ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 20

“สวี่ฉือจิ้ว นักเรียนของข้า เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหาร เป็นคนที่ควรค่าแก่การฝึก” จางเซิ่นปรมาจารย์ด้านกลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหารแนะนำ

‘และเป็นคนที่แต่งบทกวีไม่ได้เรื่อง’ ประโยคนี้คิดอยู่ในใจ

ปรมาจารย์จางแปลกใจเล็กน้อย ‘เจ้าแต่งบทกวีไม่เป็น แล้วโผล่หัวออกมาด้วยเหตุใด’

จูทุ่ยจือที่คิดว่าตัวเองจะต้องได้หยกสีม่วงแน่นอน เมื่อได้ยินเสียงก็รู้สึกระแวดระวังเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าเป็นสวี่ซินเหนียนจึงไม่ได้ให้ความสำคัญ เพียงแค่เหลือบมองเขาเท่านั้น

เรียนชั้นเดียวกันมาหลายปี ไม่ต้องพูดก็รู้แล้ว และยังรู้จักกันเป็นอย่างดีอีก

สวี่ซินเหนียนมีความสามารถโดดเด่นในด้านการเขียนบทความ กลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหารก็แตกฉาน แต่บทกวีกลับไร้ความสง่างาม

‘จี้หยกยังคงเป็นของข้า’

สายตาของพวกนักเรียนจับจ้องอยู่ที่ร่างของสวี่ซินเหนียน เขาเพลิดเพลินกับการจ้องมองของทุกคน สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าไม่มีใครอยู่ในสายตา เขามองพระอาทิตย์ที่คล้อยอยู่บนท้องฟ้าอย่างอบอุ่น

“เมฆสีเหลืองนับพันลี้ท่ามกลางพระอาทิตย์ตก”

หลี่มู่ไป๋ผู้เล่นระดับชาติพยักหน้าและลูบเครา วรรคนี้เป็นเพียงการบรรยายทิวทัศน์ธรรมดาๆ แต่วิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างแสดงออกมาอย่างชัดเจน

“ลมเหนือพัดพาห่านป่าไปนำหิมะมา”

ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาว หิมะยังไม่มาถึง แต่ก็อีกไม่ไกล ประโยคนี้ไม่ถือว่าพูดเกินจริง

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินหิมะก็ปลิวมา ท่ามกลางลมเหนือพัดเห็นห่านป่าอยู่บนฟ้าไกลๆ ภาพปรากฏขึ้นทั้งหมดในคราวเดียว

การแสดงพื้นหลังของสองวรรคนี้ดีมาก เข้ากับการอำลาครั้งนี้พอดี

จางเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก เขามองพินิจสวี่ซินเหนียนอย่างถี่ถ้วน ด้วยระดับบทกวีของนักเรียนคนนี้ เจ็ดคำสองวรรคนี้ เขาต้องทุ่มเททั้งกายและใจในการแต่ง หากรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ ไม่แน่เขาอาจจะแข่งกับจูทุ่ยจือได้

ในบรรดาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งทั้งสาม ฆราวาสจื่อหยางที่ระดับบทกวีสูงที่สุดคิดทบทวนบทกวีสองวรรคนี้และรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

หลายพันลี้ พลบค่ำ ลมเหนือ ห่านป่าและหิมะตก…คำเหล่านี้ร่างภาพที่อ้างว้างและเศร้าโศกออกมา

เหมือนว่าเขาไม่ได้เข้ารับราชการ แต่ถูกลดตำแหน่ง

แต่ถึงอย่างไรมันก็มีเสน่ห์อยู่เล็กน้อยจริงๆ

การเข้ารับราชการครั้งนี้ ดูเหมือนว่าราชสำนักจะให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญและมอบอำนาจให้ แต่กองกำลังที่มาจากราชวิทยาลัยหลวงจะมองดูเขาเลื่อนตำแหน่งอย่างสบายๆ ได้หรือ และจะปล่อยให้เขาวางรากฐานในราชสำนักเพื่อสำนักอวิ๋นลู่ได้หรือ

การจากไปชิงโจวครั้งนี้อนาคตไม่แน่นอนจริงๆ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล

ทันใดนั้น สวี่ซินเหนียนก็อ้าแขน ใบหน้าอันหล่อเหลาเผยความไร้ที่ติและความสง่างามที่ราวกับหยกเนื้อดีออกมาท่ามกลางการสะท้อนของแสงอาทิตย์อันอบอุ่น

เขายกแขน มองตรงไปที่ฆราวาสจื่อหยาง และพูดสองวรรคสุดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง

“ทางข้างหน้าไม่กังวลไร้คนรู้ใจ”

“ในใต้หล้าไม่มีผู้ใดไม่รู้จักท่าน”

ทั้งในศาลาและนอกศาลาเงียบสนิททันที

ครู่หนึ่ง ทุกคนในที่นี้ก็ขนลุกไปทั้งร่าง

จูทุ่ยจือหันหน้าไปทีละนิดอย่างแข็งทื่อและมองสวี่ซินเหนียนที่ยืนหยัดอย่างภาคภูมิด้วยความตกตะลึง

“ทางข้างหน้าไม่กังวลไร้คนรู้ใจ ในใต้หล้าไม่มีผู้ใดไม่รู้จักท่าน” หลี่มู่ไป๋ปรบมือด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมมาก!”

สองวรรคแรกแสดงบรรยากาศที่เศร้าหมอง สองวรรคหลังพลิกสถานการณ์ไปในทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้คนรู้แจ้งในทันใด และมอบกำลังใจให้

จางเซิ่นมองไปที่สวี่ซินเหนียน ไม่พูดไม่จา

ฆราวาสจื่อหยางที่เชี่ยวชาญบทกวี เวลานี้ยังคงติดอยู่ในอารมณ์ศิลป์ของบทกวีแบบเจ็ดคำบทนี้ ใจของเขาสั่นไหว

“บทกวีดี บทกวีดีมาก…” เขาพึมพำออกมา

“เหตุใดจึงมีเพียงครึ่งบท” จางเซิ่นปรมาจารย์ด้านกลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหารเห็นว่านักเรียนของเขาไม่ได้ขับบทกวีต่อจึงอดเอ่ยปากถามไม่ได้

…มุมปากของสวี่ซินเหนียนกระตุก “บทกวีบทนี้มีเพียงครึ่งบทเท่านั้นขอรับ”

‘มีเพียงครึ่งบทหรือ!’

นักปราชญ์ที่อยู่ในที่นี้เบิกตากว้างทันที ยากที่จะยอมรับคำพูดดังกล่าว มีใครที่ไหนแต่งบทกวีเพียงครึ่งบทบ้าง นี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า

“ไม่เป็นไรๆ ครึ่งบทก็น่าตกใจมากแล้ว” ฆราวาสจื่อหยางสงบอารมณ์ลงและยิ้ม “สวี่ฉือจิ้ว บทกวีบทนี้มีชื่อหรือไม่”

“ไม่มีขอรับ”

สวี่ซินเหนียนยังคงหยิ่งผยอง เขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรจริงๆ มีเพียงรักษาท่าทีหยิ่งทะนงไว้เท่านั้นจึงจะทำให้ผู้คนไม่ถามอีก

“ไม่ต้องกังวลไปๆ” ฆราวาสจื่อหยางยิ้มกว้าง “บทกวีบทนี้แต่งขึ้นเพื่ออำลาข้าถูกหรือไม่”

สวี่ซินเหนียนพยักหน้า

“ข้าคิดแทนเจ้าจะดีกว่า”

หลี่มู่ไป๋ผู้เล่นระดับชาติกับจางเซิ่นปรมาจารย์ด้านกลยุทธ์และยุทธวิธีทางทหารเข้าใจเจตนาของเขาในทันทีจึงอิจฉาอยู่ในใจ

“เช่นนั้นชื่อว่า ‘ศาลาเหมียนหยางส่งหยางกงสู่ชิงโจว’ เป็นอย่างไร” ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เผยความคาดหวังออกมาทางดวงตา

“ไม่เลวขอรับ” สวี่ซินเหนียนแสดงท่าทีหยิ่งทะนงออกมาโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ตระหนักได้ว่ากิริยาท่าทางของตัวเองขาดความนอบน้อม จึงกล่าวเสริม “แล้วแต่ท่านเถิด”

“โจรเฒ่าไร้ยางอาย”

“ฮึ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง