ไฟโทสะลุกโชนขึ้นในใจของสวี่ชีอัน ชั่วขณะที่กีบเท้าม้ายกขึ้น เขาก็หยิบเหรียญทองแดงพวงนั้นออกมาจากอกเสื้อ แล้วขว้างออกไปเต็มแรง ขณะเดียวกัน อิฐเขียวใต้ฝ่าเท้าก็แตกร้าว เงาร่างของเขาพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า
เหรียญทองแดงเจ็ดสิบสองเหรียญส่งเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ สาดกระจายไปที่ศีรษะของคุณชายในชุดผ้าทอ
คุณชายผู้นั้นไม่ได้ตอบสนองต่อการโจมตีที่พุ่งเข้ามาหา สีหน้าสนุกสนานราวกับเหยียบย่ำมดปลวกยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา
กลับเป็นเด็กรับใช้คนหนึ่งที่ตอบสนองแทน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสียกใหญ่ โถมตัวพุ่งไปหาคุณชายแล้วผลักเขาตกลงจากหลังม้า ทั้งสองล้มลงมาเกลือกกลิ้งด้วยสภาพดูไม่ได้
‘ฟึ่บๆๆ…’ เหรียญทองแดงส่วนหนึ่งพุ่งไปยังความว่างเปล่า อีกส่วนฝังเข้าไปที่หลังม้าจนเลือดสาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าของสวี่หลิงอิน
‘ตุบ!’
ขณะเดียวกัน สวี่ชีอันก็มาถึง เขาเอนตัวใช้ไหล่กระแทกม้าจนกระเด็น
ม้าพันธุ์ดีสูงใหญ่ถูกกระแทกไปไกลหลายเมตรพร้อมริ้วสีแดงบาดตาเส้นหนึ่งสาดไปบนถนนปูหินสีเขียว
พวกชาวบ้านกระจัดกระจายอย่างรีบร้อน ต่างพากันไปหลบอยู่ที่ไกลๆ เพื่อชมดูเรื่องตื่นเต้น
สวี่ชีอันกอดเสี่ยวโต้วติงเอาไว้ในอกแน่นทันที สังเกตสีหน้าของนางไปพลางเอ่ยปลอบไปพลาง “ไม่ต้องกลัวๆ พี่ใหญ่อยู่นี่แล้ว”
เสี่ยวโต้วติงเบะปาก ในที่สุดเมื่อนางคลายอาการตกใจจึงร้องไห้จ้าเสียงดังลั่น
พวกเด็กรับใช้ที่ล้อมรอบสวี่หลิงเยวี่ยไม่ได้สนใจนางอีก แต่พุ่งไปยังคุณชายชุดผ้าทอแทน
สวี่ชีอันถือโอกาสนี้ส่งเด็กสาวไปให้สวี่หลิงเยวี่ยที่ใบหน้างดงามซีดเผือดพร้อมเอ่ยเสียงเบา “พานางไปที่ว่าการอำเภอฉางเล่อ ตีกลองร้องทุกข์ บอกว่าข้าเป็นคนบอกให้เจ้าไป แล้วให้หัวหน้ามือปราบหวังส่งคนไปเชิญอารองที่บ้านของนายกองจูแห่งกองดาบ อยู่ที่ถนนหวงหลิน ไปเร็ว!”
สวี่หลิงเยวี่ยมองสบตาสวี่ชีอันอย่างล้ำลึกแล้วอุ้มเสี่ยวโต้วติงวิ่งหนีไป
“เจ้าบังอาจฆ่าม้าของข้า” คุณชายชุดผ้าทอแสยะยิ้มและสะบัดตัวหลุดจากคนรับใช้ เขาโบกมือสั่งให้คนรับใช้ล้อมสวี่ชีอันไว้
ข้าอยากจะฆ่าเจ้ามากกว่า…
นั่นคือม้าย่ำหิมะมังกรดำที่หนึ่งพันทองก็ยังซื้อไม่ได้ ในกองทัพมันเป็นม้าที่มีเพียงระดับรองนายพลขึ้นไปเท่านั้นถึงจะขี่ได้
อารองสวี่มาจากกองทัพ สวี่ชีอันจึงได้เห็นได้ฟังบ่อยๆ แค่ชำเลืองมองก็ระบุคุณภาพของม้าตัวนี้ได้แล้ว ในยุคปัจจุบัน มันเทียบเท่ากับรถแลมโบร์กินีคันหนึ่งเลย
สามารถขับรถแลมโบร์กินีได้ก็ต้องเป็นทายาทบุคคลระดับสูง ทั้งยังต้องเป็นทายาทขุนนาง เพราะยุคนี้ทายาทเศรษฐีไม่มีค่าไม่มีสถานะ
นอกจากม้าย่ำหิมะมังกรดำแล้ว ยังมีชุดปักลวดลายสีฟ้าครามเหลือบม่วงอันวิจิตร ที่เอวมีเข็มขัดหยกขาวแกะสลักลายมังกรไร้เขา ห้อยถุงผ้าและเครื่องประดับหยกเสียงกรุ๊งกริ๊งเต็มไปหมด…รายละเอียดเหล่านี้ล้วนแสดงสถานะของคุณชายผู้สูงศักดิ์ออกมา
ทายาทบุคคลระดับสูง
“ข้าน้อยสวี่ชีอัน หลานชายของนายกองสวี่ผิงจื้อแห่งกองดาบ สองคนเมื่อครู่คือน้องสาวของข้า ไม่ทราบว่าทำสิ่งใดให้คุณชายขุ่นเคืองหรือ” สวี่ชีอันประสานมือ สะกดกลั้นความโกรธแล้วพูดจาเป็นมิตร
“เพื่อช่วยน้องสาว ข้าจึงได้สังหารม้าตัวโปรดของคุณชาย จะต้องชดเชยให้อย่างแน่นอนขอรับ”
ต้นเหตุของความขัดแย้งนี้ สวี่ชีอันใช้นิ้วเท้าคิดก็เข้าใจได้ว่าจะต้องเป็นเพราะคุณชายคนนี้เห็นสวี่หลิงเยวี่ยงดงามโดดเด่นจึงมีใจคิดเกี้ยวพา ถึงขั้นคิดจะลักพาตัวไปด้วยซ้ำ
อยู่ในที่ว่าการปกครองมาหนึ่งเดือน สวี่ชีอันจึงได้ยินเรื่องนิสัยและพฤติกรรมของคุณชายพวกนี้อยู่บ่อยๆ ทั้งยโสโอหังวางโตไม่เกรงกลัวผู้ใด
เรื่องฉุดคร่าผู้หญิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรื่องฆ่าคนเป็นผักปลาก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
จะจัดการเก็บกวาดก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ข่มขู่แล้วหลอกล่อด้วยผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ยินยอมหรือ ไม่เป็นไร เพียงแต่ทั้งครอบครัวก็อย่าคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อเลย
ยิ่งผู้อาวุโสในบ้านมีตำแหน่งสูงก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ คิดว่าราชสำนักจะปลดขุนนางระดับสูงออกเพราะความเป็นความตายของประชาชนไม่กี่คนหรืออย่างไร
ในสายตาของราชการ แต่เดิมการข่มเหงรังแกชาวบ้านก็ไม่ใช่การก่อเรื่องอยู่แล้ว
ผู้ที่สามารถเอาชนะทายาทขุนนางได้ก็มีเพียงทายาทขุนนางด้วยกันเท่านั้น
สวี่ชีอันก็พอจะนับว่าเป็นทายาทขุนนาง สวี่ผิงจื้อเป็นขุนนางระดับเจ็ดชุดเขียว ดีร้ายก็เป็นขุนนางคนหนึ่ง ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา
ทายาทขุนนางรังแกประชาชนตามอำเภอใจ แต่จะพะว้าพะวังกับผู้ที่กินเงินเดือนราชสำนักแบบเดียวกัน
เพราะสายน้ำในเมืองจิงจ้าวนั้นล้ำลึก!
พอคุณชายได้ฟังแล้วก็ชะงักไป ก่อนจะเอ่ยถาม “สวี่ผิงจื้อ ที่ทำเงินภาษีหายน่ะหรือ”
“ขอรับ!” สวี่ชีอันถอนหายใจโล่งอก
สีหน้าของคุณชายเหน็ดหน่าย เขาเอ่ยด้วยความเย็นชา “ทำให้มันพิการ แต่อย่าให้ถึงตาย”
โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย…สวี่ชีอันเกือบจะพ่นคำหยาบออกไปแล้ว
พวกคนรับใช้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ฝีมือไม่อ่อนด้อย แต่ละคนดึงกริชออกมาจากกระเป๋า
ในเมืองหลวง หากไม่มีตำแหน่งราชการห้ามพกดาบ หากไม่สวมเครื่องแบบราชการห้ามพกดาบ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกโบยแปดสิบครั้ง ปรับหนึ่งร้อยตำลึง
ถ้ามารวมกลุ่มกวัดแกว่งดาบจะถูกประหารทันที
แต่กริชไม่อยู่ในกฎข้อนี้ คนกลุ่มนี้นับว่าอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายแล้ว
คนรับใช้ทั้งห้าไม่เพียงแต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น แต่ยังเคยเรียนรู้ทักษะการต่อสู้แบบประสาน จึงทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น
คนรับใช้จะขว้างหนูก็กลัวกระทบสิ่งอื่น[1] สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ
“ดี ดีมากๆ…” คุณชายชุดผ้าทองเงยหน้าขึ้น สีหน้าอาฆาตแค้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด”
‘ตุบ!’
สวี่ชีอันเหยียบหน้าเขาลงบนกองอ้วก ฝ่าเท้าลงแรงอย่างเงียบๆ แต่เจ็บจนคุณชายชุดผ้าทอกรีดร้องราวกับถูกกระชากหัวใจออกมา
“เช่นนั้นข้าจะสอนบทเรียนอย่างหนึ่งให้คุณชาย” สีหน้าของสวี่ชีอันอึมครึม “คนธรรมดาก็โกรธเป็น และเมื่อคนธรรมดาโกรธขึ้นมา เลือดก็จะสาดกระเซ็นไปทั่ว”
ทั้งสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่พักหนึ่ง กลุ่มมือปราบสวมเครื่องแบบสีนิลติดอาวุธก็พาเจ้าหน้าที่สิบกว่าคนวิ่งมา
ผู้ที่นำหน้าก็คือหัวหน้ามือปราบหวัง
น้องเล็กถูกคนทุบตี เดิมทีหัวหน้ามือปราบหวังก็โกรธมากอยู่แล้ว พอเห็นชุดผ้าทอของคุณชาย สีหน้าของเขาก็แข็งกระด้าง ประกายตาส่องวาบ ก่อนกลับมาโมโหอีกครั้ง
“ผู้ใดอาจหาญนัก กล้ามาวิวาทกันบนท้องถนนในเขตปกครองของอำเภอฉางเล่อ”
เมื่อเห็นเหล่าสหายร่วมงานดึงอาวุธออกมาล้อมพวกคนรับใช้ไว้ สวี่ชีอันจึงปล่อยตัวคุณชายชุดผ้าทอ
คุณชายชุดผ้าทอชี้มือด้วยความโกรธเกรี้ยว “จับมันให้ข้า ข้าจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ”
หัวหน้ามือปราบหวังทำเป็นไม่ได้ยิน พูดไปด่าไป “พวกสารเลว เอาตัวมันไปทั้งหมด”
เขาไม่สนใจว่าคุณชายชุดผ้าทอจะแสดงสถานะอย่างไร เขายังคงมีท่าทางหยาบๆ ประมาณว่า ‘ตัวข้าไร้อารยะ รู้จักเพียงท่องไปทั่วหล้า’
อาจเป็นเพราะรู้สึกว่ามือปราบผู้นี้ไม่มีความรู้และสมอง คุณชายชุดผ้าทอจึงเลิกโวยวายแล้วเดินไปยังสำนักงานราชการอำเภอฉางเล่อภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ทางการ
หัวหน้ามือปราบหวังชะลอฝีเท้าไม่กี่ก้าวมาอยู่ข้างตัวสวี่ชีอัน “น้องชาย เจ้าเจอตอเข้าแล้ว ฐานะของไอ้ลูกเต่านั่นไม่ธรรมดาเลย เจ้าคิดดีหรือยังว่าจะจัดการอย่างไร”
พลังสายตาของเหล่าหวังโหดร้ายมาก
ข้าหลิวเจี้ยนหมิง[2]ไม่มีทางเลือก…สวี่ชีอันเอ่ยเสียงเบา “บอกอารองของข้าแล้วหรือยัง”
เดินไปพลางพูดไปพลาง ไม่นานก็มาถึงที่ว่าการอำเภอแล้ว
……………………………………….
[1] จะขว้างหนูก็กลัวกระทบสิ่งอื่น อุปมาหมายถึง กระทำการเด็ดขาดไม่ได้เพราะกลัวโดนพวกพ้องตัวเอง
[2] หลิวเจี้ยนหมิง คือ ชื่อตัวละครจากภาพยนตร์เรื่องสองคนสองคม เข้าร่วมสังคมมืดในช่วงวัยกลางคน และได้เป็นสายของตำรวจ คำพูดประจำตัวคือ ‘ฉันแค่อยากจะเป็นคนดี’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...