ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 224

บทที่ 224-2 พ่อมดแห่งความฝันปรากฏตัว

ตอนแรกทั้งสองได้ทำข้อตกลงไว้สามข้อ สวี่ชีอันบริจาคร่างกาย รักษาอุณหภูมิแขนที่ขาดไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินไต้ซือเสินชูต้องออกมาช่วยเหลือ

แต่ตอนนี้ คนขี้โกงได้หนีไปเสียแล้ว?

“เผชิญความตายอย่างกล้าหาญ”

ในความคิด เสียงที่ไร้ตัวตนจากไต้ซือเสินซูก็ดังขึ้น

เผชิญความตายอย่างกล้าหาญอย่างนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน คำตอบของท่านคือจะช่วยหรือไม่ช่วยกันแน่

สวี่ชีอันกำลังยุ่งอยู่กับการสื่อสารกับไต้ซือเสินซูที่อยู่ในห้วงความคิด แต่ไต้ซือกลับหลับปุ๋ยไปอีกแล้วราวสุนัขขี้เซา ‘เรียกหา’ เท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น

สำนักสมุหเทศาภิบาล ด้านหลังตำหนัก

เสียงดัง ‘ปังๆๆๆ’ ดังเล็ดลอดขึ้นมา นั่นเป็นเสียงกองทหารพยัคฆ์ทะยานที่กำลังค้นหาหลักฐานอยู่ ผู้ตรวจการจางและเจียงหลี่จงยืนอยู่ในลาน ส่วนท่านโหวที่เคารพของเจ้าเมืองอวิ๋นโจวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ผู้ตรวจการจางได้กลิ่นหอมจางๆ ที่แตกต่างจากดอกเหมยฮวา ซึ่งเป็นกลิ่นหอมที่ไม่เคยคุ้นมาก่อน

ขณะมองไปรอบๆ เขาพบดอกไม้นั้นอย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ดูไม่ต่างจากดอกไม้ป่าริมถนน แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นแรงและทนนาน

“เดือนสิบสองแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีดอกไม้ด้วย?” ผู้ตรวจการจางเอ่ยอย่างประหลาดใจ

เมื่อท่านเจ้าเมืองได้ยินคำนั้น เขาก็หันศีรษะและชำเลืองมองตาม จากนั้นจึงถอนสายตาและส่ายหน้าอย่างเฉยเมย “อาจจะเป็นพันธุ์วิเศษกระมัง ข้าน้อยเองก็ไม่รู้จัก แต่ว่าสมุหเทศาภิบาลซ่ง…หัวขโมยซ่งเป็นคนที่ชื่นชอบดอกไม้”

ผู้ตรวจการจางพยักหน้าเบาๆ

กองทหารพยัคฆ์ทะยานไม่พบหลักฐานที่เป็นประโยชน์

“น่าแปลก…” ผู้ตรวจการจางขมวดคิ้ว

ตำหนักซ่งและที่ทำการปกครองสมุหเทศาภิบาลสะอาดเกินไป สะอาดจนเหมือนกับตั้งใจเก็บกวาดแล้วส่วนหนึ่ง โดยไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้

แต่ว่าซ่งฉางฝู่กระทำการอย่างลึกลับ อาจจะมีแหล่งกบดานอยู่ที่อื่นก็เป็นได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะหาหลักฐานไม่พบ

ไม่นาน ขุนนางที่ถูกเคลื่อนทัพก็มารวมตัวกัน ณ ที่ทำการสมุหเทศาภิบาล

ห้องโถงใหญ่ ผู้ตรวจการจางที่ยืนอยู่ใต้ชายคาของปากประตูเอามือไพล่หลัง ภายในลานบ้าน มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากกว่าสิบนายยืนเรียงแถวกันทั้งสองฟากฝั่ง คอยเฝ้ามองด้วยท่าทีเคารพอย่างเงียบๆ

“ท่านทั้งหลาย!”

สายตาแหลมคมของผู้ตรวจการกวาดมองไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งซ้ายและขวา พลางเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ซ่งฉางฝู่ร่วมมือกับสำนักพ่อมด ลอบขนยุทโธปกรณ์และเลี้ยงดูโจรป่าเป็นอย่างดี จนความเป็นอยู่ของผู้คนรอบๆ อวิ๋นโจวกำลังลำบากยากแค้น เกิดความโกลาหลขึ้นบ่อยครั้ง ข้ารับคำบัญชาจากเบื้องบนให้ทำการสอบสวนอย่างเข้มงวด ทว่าหลังเกิดเรื่อง ซ่งฉางฝู่ได้ฆ่าตัวตาย นับตั้งแต่บัดนี้ กิจการทางทหารและการเมืองที่สำคัญทั้งหมดในอวิ๋นโจว ข้าจะเป็นผู้ดูแล ใครที่ให้การช่วยเหลือขโมยผู้นี้ ให้แจ้งแก่ข้าโดยทันที และจะถูกลงโทษตามความความเหมาะสม”

“น้อมรับคำบัญชา!”

บรรดาเจ้าหน้าที่ก้มศีรษะลง

เวลานี้ในสายตาของผู้ตรวจการจางเห็นกลุ่มหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลจากปากประตูห้องโถงใหญ่วิ่งตรงเข้ามาด้วยท่าทางดุดัน หนึ่งในนั้นคือฆ้องเงิน ในมือหิ้วใครคนหนึ่งไว้

ขุนนางที่อยู่ภายในห้องโถงได้ยินเสียงก็หันไปมอง

“พวกเขามาได้อย่างไรกัน” ผู้ตรวจการจางหันไปทางเจียงลวี่จงที่อยู่ด้านข้าง

เจียงลวี่จงส่ายหน้า

“ท่านผู้ตรวจการ เห็นท่าไม่ดีแล้วขอรับ”

ฆ้องเงินที่ในมือยังหิ้วท่านผู้นั้นอยู่ คนยังไม่ทันมาถึง เสียงตะโกนก็ดังขึ้นก่อนแล้ว

เจียงลวี่จงหรี่ตา พอเห็นคนที่อยู่ในมือของฆ้องเงิน ถึงกับตกตะลึง นั้นเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ศพจากที่ว่าการเมือง

“เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อผู้ตรวจการจางมองไปที่บนร่างกายผู้ตรวจพิสูจน์ศพ ใบหน้าของเขาพลันจริงจังขึ้นมาอย่างฉับพลัน

ฆ้องเงินส่งร่างผู้ตรวจพิสูจน์ศพในอ้อมแขนให้กับฆ้องทองแดงที่อยู่ข้างๆ เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และกระซิบด้วยเสียงต่ำ

หลังจากฟังการวิเคราะห์ของสวี่หนิงเยี่ยน กลุ่มหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็รีบไปที่ตำหนักของสมุหเทศาภิบาลซ่ง สุดท้ายกลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า ผู้ตรวจการจางได้จากไปแล้ว

หลังสอบถามภายในจวน จึงได้ทราบว่าผู้ตรวจการจางได้ไปที่สำนักสมุหเทศาภิบาลแล้ว

พวกฆ้องเงินที่มากประสบการณ์ไม่ได้จากไปในทันที เมื่อคำนึงถึงการวิเคราะห์ของสวี่หนิงเยี่ยนแล้ว จึงตรวจสอบร่างกายของสมุหเทศาภิบาลซ่งอีกครั้ง ถึงได้พบว่าใบหน้าที่เปื้อนเลือดนั้น จริงๆ แล้วเป็นหน้ากากผิวหนังของมนุษย์

เป็นอย่างที่คาดไว้ ผู้ที่ตายไม่ใช่ซ่งฉางฝู่

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลจับกุมผู้ตรวจพิสูจน์ศพทันที และเร่งไปยังสำนักสมุหเทศาภิบาลอย่างร้อนใจ

“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง