ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 223

บทที่ 223 การกระทำด้วยความจนใจของสวี่ชีอัน

คนที่ตายอย่างไม่น่าเป็นไปได้คือสมุหเทศาภิบาลซ่ง เพราะเขามีเวลามากพอที่จะหลบหนี และไม่มีเหตุผลที่จะต้องนั่งรอความตายอยู่ที่บ้าน

เป็นไปได้น้อยมากที่พ่อมดจะฆ่าปิดปาก เพราะยังไม่ถึงขั้นที่จำเป็นจะต้องปิดปาก และมีเวลามากพอที่จะถอนตัว ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำอะไรสุดขั้วเช่นนี้เลย

ถ้าเช่นนั้นเหตุใดจึงต้องแสร้งสร้างสถานการณ์ว่าฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด

สวี่ชีอันคาดเดาได้สองประการ ประการแรก สมุหเทศาภิบาลซ่งก็เป็นแพะรับบาปคนหนึ่งเช่นกัน การฆ่าเขาเพื่อปิดปาก ก็เท่ากับการตัดเบาะแสทิ้ง ในเวลาเดียวกันก็สร้างสถานการณ์ว่าฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดเพื่อทำให้ผู้ตรวจการจางเกิดความสับสน

ประการที่สอง สมุหเทศาภิบาลซ่งกำลังถ่วงเวลา

ตอนที่หารือเรื่องรายละเอียดของคดีก่อนหน้านี้ สวี่ชีอัน ผู้ตรวจการจาง และคนอื่นๆ มีความเห็นตรงกันว่า เมื่อบีบจนอีกฝ่ายเข้าตาจน ย่อมต้องเกิดการนองเลือดอย่างแน่นอน

ดังนั้นผู้ตรวจการจางจึงบุกจู่โจมถึงสองครั้งโดยไม่ทำตามระเบียบ ก็เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีโอกาสตอบโต้

แต่คราวนี้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเร็วกว่าหนึ่งก้าว

หากเป็นการถ่วงเวลา ถ้าเช่นนั้นศพของสมุหเทศาภิบาลซ่งก็ต้องเป็นศพปลอม ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจพิสูจน์ศพที่มีประสบการณ์สูง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่พบการแปลงโฉม เว้นแต่ว่าผู้ตรวจพิสูจน์ศพจะเป็นคนร้าย…

จากการคาดเดานี้ ก็เท่ากับใต้เท้าผู้ตรวจการกำลังตกอยู่ในอันตราย

ในเวลานี้ข้างกายผู้ตรวจการจางมีเพียงกองทหารพยัคฆ์ทะยานและเจียงลวี่จง หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลส่วนใหญ่ยังอยู่รักษาการณ์ที่จุดพักเปลี่ยนม้า แม้เจียงลวี่จงจะฝีมือร้ายกาจ แต่อย่าลืมว่า ฝ่ายตรงข้ามก็มีพ่อมดระดับสี่อยู่ด้วยเช่นกัน

เมื่อเจียงลวี่จงถูกพ่อมดประกบ อาศัยเพียงกองทหารพยัคฆ์ทะยาน จะรักษาความปลอดภัยให้ใต้เท้าผู้ตรวจการได้อย่างไร?

ฆ้องทองแดงและฆ้องเงินที่มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งจึงจะเป็นกำลังหลักของกองอารักขาในครั้งนี้ได้

สมุหเทศาภิบาลซ่งปกครองเมืองไป๋ตี้มาหลายปีแล้ว และเวลานี้หยางชวนหนานกลายเป็นนักโทษไปแล้ว เขาเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีอิทธิพลท้องถิ่นใดจะยับยั้งและควบคุมเขาได้อีกแล้ว…แม้ว่าเขาจะไม่สามารถระดมกองกำลังเว่ยและกองกำลังสั่วได้ แต่กองกำลังพิทักษ์เมืองในเมืองนั้นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของสมุหเทศาภิบาล…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สวี่ชีอันก็เรียกหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่อยู่ในจุดพักเปลี่ยนม้าทั้งหมดทันที และเล่าสิ่งที่ตนเองคาดเดาให้พวกเขาฟัง

เมื่อหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เคร่งขรึมลงอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีบางคนยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับของความปลอดภัยของผู้ตรวจการ ก็ต้องเชื่อไว้ก่อน

“เหลือคนไว้สี่คนเพื่อรักษาการณ์ที่จุดพักเปลี่ยนม้า คนที่เหลือตามข้ามา” ฆ้องเงินคนหนึ่งตะโกนขึ้น

เขาเหลือบไปมองสวี่ชีอัน “สวี่หนิงเยี่ยน เจ้ารออยู่ที่จุดพักเปลี่ยนม้าแล้วกัน”

ทุกคนต่างรู้ดีถึงสภาพของสวี่ชีอัน ว่าไม่เหมาะที่จะทำการต่อสู้อย่างรุนแรง ถึงไปก็ไม่สามารถแสดงพลังต่อสู้ที่ล้ำเลิศออกมาได้

ทุกคนจูงม้ามา แล้วหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลมากกว่าสิบคนก็เร่งควบม้าไปยังจวนของซ่งฉางฝู่

“หนิงเยี่ยน ทำไมเหตุการณ์จึงกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้”

สีหน้าของซ่งถิงเฟิงดูไม่ได้เลย แววตาเต็มไปด้วยความกระวนกระวายและวิตกกังวล

ด้วยฐานะฆ้องทองแดง เขาไม่สามารถเข้าถึงความลับของคดีได้ ในสายตาของซ่งถิงเฟิงและหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลคนอื่นๆ ความคืบหน้าของคดีนั้นเป็นไปอย่างเฉียบขาดและก้าวกระโดด

หลังกลับจากการตรวจสอบ สวี่ชีอันก็ไขปริศนาได้ ผู้ตรวจการจางได้จับกุมผู้บัญชาการหยางชวนหนาน

หลังจากที่หลี่เมี่ยวเจินมาเยี่ยมเยียนที่จุดพักเปลี่ยนม้า ดูเหมือนว่าคดีจะพลิก ส่วนกระบวนการโดยละเอียดนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่รู้เหมือนเดิม

ต่อจากนั้นซึ่งก็คือวันนี้ ผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งก็ส่งตัวคนขาเป๋มา หลังจากใต้เท้าผู้ตรวจการได้ทำการสอบสวนลับแล้ว จึงรู้ว่าที่แท้สมุหเทศาภิบาลซ่งก็คือผู้ที่บงการเบื้องหลังนั่นเอง

จนกระทั่งเมื่อครู่ สวี่ชีอันได้เล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเกือบทั้งหมดให้หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลทุกคนฟัง พวกเขาจึงเข้าใจทุกอย่างในทันที

ตอนนี้ซ่งถิงเฟิงรู้ความคืบหน้าของคดีแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เป็นข่าวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เขายังต้องการเวลาทำความเข้าใจเพิ่มอีกเล็กน้อย

‘มีคำกล่าวที่ว่าสนามรบเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายในชั่วพริบตาเดียว การสอบสวนคดีก็เช่นเดียวกัน ศัตรูจะไม่รอให้เจ้ารวบรวมหลักฐานทีละขั้นตอน เมื่อเตรียมพร้อมแล้ว จากนั้นจึงทำการจับกุมตัว’

สวี่ชีอันนับว่ายังสงบนิ่งมาก เพราะมีนายทหารยอดฝีมือเช่นเจียงลวี่จงและหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลที่เข้มแข็งห้าวหาญ

“ถิงเฟิง เจ้ารีบออกไปจากเมืองเดี๋ยวนี้ ไปหาหลี่เมี่ยวเจิน แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองให้นางฟัง”

เพื่อความปลอดภัย สวี่ชีอันตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากกองทัพนางแอ่นเหิน กองทัพส่วนตัวของหลี่เมี่ยวเจินนั้นเข้มแข็งเกรียงไกร โดยได้รวบรวมยอดฝีมือจากทั่วยุทธภพ มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

“ได้! ”

ซ่งถิงเฟิงลุกขึ้นและเดินออกไป จากนั้นก็ย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว วิ่งตึงตังขึ้นไปชั้นบน หลังจากนั้นไม่กี่นาที เขาก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองธรรมดาๆ

ฉลาด…สวี่ชีอันยกย่องเขาอยู่ในใจ ในขณะเดียวกันก็พิจารณาตัวเอง ข้าไม่ได้เตือนให้เขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลองจริงๆ ด้วย สุขภาพถดถอยขนาดนี้เลยหรือ

ซ่งถิงเฟิงขี่ม้าตัวเมียตัวเล็กที่คล่องแคล่วในการเดินทาง เดินกุบกับกุบกับจากไป

แต่ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ควบม้ากลับมาโดยเร็ว เดินก้าวยาวๆ เข้าไปในจุดพักเปลี่ยนม้า สีหน้าไม่น่าดูเอาเสียเลย “หนิงเยี่ยน ประตูเมืองปิดแล้ว”

สวี่ชีอันมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ หัวใจร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“ข้ารู้สึกว่าจะเกิดเรื่องแล้ว”

สวี่ชีอันนั่งไม่ติดแล้ว ลุกขึ้นเดินไปเดินมาในห้องโถง

“จะเกิดอะไรขึ้นได้ ฆ้องทองคำเจียงเป็นทหารระดับสี่ หากโยนลงไปในยุทธภพก็นับว่าเป็นวีรบุรุษคนหนึ่ง นอกจากนี้ เพื่อนร่วมงานที่เหลือก็ตามไปสมทบแล้ว” ซ่งถิงเฟิงกล่าวปลอบใจ แล้วก็เป็นการปลอบใจตัวเองเช่นเดียวกันเพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ถึงจะเป็นกองกำลังของต้าฟ่ง พูดถึงปัจจุบัน มีเพียงอ๋องสยบแดนเหนือเพียงพระองค์เดียวที่เป็นทหารระดับสาม ทหารระดับสี่สามารถท่องไปในยุทธภพได้อย่างแน่นอน สวี่ชีอันเห็นยอดฝีมือระดับสี่ในเมืองหลวงจนชินแล้ว แต่นั่นเป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางของต้าฟ่ง

แน่นอนว่า ยุทธภพนั้นล้ำลึกมาก สามารถที่จะซ่อนคนชั่วที่มีอายุพันปีได้หนึ่งถึงสองคนได้เลย

“ประตูเมืองอีกสามบานก็คงจะปิดแล้วเช่นกัน สมุหเทศาภิบาลซ่ง…หรือสำนักพ่อมดที่อยู่เบื้องหลังเขา คิดจะปิดประตูตีแมว” สวี่ชีอันเดินวนไปมา

“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าพวกเขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าฆ้องทองคำเจียงอยู่ในระดับสี่ ที่ยังกล้าทำเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าได้มีการเตรียมการไว้พร้อมแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะวางแผนไว้ตั้งแต่สอบสวนเจ้าและกว่างเสี้ยวในฝัน พวกเราไม่ได้จับตาดูสมุหเทศาภิบาลซ่ง พวกเขาจึงพอจะอดทนได้ สามารถหยุดรอจังหวะได้ แต่พอพวกเรารู้ว่าสมุหเทศาภิบาลซ่งเป็นผู้บงการเบื้องหลัง พวกเขาก็พร้อมที่จะคว่ำกระดานโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย”

“หลังจากนั้นล่ะ?” เสียงของซ่งถิงเฟิงสั่นเล็กน้อย “ถ้าพวกเขาฆ่าใต้เท้าผู้ตรวจการ แล้วพวกเขาไม่กลัวว่าราชสำนักจะส่งทหารไปล้อมปราบหรือ”

“พรรคฉีและสำนักพ่อมดวางแผนมาหลายปี ก็เพื่อสิ่งนี้มิใช่หรือ” สวี่ชีอันมองไปที่เขา “ถ้าไม่ใช่เพราะวางแผนกบฏ พวกเขาจะทำเรื่องแย่ๆ มากมายถึงเพียงนั้นทำไมกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง