ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 197

บทที่ 197 งานเลี้ยงอาหารค่ำและผีผา

งานเลี้ยงอาหารค่ำหรือ อืม ใต้เท้าผู้ตรวจการเข้าเมืองมานานขนาดนี้ มีหรือที่ทางการอวิ๋นโจวจะไม่รู้… สภาพจิตใจของสวี่ชีอันดีขึ้นมากแล้ว ไหนๆ ก็นอนไม่ได้อยู่แล้ว คอยอยู่ที่จุดพักเปลี่ยนม้าก็น่าเบื่อ จึงตอบว่า

“ขอรับ ใต้เท้าโปรดรอสักครู่”

เขาสวมรองเท้า หยิบฆ้องทองแดงที่หัวเตียงมารัดติดหน้าอก แขวนดาบยาวสีดำไว้ที่เอวด้านหลัง แล้วเปิดประตูห้อง

ผู้ตรวจการจางยืนอยู่นอกประตู สวมชุดเครื่องแบบขุนนางสีแดงเข้ม ตัวตรง ท่าทางโดดเด่น

ทั้งสองพยักหน้าให้กัน เดินลงไปข้างล่างด้วยกัน และรออยู่ที่ห้องโถงครู่หนึ่ง เจียงลวี่จงจึงเดินเข้ามาจากลานที่พัก แล้วพูดว่า “ตรวจนับเจ้าหน้าที่เสร็จแล้ว ไปกันเถิดขอรับ”

รถม้าคันหรูจอดอยู่ด้านนอกจุดพักเปลี่ยนม้า พร้อมด้วยกองทหารพยัคฆ์ทะยานที่คอยติดตามคณะ ทำหน้าที่อารักขา 30 คน และหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลอีก 7 คน สถานที่จัดงานเลี้ยงเป็นลานกว้างใกล้แม่น้ำ

จวนที่สมุหเทศาภิบาลใช้เพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับขุนนาง เป็นจวนที่มีสี่ห้องโถง

คืนนี้ดวงจันทร์สุกสกาว ดวงดาวบางตา ไม่มีลม แม้จะเป็นช่วงที่หนาวที่สุด แต่ก็เหมาะที่จะจัดงานเลี้ยงในสวนหลังบ้าน ในฐานะที่เป็นคนสำคัญของงานเลี้ยงคืนนี้ และยังเป็นแขกรับเชิญ ผู้ตรวจการจางจึงจงใจมาสายเป็นเวลาหนึ่งเค่อ

นี่เป็นทั้งการแสดงอำนาจ แล้วยังทำให้ให้เจ้าภาพมีเวลาเตรียมตัวอย่างเหลือเฟือ

เมื่อมาถึงประตูจวน ที่นี่มีรถม้าและเกี้ยวต่างรูปแบบ บางคันสวยหรูบางคันเรียบง่ายจอดอยู่เต็มพื้นที่ แสดงให้เห็นตำแหน่งทางราชการที่แตกต่างกัน

จากการนำทางของบ่าวรับใช้ ผู้ตรวจการจางและคณะก็มาถึงห้องโถงด้านหน้า ได้เห็นบรรดาขุนนางที่สวมชุดขุนนางหลากหลายสีสัน จำนวนมากมายก่ายกอง เกินกว่าหนึ่งร้อยคน

ในจำนวนนั้นมีข้าหลวงแห่งอวิ๋นโจวที่สวี่ชีอันเพิ่งพบปะในวันนี้

“ใต้เท้าผู้ตรวจการ” ท่ามกลางเสียงหัวเราะที่เบิกบาน ขุนนางที่สวมชุดคลุมสีแดงคนหนึ่ง ไว้หนวดเครายาวเดินเข้ามาทักทาย

“ใต้เท้าสมุหเทศาภิบาล” ผู้ตรวจการจางยิ้มและประสานมือคารวะ

สมุหเทศาภิบาล..เทียบเท่ากับผู้ว่าการมณฑลสินะ… สวี่ชีอันมองไปที่สมุหเทศาภิบาลอวิ๋นโจว โหนกแก้มของเขาสูงเล็กน้อย ดวงตาเรียวยาว เวลายิ้ม ดวงตาหรี่เป็นเส้นดูแล้วรู้สึกเป็นคนเหลี่ยมจัด

หรือว่าจะเป็นพ่อซ่งถิงเฟิงที่พลัดพรากจากกันไปนาน จริงสิ ถ้าจำไม่ผิด สมุหเทศาภิบาลท่านนี้ก็แซ่ซ่งเหมือนกัน… สวี่ชีอันกระตุกมุมปาก

สมุหเทศาภิบาลซ่งนำผู้ตรวจการจางไปแนะนำตัวกับทุกคน สวี่ชีอันคอยมองตาม จดจำขุนนางที่อยู่ในที่นั้นไว้ในใจอย่างแม่นยำ

“นี่คือใต้เท้าหยางผู้บัญชาการอวิ๋นโจวของเรา” สมุหเทศาภิบาลซ่งเดินมายังเบื้องหน้าชายวัยกลางคนที่มีมาดเหมือนผู้บังคับบัญชา

เสียงรอบข้างเงียบลงทันที สายตาทุกคู่หยุดอยู่ที่ผู้ตรวจการจางและหยางชวนหนาน

ขุนนางใหญ่แห่งราชสำนักทั้งสองคนต่างมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“ผู้ตรวจการจาง เลื่อมใสมานานเลื่อมใสมานาน”

“ใต้เท้าผู้บัญชาการ เลื่อมใสมานานเลื่อมใสมานาน”

บรรยากาศผ่อนคลายขึ้้นมาทันที สีหน้าของเหล่าขุนนางต่างปรากฏรอยยิ้ม

….ทำไมข้าจึงเห็นภาพหลอนว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายล่ะ เพียงแค่ชั่วขณะ สวี่ชีอันก็คิดว่าสถานการณ์จะกร่อยเสียแล้ว หรือทั้งสองฝ่ายจะถากถางกันด้วยคำพูดแปลกๆ ปากปราศรัยนน้ำใจเชือดคอ แบบนี้จึงจะเหมาะกับภาพลักษณ์คนที่ชอบเย้ยหยันประชดประชันกันในวงขุนนาง

แต่ผลลัพธ์กลับเต็มไปด้วยมิตรไมตรีจิตเช่นนี้

“ใต้เท้าผู้ตรวจการ งานเลี้ยงอาหารเย็นพร้อมแล้ว พวกเราไปสวนด้านหลังพร้อมกันดีไหมขอรับ” สมุหเทศาภิบาลกล่าวทันที

ในพื้นที่มณฑลหนึ่ง จะมีหน่วยงานระดับสูงสุดสามหน่วยงานได้แก่ สำนักผู้บัญชาการ ที่ว่าการมณฑล และสำนักตุลาการความมั่นคง

ในสำนักเหล่านี้ สำนักตุลาการความมั่นคงขึ้นตรงกับฝ่ายตรวจการ ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ตรวจการจาง หัวหน้าสำนักตุลาการความมั่นคงจึงเป็นเหมือนเพียงสุนัขรับใช้เท่านั้น

เมื่อมาถึงลานด้านหลัง มีขุนนางเข้าร่วมงานจำนวนมาก ที่โต๊ะเจ้าภาพมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นสองเหตุการณ์

เหตุการณ์แรก:

ผู้ตรวจการจางโบกมือแล้วกล่าวว่า “หนิงเยี่ยน มานั่งข้างๆ ข้า”

โต๊ะเจ้าภาพมีทั้งหมด 10 ที่นั่ง เป็นตำแหน่งที่ตายตัว เป็นที่นั่งของใคร ใครที่สามารถนั่งได้ เรื่องนี้ในแวดวงขุนนางมีกฎระเบียบเข้มงวด

ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มที่ชื่อ ‘หนิงเยี่ยน’ ทันที เขาสวมเครื่องแบบสีดำ เสื้อคลุมตัวสั้น รัดฆ้องทองแดงที่มีการจารึกลวดลายไว้ที่หน้าอก ห้อยดาบยาวที่มีลักษณะพิเศษ แตกต่างจากดาบพกทั่วไป

คนที่มีตาแหลมคม แค่เห็นดาบเล่มนี้ ก็รู้แล้วฆ้องทองแดงผู้นี้ฐานะไม่ธรรมดา

ไม่ว่าอยู่ที่ไหน คนที่ดูไม่เหมือนใคร ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ขุนนางหลายคนแอบสนใจในตัวสวี่ชีอัน

เหตุการณ์ที่ 2 ก็คือ ผู้บัญชาการหยางชวนหนาน ได้กีดกันขุนนางคนหนึ่งที่กำลังนั่งลง เขาชี้ไปที่ตำแหน่งข้างๆ เขาและพูดว่า

“มีสหายคนหนึ่งกำลังจะมา”

ขุนนางผู้นั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วต่อมาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงตบหัวตัวเองเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วก็เดินไปที่โต๊ะอื่นโดยไม่ได้แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย

…สหายหรือ ไม่ใช่ใต้เท้าคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสหาย? สวี่ชีอันจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั่งตัวตรง

“หนิงเยี่ยน อักษรปริศนาที่พูดถึงวันนี้…” ผู้ตรวจการจางกระซิบ

“ท่านใต้เท้าผู้ตรวจการ!” สวี่ชีอันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “จริงๆ แล้วมันง่ายมาก เพียงแค่เปลี่ยนแนวคิดเท่านั้น”

“อย่างไรรึ”

“ท่านจริงจังมากเกินไป” ผู้ตรวจการจางซึ่งเป็นผู้ตรวจของฝ่ายตรวจการนับเป็นผู้สูงศักดิ์ เป็นถึงผู้ตรวจการในวงขุนนางแห่งเมืองหลวงนี่นา ยังไงก็ต้องสูงศักดิ์อยู่แล้ว

หากเป็นพวกขุนนางชั้นต่ำที่คร่ำหวอดในวงการดื่มสุราเคล้านารีและผีพนัน คงจะรู้คำตอบไปนานแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง