ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 214

สรุปบท บทที่ 214-2 ซับซ้อนชวนสับสน: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปตอน บทที่ 214-2 ซับซ้อนชวนสับสน – จากเรื่อง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

ตอน บทที่ 214-2 ซับซ้อนชวนสับสน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 214-2 ซับซ้อนชวนสับสน

แต่นางก็สงสัยจริงๆ ว่าเจ้านี่อดนอนมานานเท่าไหร่แล้ว

หลี่เมี่ยวเจินรู้เรื่องสายการฝึกตนทหารไม่มาก ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งลงเขามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ไม่กี่ปี ไม่เคยพบเห็นทหารที่กำลังทะลวงระดับหลอมวิญญาณกับตา

แต่สำหรับคนที่มีประสบการณ์เปี่ยมล้นอย่างหยางชวนหนาน มองแค่แวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าสวี่ชีอันกำลังทะลวงระดับหลอมวิญญาณ นี่คือสายตาที่เหล่าอัจฉริยะพึงมี

“ถ้าจำไม่ผิด ขีดจำกัดการทะลวงระดับหลอมวิญญาณอยู่ที่สิบวันใช่หรือไม่”

“แม่ทัพหลี่คงไม่ค่อยรู้เรื่องของการฝึกยุทธ์สายทหารเท่าไหร่กระมัง”

“เหตุใดข้าต้องรู้ด้วย”

“ท่านคล้ายไม่เห็นสายทหารอยู่ในสายตาเท่าไหร่”

หลี่เมี่ยวเจินตอบกลับด้วยอารมณ์ขัน “ไม่ใช่ข้าคนเดียวนี่นา”

สวี่ชีอัน “…”

เขานึกถึงโหราจารย์ชุดขาวที่เย่อหยิ่งและปัญญาชนจากลัทธิขงจื๊อขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ พวกเขาล้วนแต่ไม่เห็นทหารอยู่ในสายตา กฎการดูถูกของคนในโลกนี้ก็คือ ‘ไม่มีใครเชื่อฟังใคร แต่ทุกคนล้วนพร้อมใจกันดูถูกทหาร’

ก่อนหน้านี้สวี่ชีอันรู้เพียงว่าการเลือกปฏิบัติที่น่าขยะแขยงที่สุดบนโลกก็คือ ‘กวาดล้างสื่อลามก’ แต่ตอนนี้ได้เพิ่มมาหนึ่งอย่างแล้ว นั่นก็คือ ‘ทหาร’

นอกจากโหราจารย์และทหาร สายการฝึกตนอื่นๆ ล้วนแต่มีตัวตนที่มีระดับสูงส่งเหนือสามัญทั้งนั้น หรือไม่ก็เคยมีตัวตนที่มีระดับสูงส่งมาก่อน แต่ประโยชน์ของโหรนั้นอยู่เหนือจากทหารมากนัก โหรจึงมักจะได้รับความสำคัญง่ายกว่า

ไม่รู้เมื่อไหร่สายการฝึกทหารจะสามารถให้กำเนิดเทพยุทธ์ได้

“ช่างทำให้คนโกรธจนตัวสั่นจริงๆ” สวี่ชีอันพูด

เมื่อกลับมายังจุดพักม้า ผู้ตรวจการจางและเจียงลวี่จงไม่อยู่ในห้องโถงแล้ว พวกเขาทิ้งให้กองทหารพยัคฆ์ทะยานนายหนึ่งคอยบอกสวี่ชีอันและหลี่เมี่ยวเจินว่าพวกเขาไปรออยู่ในห้อง

เมื่อเคาะประตูห้องผู้ตรวจการแล้ว สวี่ชีอันและหลี่เมี่ยวเจินก็เข้าไปในห้อง

“คนผู้นั้นที่แม่ทัพหลี่วาดออกมาก็คือเจ้าของร้านในตลาดมืดที่รักษาหลักฐานของโจวหมินเอาไว้ขอรับ ข้าไขรหัสลับที่โจวหมินทิ้งไว้แล้วคลำตามเบาะแสไปที่นั่น จึงได้รับสมุดบัญชีมา”

สวี่ชีอันเล่าเรื่องให้ผู้ตรวจการจางและเจียงลวี่จงฟัง

เมื่อฟังจบ สีหน้าของผู้ตรวจการจางก็เคร่งเครียด “เจ้าของร้านคนก่อนเป็นคนดูแลสมุดบัญชีตัวจริงใช่หรือไม่”

สวี่ชีอันพยักหน้ากล่าว “มีความเป็นไปได้หลายส่วน และถ้าหากเดาไม่ผิด คาดว่าเขาคงถูกเก็บแล้วแน่นอน เจ้าของร้านคนหลังที่ข้าได้พบนั้นเป็นเหลียงโหย่วผิงที่ปลอมตัวมาขอรับ”

เจียงลวี่จงลูบหนวดใต้คาง น้ำเสียงไม่เข้าใจ “เช่นนั้นพวกเขาตามหาตลาดมืดเจอได้อย่างไร”

“ยังจำคำพูดที่ข้าเคยบอกตอนวิเคราะห์คดีได้อยู่หรือไม่” สวี่ชีอันเลิกคิ้วขึ้น “พวกเราสืบได้ถึงร้านติงหมายเลขสิบห้า ก็เพราะเบาะแสที่อยู่กับหยางอิงอิง แต่เบาะแสนั้นไม่ได้มอบให้เรา มันมอบให้ใต้เท้าหยางที่เป็นสมุหเทศาภิบาลของชิงโจวต่างหาก ซึ่งหมายความว่าเบาะแสที่โจวหมินทิ้งไว้ให้พวกเรามีคนไขได้ก่อนแล้ว”

บนโลกนี้มีคนฉลาดอยู่เต็มไปหมด

หลี่เมี่ยวเจินส่ายหน้า “พวกเจ้าไม่รู้สึกประหลาดเลยหรือ ในเมื่อหาสมุดบัญชีพบก็แค่ทำลายมันไปตรงๆ ก็จบแล้ว เหตุใดต้องทิ้งไว้ให้พวกเจ้าหาพบแล้วมอบสมุดบัญชีนั้นให้พวกเจ้าด้วย”

เจียงลวี่จงตกใจ “สมุดบัญชีถูกขโมยไปหรือ เช่นนั้นที่พวกเราได้มาก็คือของปลอมหรอกหรือ”

“ไม่!” ผู้ตรวจการจางส่ายหน้า “ถ้าหากสมุดบัญชีเป็นของปลอม พรุ่งนี้ข้าก็ไปตรวจบัญชีที่กรมบัญชาการทหารได้ แล้วไม่นานก็คงพบช่องโหว่ แล้วเหตุใดพวกเขาต้องส่งสมุดบัญชีมาให้ด้วย”

จู่ๆ สวี่ชีอันก็โพล่งขึ้น “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าคิดไม่ออก”

“หืม?” หลี่เมี่ยวเจินหันไปมอง

“เหตุใดผู้ทำหน้าที่มอบสมุดบัญชีให้เราถึงต้องเป็นเหลียงโหย่วผิง” สวี่ชีอันกวาดสายตามองคนทั้งสาม “พวกท่านไม่รู้สึกว่าประหลาดเลยหรือ เหลียงโหย่วผิงเผยตัวออกมาแล้ว พอเราจับกุมหยางชวนหนานแล้วสอบปากคำเขา เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง เขาจะต้องสารภาพและจะต้องบอกเรื่องทั้งหมดที่รู้ออกมาแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอแค่เราเทียบกับภาพเหมือนของเหลียงโหย่วผิง…ก็เกิดการประชุมเช่นนี้ขึ้นได้แล้ว”

หลี่เมี่ยวเจินขมวดคิ้ว “เพราะมีเพียงเหลียงโหย่วผิงที่พบปัญหาที่อยู่ในสมุดบัญชีอย่างนั้นหรือ”

เจียงลวี่จงเหลือบมองนาง “พวกเขามีเวลาเหลือเฟือที่จะตามหาปัญหาที่ซ่อนอยู่ในสมุดบัญชี พอถึงเวลานั้นก็แค่เปลี่ยนคนก็พอ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เหลียงโหย่วผิงคอยอยู่ที่นั่นตลอดเลยสักนิด ถ้าหากไม่ใช่เพราะหนิงเยี่ยนได้เห็นภาพเหมือนของเขา เขาก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าเจ้าของร้านเนื้อสุนัขเป็นตัวปลอม

“ก็หมายความว่า ขอแค่คนผู้นั้นไม่ใช่เหลียงโหย่วผิง พวกเราก็คงไม่รู้เรื่องว่าเป็นเจ้าของร้านตัวปลอม เหมือนกับเขาเปิดเผยเบาะแสออกมาเอง”

และด้วยสายตาของพวกสวี่ชีอัน หากได้สัมผัสใกล้ชิดก็ย่อมมองออกได้ง่ายๆ ว่าปลอมตัวมา

จูกว่างเสี้ยวตื่นขึ้นจากนิทราเพราะรู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะขยายตัว จึงลุกไปเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก

เมื่อออกจากห้องและเดินไปตามทางเดิน จู่ๆ เขาก็มองเห็นสตรีในชุดกระโปรงสีขาวกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องโถง

นางมีเส้นผมดำขลับเงางาม จากมุมนี้ จูกว่างเสี้ยวมองเห็นเพียงใบหน้าด้านข้างของสตรีชุดขาวเท่านั้น แค่ใบหน้าด้านข้างก็พบว่าอีกฝ่ายงดงามเหมือนกับเทพธิดาเดินดิน ช่างทำให้ผู้คนจิตใจสั่นไหวนัก

‘มะ แม่นางซูซู…ไม่สิ เป็นปีศาจสาว!’

สองตาของจูกว่างเสี้ยวแทบจะถลนออกมา

…………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง