บทที่ 215 ห้วงฝัน
เมื่อเห็นสตรีผู้นี้ จูกว่างเสี้ยวก็โกรธจนตัวสั่นสะท้าน ทั่วกายหลั่งเหงื่อเย็น มือเท้าชาดิกราวอยู่ในช่วงฤดูหนาว โลกใบนี้ช่างโหดร้ายนัก กลับบีบคั้นชายหนุ่มไปเสียทุกหนแห่ง
‘นางล้อเล่นกับความรู้สึกข้า แล้วทำลายศักดิ์ศรีของข้า ตอนนี้ยังมาลอยหน้าลอยตาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าข้าอีก’…น้ำตาเขาไหลลงมาด้วยความผิดหวัง
จูกว่างเสี้ยวข่มกลั้นความอยากพุ่งเข้าไปซัดซักหมัด พลางกลั้นปัสสาวะแล้วหันกลับไปเคาะประตูห้องของซ่งถิงเฟิง
ซ่งถิงเฟิงสวมเสื้อคลุมคล้ายเพิ่งตื่นนอน เขาเปิดประตูแล้วกล่าวอย่างโมโห “มีอะไรถึงได้มาเคาะห้องดึกดื่นเช่นนี้”
“เจ้ามานี่ ชู่…เบาเสียงหน่อย…”
สีหน้าของจูกว่างเสี้ยวไม่ค่อยดีนัก เขาลากซ่งถิงเฟิงแล้วพากันเดินย่องออกมา เมื่อมาถึงทางเดิน เขาก็ชี้ลงไปที่โถงใหญ่ชั้นล่างพลางเอ่ยว่า “ดูนั่น!”
เมื่อซ่งถิงเฟิงเห็น เขาก็โมโหจนตัวสั่นเทา มือเท้าเย็นเฉียบ น้ำตาไหลลงมาเพราะความผิดหวัง…
ดวงตาข้างสองของนักเลงหนุ่มแดงก่ำ จิตใจราวกับจะระเบิดให้ได้ ซ่งถิงเฟิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นางยังมีหน้ามาจุดพักม้าอีก เห็นพวกเราหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลหัวอ่อนหรืออย่างไร”
จูกว่างเสี้ยวเอ่ยเสียงขรึม “จะทำอย่างไรดี”
เรื่องนี้ไม่อาจแพร่งพราย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้ถูกตอกอยู่บนเสาแห่งความอับอายแล้วไม่อาจฟื้นตัวกลับมาได้ตลอดไปแน่ๆ หากเป็นเช่นนั้น ต่อไปจะมีชีวิตอยู่ในหน่วยงานได้อย่างไร
“ง่ายๆ เราเก็บนางเข้าตำหนักเย็น จากนั้นถ้าไม่ทำก็ไม่ทำ แต่ถ้าทำก็อย่าหยุด” ซ่งถิงเฟิงทำท่ามือตัดฉับ
“ไม่ได้”
จูกว่างเสี้ยวเงียบขรึมไม่โกหก แต่เขาไม่ได้โง่ จึงเอ่ยวิเคราะห์ “ในเมื่อนางมาที่นี่ ก็แปลว่าแม่ทัพรับจ้างผู้นั้นก็ต้องมาด้วย เราจะลงมือไม่ได้ หากลงมือแล้วโดนจับได้ขึ้นมาจะถูกใต้เท้าผู้ตรวจการถามหาความผิด”
“แล้วจะทำอย่างไร”
“ข้าแนะนำให้ไปปรึกษากับหนิงเยี่ยน”
ทั้งคู่มองสบตา ล้วนรู้สึกว่ามีแต่ต้องไปหาเจ้าคนชั่วช้าผู้นั้นแล้ว
ในตอนนี้เอง ซูซูที่อยู่ชั้นล่างก็สัมผัสได้ จึงเงยหน้าขึ้นมา หลังจากเห็นคนทั้งสอง ใบหน้าก็แต้มรอยยิ้มหวานหยดทันที
“อ้าว พวกเจ้านั่นเอง”
สีหน้าของซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยวแข็งค้าง
…
“มาเดาสุ่มตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ข้าเสนอให้พรุ่งนี้ไปตรวจบัญชีที่กองบัญชาการทหารเพื่อยืนยันว่าสมุดบัญชีเป็นของจริงหรือของปลอม จากนั้นออกประกาศจับเหลียงโหย่วผิงทั่วทั้งมณฑล”
ผู้ตรวจการจางเสนอความเห็น
สวี่ชีอันเหลือบมองทหารหญิงคนงามผู้มีใบหน้ารูปเมล็ดแตง ในใจก็เคร่งเครียดขึ้นมา เพราะถึงแม้จะมีเส้นสายและสายสัมพันธ์จากหลี่เมี่ยวเจิน แต่ก็ยังควานหาตัวเหลียงโหย่วผิงออกมาไม่ได้ นี่หมายความว่าอีกฝ่ายต้องมีคนหนุนหลัง
การออกประกาศจับทั่วทั้งมณฑลก็อาจจะพึ่งไม่ได้
กุญแจสำคัญของคดีนี้อยู่ที่เหลียงโหย่วผิง
“เป็นความคิดที่ดี!” เจียงลวี่จงกลับไม่สนใจ เขาสนับสนุนความเห็นของผู้ตรวจการจางเต็มที่แล้วลูบคางกล่าวว่า
“หากจับเหลียงโหย่วผิงไม่ได้ เราก็ต้องรายงานผู้บัญชาการหยางชวนหนานไป”
รอบนี้หลี่เมี่ยวเจินเป็นฝ่ายโกรธจนตัวสั่นแทน
นั่นหมายความว่า หากคิดจะให้หยางชวนหนานเป็นแพะรับบาป เช่นนั้นก็รนหาที่ตายแล้ว ผู้ตรวจการจางก็ดี เจียงลวี่จงก็ช่าง ล้วนแต่เป็นขยะของวงราชการทั้งนั้น
คนที่คลุกคลีอยู่ในท้องพระโรงล้วนมีความทะเยอทะยาน แต่ถ้าบอกว่าในดวงตาของพวกเขาไม่มีทรายปนแม้แต่เม็ดเดียวและเป็นผู้เปี่ยมด้วยความยุติธรรม เช่นนั้นก็ออกจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
คนที่มีความยุติธรรมเต็มหัวจะรุ่งโรจน์ในราชสำนักได้หรือ
คำตอบคือไม่ได้
ผู้ตรวจการจางจะลองสืบหาคนร้ายตัวจริงแล้วเป็นผู้ทวงความยุติธรรมก็ได้ แต่เขาก็ไม่รีรอที่จะผลักหยางชวนหนานออกไปเพื่อเร่งปิดคดีและรับความดีความชอบ
หยางชวนหนานก็ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ อย่างแรกคือเขาหนีไม่พ้นความผิดที่ขาดการกำกับตรวจสอบแน่ๆ อย่างที่สองคือตัวเขาเองเป็นคนของพรรคฉี ตอนนี้พรรคฉีสิ้นอำนาจ และกฎของวงราชการก็คือ ‘ไล่ออก!’
“ฆ้องทองคำเจียง บุ่มบ่ามเกินไปแล้ว” สวี่ชีอันพยายามเบิกตาโตเหมือนตุ๊กตาเพื่อต้านอาการง่วงงุนแล้วเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง
“เหตุใดโจวหมินจึงถูกสังหาร ใครกันที่อยู่เบื้องหลังและกำลังใส่ร้ายหยางชวนหนาน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความบิดเบี้ยวทางมนุษยธรรมหรือว่าศีลธรรมสูญสิ้นกันแน่ พวกเราที่แบกรับคำสั่งขององค์จักรพรรดิก็สมควรจะทุ่มเทสุดกายใจ ให้ความยุติธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ แล้วคืนอนาคตอันสดใสให้แก่แวดวงราชการของอวิ๋นโจวสิขอรับ”
เจียงลวี่จงและผู้ตรวจการจางมองเขาอย่างแปลกใจ ‘เจ้านี่ไม่ได้เป็นพวกชอบพูดพล่อยๆ ให้ดูสวยหรูไปอย่างนั้นหรอกหรือ’
“พูดได้ดี!” หลี่เมี่ยวเจินตบโต๊ะชมเปาะ นางเงยหน้าสวยแบบเมล็ดแตงขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย แววตาที่มองสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความยอมรับและความแน่วแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง