ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 159

บทที่ 159 บันทึกประจำวันที่ไม่ได้พบกันนาน
วันรุ่งขึ้น หยุดพักชำระร่างกาย

สวี่ชีอันและพรรคพวกตื่นสายเล็กน้อย หลังจากยืดเหยียดกล้ามเนื้อแล้ว แต่ละคนก็กินอาหารเช้าในห้องของตัวเอง จากนั้นจึงทยอยออกมารวมตัวกันที่ห้องโถงด้านนอก

เมื่อคืนเจียงลวี่จงนอนกับหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มคนหนึ่ง เช้าวันนี้จึงปฏิบัติต่อสวี่ชีอันราวกับลูกชาย ต้องรู้ว่าขณะการประชุมชา คณิกามักจะไม่สนใจทหาร และเจียงลวี่จงเป็นฆ้องทองคำของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล จะมาร่วมต่อสู้ในการประชุมชากับพ่อค้าและผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไร

นอกจากนี้ สำนักสังคีตยังเป็นเขตอิทธิพลของกรมพิธีการ หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลและขุนนางฝ่ายบุ๋นนั้นไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่จะบังคับคณิกาก็ไม่ได้ ดังนั้นยิ่งเป็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลระดับสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ชอบมาที่สำนักสังคีตเท่านั้น ทุกคนจะไปมั่วสุมกันที่หอนางโลมอื่น

“มิน่าเล่าคนข้างนอกจึงเล่าลือกันว่าเจ้าเป็นมือสังหารคณิกา” เจียงลวี่จงตบไหล่สวี่ชีอัน หัวเราะหน้าแดงระเรื่อ

มือสังหารคณิกา? ข้ามีฉายาแปลกๆ นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน สวี่ชีอันพูดอย่างงุนงง “อะไรหนา”

“ตำนานเก้าหญิงแย่งชิงชายได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงแล้ว” เจียงลวี่จงกล่าว

ข้าถูกใส่ร้าย…แต่ว่า มือสังหารคณิกาก็ดี ถึงอย่างไรก็ฟังดูดีกว่า สวี่ผู้ชอบของฟรีเยอะ…สวี่ชีอันนึกขึ้นได้ ก็คือวันที่จับปีศาจจิ้งจอกนั้น เป็นวันที่คณิกาเก้าคนมาเยี่ยมเยียน

ในเวลานี้ หลี่อวี้ชุนเดินออกมาด้วยสีหน้าอิ่มเอิบ

“หัวหน้า เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่” ซ่งถิงเฟิงเดินเข้าไปทักทาย

หลี่อวี้ชุนพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เลวเลย แต่มีเสียงเอะอะนิดหน่อย”

สวี่ชีอันเย้ยหยันในใจ

เมื่อฝูเซียงตื่นขึ้น พ่อตัวดีที่ไม่สนใจไยดีหญิงงามแม้แต่น้อยคนนั้นก็ได้จากไปแล้ว นางกอดผ้าห่มลุกขึ้น หาวด้วยท่าทางเกียจคร้าน แล้วอาบน้ำโดยมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ

“แม่นางหมิงเยี่ยนเพิ่งส่งคนมาบอกความ ว่ามื้อกลางวันเชิญนายหญิงไปดื่มเหล้าที่สำนักชิงฉือเจ้าค่ะ” สาวใช้พูด

‘ต้อนรับขับสู้โดยไม่มีธุระไม่ใช่คนชั่วก็เป็นโจร’… ฝูเซียงแอบคิดในใจ แล้วพูดเรียบๆ ว่า “ข้ารู้แล้ว”

เช็ดตัวตามร่างกายขาวผ่องอรชรจนแห้ง สวมกระโปรงยาวสีขาว สวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอก

นั่งอ่านหนังสือในห้องนอนอันอบอุ่น รอจนถึงเวลาอาหารจนมื้อเที่ยง

ที่สำนักชิงฉือ คณิกาหมิงเยี่ยนจัดงานเลี้ยงในห้องโถง โดยเชิญคณิกาหกถึงเจ็ดคน รวมฝูเซียงอยู่ในนั้นด้วย

หญิงสาวทุกคนรูปร่างแตกต่างกัน ทุกคนต่างมีความงามในแบบของตัวเอง

คนที่หน้าตาสวยงามก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเป็นคณิกาได้ แต่คนที่ทั้งสวยและมีความสามารถ ย่อมสามารถเป็นคณิกาได้อย่างแน่นอน

“ได้ยินมาว่าคุณชายสวี่ได้เขียนบทกวีขึ้นบทหนึ่งในเขตพระราชฐาน เป็นการประณามเจ้ากรมซุนแห่งกรมอาญาอย่างรุนแรง ทุกท่านเคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่” ฝูเซียงดื่มเหล้าเล็กน้อย นำเรื่องสนุกที่ได้ยินมาจากงานเลี้ยงเมื่อวานนี้มาคุยเล่นกัน

“คุณชายสวี่เขียนบทกวีอีกแล้วหรือ” คณิกาหลายคนต่างให้ความสนใจขึ้นมาในทันที

คณิกาเสียวหย่าได้ยินเรื่องนี้ ขณะอยู่ในงานเลี้ยง คิดด้วยสีหน้าเลื่อมใส ยิ้มตาหยีแล้วพูดด้วยท่าทีเอียงอายว่า

“คุณชายสวี่ไม่เพียงแต่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้น แต่ยังมีความกล้าหาญชาญชัย ฉีกหน้าเจ้ากรมแห่งกรมอาญาต่อหน้าในบริเวณเขตพระราชฐาน”

“ไม่เพียงแค่ฉีกหน้าเขา แต่ทันทีที่บทกวีนี้ออกมา ชื่อเสียงของท่านเจ้ากรมเกรงว่าจะ…”

หัวข้อสนทนานี้จบลงแค่นี้ พนักงานต้อนรับวิจารณ์ขุนนางชั้นสูงตามอำเภอใจ เป็นไปตามสมควร และทุกคนก็เป็นเพียงพี่น้องจอมปลอม จะให้จริงใจต่อกันนั้นเป็นไปไม่ได้

ดังนั้นหัวข้อสนทนาจึงเปลี่ยนไปที่สวี่ชีอัน คณิกาที่อยู่ในที่นี้ส่วนใหญ่ล้วนกระหายอยากได้พรสวรรค์ด้านบทกวีของสวี่ชีอัน ส่วนตัวเขาเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้นอกจากฝูเซียง

“พี่ฝูเซียง คุณชายสวี่…เมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง”

เหล่าคณิกาต่างแอบหัวเราะ

ฝูเซียงขมวดคิ้ว จะให้นางจะพูดเรื่องพวกนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้

หากพูดขึ้นมาจริงๆ คืนนี้สาวสวยชั้นต่ำกลุ่มนี้ก็สามารถเผยแพร่ออกไปได้ทันที คนอื่นจะเย้ยหยันว่าเขาป่าเถื่อน ทำให้เสียชื่อ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฝูเซียงก็คิดอะไรขึ้นมาได้

หลังจากทำทั้งทุกอย่างเสร็จแล้ว ฝูเซียงก็ยิ้มกริ่ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง