บทที่ 216 หมายเลขสอง เจ้าทำได้ดีมาก
ฝันแบบเดียวกัน บังเอิญหรือ
สวี่ชีอันคิดถึงสำนักพ่อมด
สำนักพ่อมดมีความสามารถในการเข้าสู่ความฝันจึงแทรกซึมเข้าไปในความฝันของจูกว่างเสี้ยวกับซ่งถิงเฟิง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
นี่เป็นการสันนิษฐานที่เรียบง่ายมาก
สิ่งที่สวี่ชีอันคิดไม่ตกคือ เหตุใดคนของสำนักพ่อมดต้องซักถามที่อยู่ของเหลียงโหย่วผิงในความฝัน
เหลียงโหย่วผิงเป็นคนของพรรคฉีไม่ใช่หรือ พรรคฉีสมรู้ร่วมคิดกับสำนักพ่อมดไม่ใช่หรือ พวกเขาไม่ควรเกาะกลุ่มกันสิ
“เจ้าเป็นอะไรไป”
ซ่งถิงเฟิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเพื่อนร่วมงานผิดปกติจึงถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“เค้กพันชั้น[1]…” สวี่ชีอันพึมพำ
“เจ้าหมายถึงอะไร เจ้าอยากกินเค้กหรือ” จูกว่างเสี้ยวรอคำตอบของเขา หากสวี่หนิงเยี่ยนตอบว่าใช่ เขาก็จะไปสั่งให้ทหารประจำจุดพักม้าเตรียมอาหารมื้อดึก
สวี่ชีอันไม่ได้ตอบ แต่ออกจากห้องไปและเคาะประตูห้องของฆ้องเงินห้องข้างๆ
“ฆ้องเงินจ้าว เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือไม่” สวี่ชีอันถาม
ฆ้องเงินสกุลจ้าวมองพินิจเขาอย่างไม่พอใจและตอบว่า “หากเจ้าไม่รบกวนข้าก็คงดีมาก”
“เจ้าฝันหรือ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฆ้องเงินจ้าวตกตะลึง
สวี่ชีอันทำหน้าเคร่งขรึมทันทีและซักไซ้อย่างเร่งเร้า “เจ้าฝันว่าอะไร”
“ข้าฝันถึงเหล่าแม่นางน้อยในสำนักสังคีต เฮ้อ ข้าก็มาที่อวิ๋นโจวนานมากแล้ว แม้แต่มือของสตรีข้าก็ยังไม่ได้แตะ ช่างยากเข็ญนัก…”
“ขอโทษที่รบกวน ข้าขอตัว!”
เขาไปเคาะประตูห้องของฆ้องทองแดงกับกองทหารพยัคฆ์ทะยานอีกครั้ง ดึงคนออกมาสิบกว่าคนและพบว่าพวกเขาไม่ได้ฝัน ทั้งจุดพักเปลี่ยนม้า คนที่ถูกสอบปากคำในความฝันมีเพียงจูกว่างเสี้ยวกับซ่งถิงเฟิงสองคนเท่านั้น
น่าสงสารจริงๆ ไม่เพียงได้รับภาวะ PTSD จากซูซูเท่านั้น แต่ยังถูก ‘กักขังเพื่อสอบปากคำในห้องมืด’ ในความฝันอีก
เรื่องเลวร้ายล้วนเกิดขึ้นกับพวกเขาสองคน…สายตาที่สวี่ชีอันมองเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนเต็มไปด้วยความสงสารอีกครั้ง
“สายตาของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดมาก หากยังมองข้าเช่นนี้ พวกเราคงเป็นพี่น้องกันไม่ได้” ซ่งถิงเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“เดิมทีพวกเราก็เป็นพ่อลูกกัน”
เมื่อสวี่ชีอันพูดจบ เขาก็เห็นซ่งถิงเฟิงยกเก้าอี้มาจะทุบเขา เขาจึงรีบขอโทษทันที “ข้าผิดไปแล้วๆ เจ้าออกไปก่อน ข้าต้องการความเงียบ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” จูกว่างเสี้ยวถาม
“ขอข้าเค้นความคิดก่อน” สวี่ชีอันโบกมือ
มีเพียงจูกว่างเสี้ยวกับซ่งถิงเฟิงเท่านั้นที่ถูกสอบปากคำในความฝัน และคำถามยังเป็นที่อยู่ของเหลียงโหย่วผิงอีก…เห็นได้ชัดว่า สาเหตุคือพวกเราเคยไปที่ตลาดมืดและได้รับสมุดบัญชีมาจากเหลียงโหย่วผิง…ส่วนเพราะเหตุใดข้าจึงไม่ถูกสอบปากคำ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมาก ข้ากำลังฝึกตนเพื่อเป็นเซียน! ไม่ได้การล่ะ สมองอ่อนล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ข้าไม่อาจต่อกรกับทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวได้ ข้าคงต้องดึงผู้ตรวจการจางกับเจียงลวี่จงมาปวดหัวด้วยกัน…สวี่ชีอันออกไปตามหาผู้ตรวจการจางทันที
เมื่อเดินผ่านห้องที่คุมขังหยางชวนหนาน หลี่เมี่ยวเจินก็บังเอิญออกมาพร้อมกับเจียงลวี่จง โดยมีผีสาวแสนสวยซูซูตามอยู่ข้างหลัง
เมื่อสักครู่นาง ‘ไปเยี่ยม’ หยางชวนหนานมา
“แม่ทัพหลี่จะไปแล้วหรือ” สวี่ชีอันเดินเข้าไป
หลี่เมี่ยวเจินพยักหน้า แม้ว่าคดีจะซับซ้อน แต่ผู้ตรวจการก็รับปากว่าจะพยายามสืบหาความจริงอย่างเต็มที่ หยางชวนหนานจึงยังมีโอกาสรอด
นางมาที่จุดพักเปลี่ยนม้าครั้งนี้ก็เพื่อหาโอกาสรอดนี้และไม่เสียแรงที่ได้ผูกมิตรกับหยางชวนหนาน
รวมถึงการที่ให้กองทัพนางแอ่นเหินเข้าไปในเมืองก็เป็นการกดดันเช่นกัน ในฐานะเบี้ยต่อรอง ไม่ใช่ต้องดับดิ้นไปพร้อมกันจริงๆ
“อา เกรงว่าเจ้าคงไปไม่ได้แล้ว!” สวี่ชีอันกล่าว
หลี่เมี่ยวเจินชะงักและหรี่ตามองพินิจเขา
ซูซูกรีดร้องออกมาและตะโกนว่า “นายท่าน เจ้าเด็กนี่จะขัดขวางท่าน ซูซูจะช่วยท่านอัดเขาเสีย”
เมื่อพูดจบ นางก็กำลังจะพ่น ‘น้ำเกลืออัดลม’ ใส่สวี่ชีอัน แต่ยังไม่ทันพ่นปราณหยินออกมา นางก็ถูกหลี่เมี่ยวเจินห้ามไว้
“เจ้าเพียงอยากฉวยโอกาสแก้แค้นเท่านั้น” หลี่เมี่ยวเจินเหลือบมองนางและหันไปถาม “มีเรื่องอันใดหรือ”
“อย่าเพิ่งรีบไป ครึ่งหลังเริ่มขึ้นแล้ว ข้าเพิ่งได้รับเบาะแสใหม่มา” สวี่ชีอันบีบนวดหว่างคิ้ว
เจียงลวี่จงเลิกคิ้วและถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าคิดอะไรออกหรือ”
ทั้งสามคนเข้าไปในห้องของผู้ตรวจการจางด้วยกัน ผู้ตรวจการจางอายุเกือบจะห้าสิบแล้ว ซึ่งถือเป็นกระดูกแก่ แต่เพราะการมีอยู่ของโหรแห่งสำนักโหราจารย์ อายุขัยของชนชั้นทหารในโลกนี้จึงค่อนข้างสูง พวกเขาอาจจะเพลิดเพลินกับโรคระยะยาวอย่างโรคมะเร็งได้อย่างมีความสุขเหมือนกับสวี่ชีอันในชาติก่อน
ผู้ตรวจการจางกำลังจะเตรียมเข้านอน แต่ต้องลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้าอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
จากนั้นจึงสั่งให้ผู้ติดตามเปิดประตู
“ดึกมากแล้ว พวกเจ้ามีเรื่องอันใดค่อยคุยกันพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ” ผู้ตรวจการจางบีบนวดหว่างคิ้ว “ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชาเหมือนทหารอย่างพวกเจ้า”
หลี่เมี่ยวเจินโต้กลับโดยไม่รู้ตัว “ข้าก็ไม่ใช่ทหารเสียหน่อย”
สวี่ชีอันกับเจียงลวี่จงเหล่ตามองนางอย่าง ‘เย็นชา’
ผู้ตรวจการจางโบกมือและกล่าวอย่างเหลืออด “มีอะไรจะพูดก็พูดมา พูดจบก็ไสหัวไป”
ปัญญาชนพิถีพิถันเรื่องการรักษาสุขภาพมาก พฤติกรรมอย่างการนอนดึกเป็นการทำลายชีวิต
หลี่เมี่ยวเจินกับเจียงลวี่จงมองไปทางสวี่ชีอันพร้อมกัน
โธ่ เจ้าเด็กคนนี้อีกแล้ว…ผู้ตรวจการจางมองสวี่ชีอันอย่างจนปัญญา
“มีเรื่องที่ข้ารู้สึกว่าข้าควรจะบอกให้ทั้งสามคนรู้”
สวี่ชีอันที่ถูกทั้งสามคนจ้องมองเปิดปากอย่างช้าๆ และเล่าเรื่องที่ซ่งถิงเฟิงกับจูกว่างเสี้ยวถูกสอบปากคำในความฝันออกมา
“ใช่ มันเป็นวิธีของสำนักพ่อมด” เจียงลวี่จงให้คำตอบยืนยัน
หลี่เมี่ยวเจินพยักหน้าตาม จากนั้นก็มองสวี่ชีอัน “สาเหตุที่เจ้าไม่ถูกสอบปากคำเพราะเจ้าทะลวงระดับหลอมวิญญาณและไม่ได้นอนงั้นหรือ”
“ขอรับ”
“สำนักพ่อมดก็กำลังตามหาเหลียงโหย่วผิงเหมือนกันอย่างนั้นหรือ” ผู้ตรวจการจางพยายามแยกย่อยข่าวนี้และรู้สึกงุนงงเล็กน้อยไปชั่วขณะ “เหลียงโหย่วผิงไม่ใช่คนของพรรคฉีหรอกรึ”
พรรคฉีกับสำนักพ่อมดเป็นพันธมิตรกัน
หลี่เมี่ยวเจินมองไปทางแสงเทียนที่เล็กราวกับเม็ดถั่วบนเชิงเทียนและตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเราคาดเดาผิด เหลียงโหย่วผิงอาจจะไม่ใช่คนของพรรคฉี และที่ให้สมุดบัญชีกับพวกเราก็ไม่ใช่เพื่อใส่ร้ายใต้เท้าหยาง”
เจียงลวี่จงรู้สึกปวดหัว หากเป็นเช่นนี้จริง คดีก็ซับซ้อนเกินไปแล้ว
“ข้อมูลที่เหลียงโหย่วผิงอยู่พรรคฉี เจ้าเป็นคนบอกพวกเรา ไม่ใช่พวกเราเดา” สวี่ชีอันมองนางและเอ่ยขึ้นอีก
“ยิ่งไปกว่านั้น หากเหลียงโหย่วผิงไม่ใช่คนของพรรคฉี ตรรกะมากมายก็ไม่สมเหตุสมผล ข้าเอียงไปทางเขาเป็นคนของพรรคฉีและการอนุมานของพวกเราก่อนหน้านี้ก็ไม่มีปัญหา”
“เช่นนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องที่สำนักพ่อมดตามหาเขาว่าอย่างไร ” หลี่เมี่ยวเจินขมวดคิ้ว
สติปัญญาของหญิงสาวผู้นี้อยู่ในระดับคนธรรมดา…แม้ว่าจะไม่โง่แต่ก็ไม่ถือว่าฉลาดนัก…หากฮว๋ายชิ่งอยู่ที่นี่ก็คงดี แรงกดดันของข้าคงบรรเทาลงไปมาก…หมายเลขสี่ก็ได้ หมายเลขสี่ก็เป็นคนที่เชื่อมโยงเก่งมากคนหนึ่ง…
ทั้งสี่คนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีผลลัพธ์ใหม่เลยในขณะนี้ ผู้ตรวจการจางเหนื่อยล้านิดหน่อย พรุ่งนี้เขาต้องไปกองบัญชาการทหารจึงไม่ควรนอนดึก เจียงลวี่จงกับหลี่เมี่ยวเจินไม่เชี่ยวชาญการอนุมาน สมองของสวี่ชีอันก็กำลังจะแตก
พวกเขาทำได้เพียงยอมแพ้ชั่วคราวแล้วค่อยหารือกันวันอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง