ตอน บทที่ 141 คำถามและคำตอบ จาก ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 141 คำถามและคำตอบ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“หากไม่จองหองจริง จะกล้าฟันผู้บังคับบัญชาหรือ” ฆ้องทองคำผู้ใช้กระบี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น่าเสียดายที่เจ้านั่นเป็นลูกน้องหยางเยี่ยน เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นเก่งขนาดไหน…”
เว่ยเยวียนเหลือบมองเจียงลวี่จงพร้อมกับพูดขัดจังหวะ “ปากมากไปแล้วนะ”
เจียงลวี่จงจึงหุบปากในทันใด
ฆ้องทองคำผู้ใช้กระบี่เลิกคิ้วและถาม “แล้วเก่งแค่ไหนล่ะ คุณสมบัติระดับใด ระดับเจี่ยหรือ”
เจียงลวี่จงยิ้มอย่างจงใจและทำสีหน้าที่บอกว่า ‘เจ้าไร้เดียงสาเสียไม่มี’ เพื่อล่อเหยื่อให้ติดกับ
‘ไม่ใช่ระดับเจี่ย ไม่ใช่ระดับเจี่ยงั้นหรือ?’ ฆ้องทองคำผู้ใช้กระบี่จ้องเว่ยเยวียนตาเขม็ง “เว่ยกง”
เว่ยเยวียนดื่มชาเงียบๆ
ท่าทางดังกล่าวทำให้ฆ้องทองคำผู้นี้อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น และเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน
‘หากเป็นคุณสมบัติระดับเจี่ยจริงๆ ไม่จำเป็นต้องปิดบังข้าก็ได้…หรือว่าจะอยู่ระดับเหนือเจี่ย เป็นไปไม่ได้ คุณสมบัติระดับเหนือเจี่ยไม่ปรากฏมาหลายทศวรรษแล้วนี่…แต่ดูจากสีหน้าของพวกเขาก็เหมือนจะยืนยันเรื่องนี้ได้เลย…หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ชิงตัวฆ้องสวี่ชีอันมา’
‘แสดงว่าเว่ยกงต้องการปิดบังไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในหมู่ฆ้องทองคำ เพราะแย่งตัวเด็กนั่น อืม เช่นนั้นข้าเองก็หาวิธีซื้อใจตัวเด็กนั่นมาได้เหมือนกัน คนหนุ่มๆ สนใจแต่เงินทองหรือไม่ก็ผู้หญิงไม่ใช่หรือไง’
หยางเยี่ยนผู้มีใบหน้าแข็งกระด้างเริ่มพูดและเบี่ยงหัวข้อสนทนา “พ่อบุญธรรม ท่าทีของฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง”
เว่ยเยวียนขมวดคิ้วและถอนหายใจ “ทรงรับสั่งให้ค้นหาที่อยู่ของเหิงฮุ่ยให้เร็วที่สุด ในช่วงตรวจสอบข้าราชสำนักเช่นนี้ แม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจต้านทานต่อการร้องเรียนครั้งใหญ่ได้”
ฆ้องทองคำทั้งสี่สีหน้าเคร่งเครียด การที่เว่ยกงจำต้องพูดเช่นนี้ออกมา แสดงว่าสถานการณ์นั้นรุนแรงมาก
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ ยังไม่คิดไปถึงเรื่องที่เว่ยเยวียน ขันทีผู้รับผิดชอบหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล มีความขัดแย้งกับขุนนางและทหารแห่งราชสำนัก ลำพังแค่ฆาตกรคนเดียวออกมาอาละวาดสังหารผู้คนในเมืองชั้นใน และหลบหนีไปอย่างสบายใจเฉิบ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ขุนนางหลายร้อยคนตื่นตูมได้แล้ว
“พวกเราต้องทำให้ดีที่สุด”
เว่ยเยวียนพยักหน้า “อย่าดีแต่พูดล่ะ ไม่นานมานี้คนที่ศาลลือกันไปทั่วว่าฆ้องทองคำไร้ความสามารถกันทั้งหน่วย ไม่ว่าจะการสืบสวน หรือจัดการคดีอะไรก็ยกให้ฆ้องทองแดงจัดการหมดเพียงคนเดียว”
พ่อบุญธรรมให้ความสำคัญกับสวี่ชีอันมากขึ้นเรื่อยๆ…หยางเยี่ยนกับหนานกงเชี่ยนโหรวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างรู้ความคิดของกันและกัน
ต้องจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จ และจะต้องตามหาเหิงฮุ่ยให้เจอโดยเร็ว โชคดีที่สวี่ชีอันไม่สามารถทำงานนี้ได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าฆ้องผู้น้อยจะโผล่มาฉกผลงานไปอีก
…
สวี่ชีอันนำทีมสืบคดีซังผอไปถึงยังสำนักงานราชเลขาธิการของกรมทหาร แสดงตราประทับทองคำและผ่านเข้าไป จากนั้นจึงพาฉู่ไฉ่เวย หลี่อวี้ชุนพร้อมทั้งฆ้องเงินอีกสามนาย และหัวหน้ามือปราบหลี่ว์ชิงผู้เป็นหน่วยสืบราชการลับเข้าไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ
ประตูของสำนักงานราชเลขาธิการและกำแพงรอบๆ ถูกทำลายจนหมดสิ้น ราวกับว่ากำลังทำการรื้อถอน ชวนให้ตกตะลึงไม่น้อย
“สำนักงานราชเลขาธิการช่างงดงามเสียนี่กระไร” เมื่อเข้าไปยังด้านในของสำนัก หลี่ว์ชิงถอนใจเบาๆ
“ดูยังไงหลังนี้ก็ราคาถึงหมื่นสองร้อยตำลึงแน่ๆ…” หลี่อวี้ชุนเดา
คนรับใช้ผู้นำทางได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะออกมา ‘หมื่นสองร้อยตำลึงงั้นหรือ คนบ้านนอกคอกนาที่ไม่เคยเห็นโลกกว้าง มีเงินแค่หมื่นสองร้อยตำลึง บังอาจคิดจะซื้อสำนักงานราชเลขาธิการของเรา’
‘พวกทหารต่ำช้า’
สวี่ชีอันเตะก้นเขาและก่นด่า “นำทางไปดีๆ ไอ้หมารับใช้”
คนรับใช้ก้มหน้างุดและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
เมื่อพูดถึงคำว่า ‘หมารับใช้’ คำนี้ สวี่ชีอันก็นึกถึงยายตัวร้ายราชินีตัวน้อยประจำไนต์คลับ ไม่รู้ว่าวันนี้นางยั่วโมโหองค์หญิงฮว๋ายชิ่ง และถูกเฆี่ยนตีหรือไม่
สวี่ชีอันได้พบกับราชเลขาจางเฟิ่งแห่งกรมทหารในห้องรับรอง เขาเป็นผู้ชายที่สุขุมจริงจัง ศีรษะขาวโพลนไว้เคราแพะ นั่งนิ่งเงียบงัน แผ่รังสีอันน่าเกรงขาม ตามฉบับผู้ดำรงตำแหน่งอันสูงส่งมาอย่างช้านาน
“ยินดีที่ได้พบท่านราชเลขา” สวี่ชีอันกุมมือคารวะ
จางเฟิ่งพยักหน้าเบาๆ “ได้ยินขันทีในวังพูดว่าท่านสวี่จัดการคดีได้อย่างรวดเร็ว เป็นผู้มีความสามารถเหลือล้น คดีซังผอคืบหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่พอยังสืบพบร่องรอยฆาตกรตัวจริงจากคดีฆาตกรรมผิงหย่วนป๋อด้วย”
“ท่านราชเลขากล่าวชมเกินไปแล้วขอรับ” สวี่ชีอันรู้สึกว่าคำพูดของอีกฝ่ายแฝงนัยบางอย่าง
“เจ้าอยากรู้ว่าข้าเกี่ยวข้องอะไรกับฆาตกร จึงถูกอีกฝ่ายแก้แค้นกลางดึกใช่หรือไม่” ราชเลขาจางกล่าว
“ใช่ขอรับ” สวี่ชีอันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะให้ความร่วมมือแต่อย่างไร
ราชเลขาจางมองสวี่ชีอันอย่างไร้อารมณ์ ทันใดนั้นเขาก็พูดเสียงแข็ง ตบโต๊ะและตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน และที่อยากรู้มากกว่าคือคดีฆาตกรรมของผิงหย่วนป๋อผ่านมาตั้งนานมาแล้ว เหตุใดหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลถึงยังจับฆาตกรไม่ได้เสียที”
“ข้าล่ะอยากรู้เหลือเกิน เหตุใดหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลถึงได้ปล่อยให้พวกคนโฉดชั่วก่อกรรมทำเข็ญซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เพิ่งจะมาถึงก็วางก้ามข่มกันเลยนะ…สวี่ชีอันกุมมือคารวะอีกครั้งพร้อมกล่าว “ท่านราชเลขาโปรดสงบสติอารมณ์ก่อนขอรับ”
ราชเลขาจางควบคุมอารมณ์และถอนหายใจ “แม้ว่าวันนี้ข้าไม่ได้ไปศาล แต่ก็พอรู้สถานการณ์เมื่อคืนบ้าง ไม่คิดว่าจอมยุทธ์ระดับสูงห้านายร่วมมือกันต่อสู้ทั้งที ก็ยังจับฆาตกรไม่ได้อยู่ดี มิหนำซ้ำฆ้องทองคำสี่นายยังได้รับบาดเจ็บอีก”
“หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลจงรักภักดีต่อราชสำนัก ข้ารู้ดีแก่ใจ น่าเสียดายที่ท่านโหราจารย์ป่วยหนักไม่สามารถลงมือจัดการได้ ทำให้พวกข้าหวั่นวิตก และทำให้พวกเจ้าเองเหนื่อยกายเหนื่อยใจไปด้วย”
การแสดงออกของเขามีความเคร่งขรึมตามฉบับผู้บังคับบัญชา ทว่าน้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ท่าทีเห็นอกเห็นใจผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
สวี่ชีอันรู้สึกชื่นชมราชเลขาแห่งกรมทหารอยู่เล็กน้อย ทว่าในไม่ช้าเขาก็ค่อยๆ เข้าใจทุกอย่าง…เริ่มจากการวางอำนาจบาตรใหญ่ จากนั้นก็ลูบหลังด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คนคนหนึ่งจะเล่นการเมืองจนไต่เต้าไปถึงระดับสองได้
ที่น่าสนใจคือในคืนนั้นเหิงฮุ่ยได้ฆ่าลูกชายคนโตของผิงหย่วนป๋อพร้อมกับพูดว่า ‘ข้ามาเพื่อล้างแค้น’
คดีนี้เริ่มซับซ้อนและน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ข้ารู้สึกว่ากำลังเข้าใกล้ความจริงแล้ว…อืม ความจริงในคดีหลบหนีของเหิงฮุ่ยกับท่านหญิงผิงหยาง ไขคดีของสองคนนั้นได้เมื่อไหร่ คดีซังผอถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ สวี่ชีอันตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด
…
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน สวี่ชีอันก็ล่ำลาฉู่ไฉ่เวยกับหลี่ว์ชิง เมื่อทั้งสองจากไป ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวจึงเดินออกจากห้องโถงด้านข้าง ทั้งสามควบม้ามุ่งตรงไปยังสำนักสังคีตอย่างรู้ใจกัน
หลังจากการสืบสวนอย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน สวี่ชีอันรู้สึกว่าเขาต้องการผ่อนคลายและบรรเทาความเครียดทางจิตใจบ้าง
ที่จริงก็หมายถึงการหลับนอนนั่นแหละ ไม่ว่าจะนอนกับสาวใช้ที่บ้านหรือหลับนอนกับฝูเซียงก็ไม่ต่างกันมากนัก อีกอย่าง ฝูเซียงยังฝากจดหมายไปหาเขาอยู่หลายครั้ง บอกว่านางคิดถึงเขามากและอยากเชิญเขาไปดื่มชาที่หออิ่งเหมย
ในเมื่อขอมาขนาดนี้ ก็ไปเสียหน่อยแล้วกัน สวี่ชีอันคิด
ขณะนี้ฟ้ายังคงสว่าง และยังอยู่ในชั่วโมงทำงานของที่ทำการปกครอง ตรงข้ามกับสำนักสังคีตที่ยังมีแขกไม่มากนัก ในตรอกผู้คนบางตา
“ข้าจะไปนอนกับโสเภณี” ซ่งถิงเฟิงกล่าว
“นอนกับโสเภณีไม่คุ้มหรอก ค่าตัว…สูงใช่ย่อยเลย” สวี่ชีอันเสนอความคิดเห็นอย่างจริงใจ
โสเภณีในต้าฟ่ง แท้จริงแล้วคือการขายศิลปะหาใช่เรือนร่าง และโสเภณียังเป็นเหมือนกระแสอย่างหนึ่ง ในสำนักสังคีตไม่ได้มีเพียงหญิงสาวที่บรรลุนิติภาวะเท่านั้น แต่ยังมีเด็กสาวจำนวนมากอีกด้วย เด็กสาวเหล่านี้จะได้รับการสอนให้เล่นขิม หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพตั้งแต่ยังเด็ก พร้อมทั้งถูกปลูกฝังให้มีความสามารถรอบด้าน
ค่อยๆ บ่มเพาะจนเติบใหญ่ หากมีรูปลักษณ์และทักษะที่ธรรมดา ก็จะได้เป็นนางระบำชั้นต่ำ หากรูปลักษณ์งดงามและมากด้วยความสามารถถึงจะได้เป็นโสเภณี
เมื่อโสเภณีสั่งสมชื่อเสียงไปได้ระดับหนึ่ง ก็จะมีการเปิดประมูลที่ชวนใจเต้นให้กับเหล่าท่านชายทั้งหลาย
“ไม่คุ้มหรอก” สวี่ชีอันโน้มน้าว
“ข้าเคยบอกไปแล้วว่าผู้ชายอย่างข้าไม่เหมาะที่จะแต่งงานมีลูก ต่อให้เก็บเงินไว้ก็เปล่าประโยชน์” ซ่งถิงเฟิงไม่สะทกสะท้าน
สวี่ชีอันสงสัยว่าชายผู้นี้น่าจะกลัวการแต่งงาน
“ข้าอยากแต่งเมีย” จูกว่างเสี้ยวพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความ
ทว่าการประชุมชาในสำนักของฝูเซียงนั้นแพงหูฉี่ อีกทั้งคณิกาเองยังเป็นพันธมิตรที่ดีของสวี่ชีอันอีกด้วย ดังนั้นถ้าไปที่หออิ่งเหมย เขาก็ได้หลับนอนกับสาวใช้เท่านั้น
กว่างเสี้ยวที่ตอนนี้เป็นเศรษฐีแล้ว อยากหลับนอนกับหญิงสาวที่สวยกว่า
ทั้งสามแยกทางกัน และสวี่ชีอันก็เข้าสู่หออิ่งเหมย
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...