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ แต่ระยะห่างระหว่างเจ้ากับเขา มากกว่าระยะห่างระหว่างแมวกับหนอนตัวใหญ่มากนัก”
ท่านนักพรต ท่านเปรียบเทียบเช่นนี้จะดีเหรอ…สวี่ชีอันเหลือบมองแมวสีส้ม
“ถ้าเดาไม่ผิด เขาก็คือสิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ทะเลสาบซังผอ” สวี่ชีอันพูดพร้อมกับหยิบยาจินชวงและผ้าฝ้ายออกมา แล้วพันบริเวณง่ามนิ้วของตัวเอง
เนื่องจากกินยาเพิ่มพลังมากเกินไป เพื่อช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียหลังจากการฝึก ‘ดาบเดียวตัดฟ้าดิน’ ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากจากการถูกดูดพลังออกจากร่างกายเช่นนั้น
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น” นักบวชเต๋าจินเหลียนกล่าวด้วยความตกใจ
“วันนั้นที่วัดหย่งเจิ้นซานเหอระเบิด ทหารรักษาวังทั้งสามร้อยนายที่ลาดตระเวนบริเวณโดยรอบตายทั้งหมด สภาพศพเหมือนกันหมด กลายเป็นศพแห้งไม่เน่าเปื่อย” สวี่ชีอันพูดเสียงทุ้ม
นักบวชเต๋าจินเหลียนรู้สึกตัวในทันที เงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เดาผิดแล้ว สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ทะเลสาบซังผอไม่ใช่ท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่ง”
…ถ้าเป็นท่านโหราจารย์รุ่นที่หนึ่ง คงไม่ไปฆ่าคนธรรมดาๆ ก่อนที่บุตรชายของผิงหย่วนปั๋วจะเสียชีวิต เขาหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราวกับรู้จักชายในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำ…เว้นเสียแต่ว่าคนที่ฆ่าทหารรักษาวังจะเป็นคนที่แอบดำลงไปในทะเลสาบซังผอแล้วระเบิดทำลายวัดหย่งเจิ้นซานเหอ แต่เรื่องนี้อาจถูกปฏิเสธไปนานแล้ว เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมียอดฝีมือดำลงไปในทะเลสาบซังผอ… สวี่ชีอันถอนหายใจแล้วพูดว่า
“ข้ารู้ และในใจข้าพอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว เพียงแต่ยังต้องการการตรวจสอบยืนยัน”
แมวสีส้มพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พลังหยินของข้าถูกทำลายอย่างหนัก เป็นไปได้มากที่จะทรุดลง ข้าต้องการให้เจ้าช่วยเรื่องหนึ่ง”
“ท่านนักพรตบอกมาได้เลย” สวี่ชีอันกำลังกังวลว่าจะทดแทนพระคุณที่ช่วยชีวิตของเขาได้อย่างไรพอดี
“ช่วยไปตามหาลั่วอวี้เหิง ขอยาจวี้หยวนมาให้ข้าหนึ่งเม็ด” แมวสีส้มพูดภาษาคน
“ลั่วอวี้เหิง” สวี่ชีอันย้อนถามด้วยความสงสัย
“ผู้นำลัทธิเต๋านิกายมนุษย์ พอนับได้ว่าเป็นศิษย์น้องของข้า” นักบวชเต๋าจินเหลียนกล่าว
ท่านนักพรตลำดับชั้นในนิกายปฐพีขงท่านค่อนข้างอาวุโสทีเดียว…ผู้นำลัทธิเต๋านิกายมนุษย์เป็นศิษย์น้องของท่าน… นักพรตหญิงโฉมงาม สวี่ชีอันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “มีสิ่งยืนยันอะไรหรือไม่”
“ให้นางดูหนังสือปฐพี” แมวสีส้มฝืนยิ้มเหมือนมนุษย์ “ส่วนจะนำมาได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนาง”
ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนาง สวี่ชีอันมีสีหน้างุนงง
“ระหว่างนิกายมนุษย์กับนิกายฟ้าเปรียบเหมือนน้ำกับไฟ ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายปฐพีกับทั้งสองนิกายไม่นับว่าตึงเครียด แต่ก็ไม่นับว่าดีมาก” แมวสีส้มอธิบาย
ลัทธิเต๋าของพวกท่านช่างน่าขันนัก…ครอบครัวที่ทั้งรักทั้งแค้นอย่างไรเล่า สวี่ชีอันพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วพรุ่งนี้จะไปลองดู ”
แมวสีส้มส่งเสียง “อืม พรุ่งนี้ข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้ง”
…
เจียงลวี่จงนั่งยอง ๆ อยู่ที่ลานบ้านสีหน้าบึ้งตึง บี้เศษเนื้อชิ้นเล็กๆ ในมือ เนื้อแห้งมาก เหมือนเนื้อผึ่งลมที่ถูกบดเป็นผง
บนพื้นถูกปกคลุมด้วยผงสีน้ำตาลอ่อน
ฆ้องทองแดงหลายสิบคนล้อมจวนของผิงหย่วนปั๋วไว้ ฆ้องเงินเจ็ดหรือแปดคนร่วมกันสำรวจ เมื่อพวกเขาตามมาถึง ทุกคนในจวนของผิงหย่วนปั๋วได้ถูกฆ่าจนหมดสิ้นแล้ว ครอบครัวของผิงหย่วนปั๋วรวมทั้งคนรับใช้ในจวน ไม่มีผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
สภาพศพเหมือนกันหมด เหมือนเนื้อถูกผึ่งลมมาเป็นเวลาหลายปี
ในใจของเจียงลวี่จงเหมือนมีอัลปากานับหมื่นตัววิ่งห้ออยู่ในนั้น ตอนที่ผิงหย่วนปั๋วถูกฆ่า เขาก็เป็นคนเฝ้ายามอยู่
“ฆ้องทองคำเจียง ในห้องยังมีผู้รอดชีวิตอีกหนึ่งคนขอรับ” ฆ้องเงินคนหนึ่งเดินออกมาจากห้อง พูดด้วยเสียงดังฟังชัด
เจียงลวี่จงใบหน้าบึ้งตึง เดินข้ามธรณีประตู เข้าไปในห้อง กวาดตามอง จ้องไปที่หญิงสาวที่กำลังกอดผ้าห่มไว้แน่น เผยให้เห็นไหล่ที่ขาวผ่อง สีหน้าหวาดกลัว
นางมีใบหน้าที่งดงาม แต่ท่าทางเย้ายวนกำลังมองมาทางหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลด้วยแววตาที่หวาดกลัว
“เจ้าเป็นผู้ใด” เจียงลวี่จงพูดเสียงขรึม
“ข้า ข้าเป็นอนุภรรยาของผิงหยวนปั๋ว” หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง