ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 228

สรุปบท บทที่ 228-3 ค่าบำเหน็จ (1): ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่ 228-3 ค่าบำเหน็จ (1) – ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet

บท บทที่ 228-3 ค่าบำเหน็จ (1) ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 228-2 ค่าบำเหน็จ (1)

จักรพรรดิหยวนจิ่งมักใจกว้างกับผู้ที่ตายแล้วเป็นที่สุด

แต่หากขุนนางส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วย เช่นนั้นจักรพรรดิหยวนจิ่งก็คงไม่สามารถยืนกรานในความคิดเห็นของตนเองได้

จักรพรรดิหยวนจิ่งกำลังจะประกาศจบหัวข้อ และปฏิเสธคำแนะนำของจางสิงอิง ทันใดนั้นเว่ยเยวียนพลันออกความคิดเห็น

ขันทีใหญ่เดินตรงไปทางรองเจ้ากรมกรมพิธีการ ยกมือขึ้นฟาดฝ่ามือ ‘เพียะ!’ หนึ่งครั้ง

เสียงดังกึกก้องดังผ่านห้องทรงพระอักษร ระงับการทะเลาะวิวาทของขุนนางทันที ก่อนที่ทุกคนจะมองดูเขาด้วยสายตาประหลาดใจ

‘เพียะ!’

ศาลต้าหลี่ก็ถูกตบเช่นกัน ล้มลงอย่างซวนเซจนมงกุฎหลุด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง

‘พรึบ…’

สายตาแปลกประหลาดแปรเปลี่ยนเป็นซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำเอาห้องทรงพระอักษรแตกกระเจิง

ในประวัติศาสตร์ของต้าฟ่ง ตัวอย่างของขุนนางที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวและต่อสู้กันในท้องพระโรงถือว่าน้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คือห้องทรงพระอักษร

แต่ผู้กระทำคือเว่ยเยวียน นี่จึงดูเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ

ในหัวใจของขุนนาง เว่ยเยวียนเป็นขันทีผู้ดูแลที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลฝ่ายตรวจการ มีตำแหน่งสูง ป้ายที่ห้อยอยู่ร่างกายของเขาแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจเจ้าเล่ห์ ใจดำอำมหิต แต่ฉลาด​หลักแหลม เป็นนักวางแผนที่ดี

ถึงอย่างไรก็ไม่มีทาง ‘หุนหันพลันแล่น’ เป็นอันขาด หากโจมตีคนง่ายๆ เช่นนี้ คงทำคนตายพอดี

เว่ยเยวียนมีแผนร้ายอะไรอีก จงใจหรือ?

ช่วงที่องค์ชายในท้องพระโรงจิตใจล่องลอย ตำแหน่งขุนนางใกล้ชิดที่ชอบถกเถียงไม่ต้องครุ่นคิดให้มากนัก ‘ขุนนางใกล้ชิดฝ่ายซ้าย’ หลายคนจากหกชั้นศาล รีบวิ่งออกมาอย่างตื่นตกใจ เอ่ยเสียงดัง

“ฝ่าบาท เว่ยเยวียนตบตีคนที่อยู่ในท้องพระโรง ไม่เห็นพระองค์และกฎหมายอยู่ในสายตา ได้โปรดฝ่าบาทชี้แนะ ลงโทษคนผู้นี้ด้วยขอรับ”

ขุนนางใกล้ชิดไม่ต้องคิดมาก แค่หยิบจอบทุบศีรษะให้ตายก็ได้แล้ว

ทันใดนั้น ขุนนางหลายคนต่างสนับสนุนข้อเสนอนี้

เว่ยเยวียนไม่สนใจข้อกล่าวหาของเหล่าขุนนาง พลางโค้งคำนับ เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ฝ่าบาท เรื่องของพรรคฉียังไม่จบ แม้เจ้ากรมกรมโยธาการจะจัดการเรื่องนี้แล้ว แต่พรรคเดียวกันก็ยังอยู่ในท้องพระโรง ในคดีซังผอ เจ้ากรมพิธีการสมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ พรรคพวกเดียวกันก็ยังคงมีอยู่ ตรงกับการตรวจสอบข้าราชสำนักพอดี ข้าน้อยขอเสนอให้เลื่อนการตรวจสอบข้าราชสำนักออกไปก่อน หลังจากข้อเท็จจริงทั้งหมดถูกเปิดเผย ค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ”

หมายความว่าอย่างไร

เหล่าขุนนางต่างตกใจและมองเว่ยเยวียนด้วยสายตายากที่จะเชื่อ ความหมายที่กำกวม เห็นได้ชัดว่าต้องการชะลอการตรวจสอบข้าราชสำนัก เขายังต้องการจะทำอะไรบางอย่าง!

ตั้งแต่ต้นปี ทางการในเมืองหลวงก็ประสบกับความโกลาหล ต้องคอยเฝ้าระแวดระวังการวางอุบาย ความรู้สึกอันตรายและไม่ปลอดภัยตั้งแต่กลางปีถึงสิ้นปี หมดสิ้นเรี่ยวแรงไปนานแล้ว

แม้แต่ผู้สมรู้ร่วมคิดที่ต่อสู้เก่งที่สุด ก็ยังอยากจะเสร็จสิ้นการตรวจสอบข้าราชสำนักโดยเร็ว ลดหย่อนภาระของประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศชาติ

เว่ยเยวียน เจ้าคนรับใช้นั่น คิดไม่ถึงว่ายังคิดจะสู้ต่อ?

เขา…เขาบ้าไปแล้วหรือ

แม้แต่สมุหราชเลขาธิการหวางเจินเหวินยังอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปจับจ้องที่เว่ยเยวียนอย่างพินิจด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเว่ยชิงอีไร้อารมณ์ ซึ่งไม่ต่างจากปกติมากนัก

ในฐานะคู่ต่อสู้เก่า สมุหราชเลขาธิการคิดไม่ถึงว่าตนเองจะไม่สามารถคาดเดาความตั้งใจที่แท้จริงของเว่ยเยวียนได้

อารมณ์ชั่ววูบ?

ไม่ เว่ยเยวียนจะได้รับอิทธิพลมาจากอารมณ์ได้อย่างไร อีกอย่าง อารมณ์โกรธมาจากที่ใดกัน

จักรพรรดิหยวนจิ่งจ้องไปที่เว่ยเยวียน หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตระหนักได้ว่าฆ้องทองแดงที่ชื่อสวี่ชีอันมีตำแหน่งพิเศษในหัวใจของเว่ยเยวียน

เขาบีบมือ รอให้ขุนนางเงียบเสียงลง พลางเอ่ยอย่างช้าๆ “คดีที่ลึกลับซับซ้อนเช่นนี้ สวี่ชีอันสามารถแก้ไขได้ภายในเวลาอันสั้น ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก การเสียสละบุคคลที่มีความสามารถในขณะปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ถือเป็นการสูญเสียของราชสำนักของข้า ก็ทำตามสิ่งที่จางสิงอิงรายงานเถอะ

เว่ยเยวียนทุบตีข้าราชสำนักในห้องโถง ละเลยกฎหมาย ลงโทษระงับเงินเดือนเป็นเวลาหนึ่งปี ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้าราชสำนัก ปฏิบัติตามกฎราชวงศ์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”

“ท่านพ่อบุญธรรม เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือขอรับ”

ภายในรถม้า เสียงแหบต่ำของเว่ยเยวียนสวนขึ้นมา “สวี่ชีอันเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่แล้ว”

เรื่องนี้…หนานกงเชี่ยนโหรวมีสีหน้าแข็งทื่อ

เขาหันศีรษะออกไปเหลือบมองรถม้าอย่างเงียบๆ แม้ว่าประตูจะถูกปิดลงแล้ว แต่เขาก็ชะลอการเคลื่อนไหวโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะเกรงว่าจะถูกเว่ยเยวียนจับได้

ทั้งที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลต่างรู้ว่าเว่ยกงให้ความสำคัญกับสวี่ชีอันมาก มีเพียงหนานกงเชี่ยนโหรวและหยางเยี่ยนเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นมากกว่านั้น ท่านพ่อบุญธรรมกอดเก็บความคาดหวังที่มีต่อสวี่ชีอันเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับช่างฝีมือที่พบหยกซึ่งยังไม่ผ่านการเจียระไนทว่าสมบูรณ์ที่สุด

รักมากจนไม่อยากจะปล่อย นึกอยู่ตลอดเวลาว่าต้องการแกะสลักเขาให้กลายเป็นหยกงามอย่างหาใดเปรียบ วันหนึ่งที่หยกสมบูรณ์ อาจทำให้ใต้หล้าตกตะลึง

แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยอย่างชัดเจน แต่หนานกงเชี่ยนโหรวรู้ดีอยู่แก้ใจว่าความคาดหวังและการให้ความสนใจนี้ เหนือกว่าลูกชายบุญธรรมอย่างเขาไปมากแล้ว

ตอนนี้สวี่ชีอันเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ แค่คิดก็รับรู้ถึงจิตใจของพ่อบุญธรรมแล้ว…หนานกงเชี่ยนโหรวถอนหายใจในใจ

เดิมเขาคิดว่าจะลอบดีใจสักหน่อย การปรากฏตัวของสวี่ชีอันทำให้เขาอิจฉาริษยาและทำให้เขาเสียสมดุลภายในใจ เขาคิดเรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วนว่าหากชายคนนั้นไม่ปรากฏตัวแต่แรกก็คงดี

อย่างน้อยผู้ที่ท่านพ่อบุญธรรมให้ความสนใจมากที่สุดก็ยังเป็นข้า

วันนี้ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของสวี่ชีอันแล้ว หนานกงเชี่ยนโหรวกลับไม่มีความสุข แถมยังรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ภายในหัวใจเกิดความว่างเปล่า

ขณะนั้นเอง ทันใดนั้นบังเหียนที่อยู่ในมือพลันหลุดออกไป หนานกงเชี่ยนโหรวถึงกับตกตะลึง ถึงได้ค้นพบว่าบังเหียนที่อยู่ในฝ่ามือถูกเขาบีบจนกลายเป็นผุยผงตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบ

ครั้นกลับมาถึงที่ทำการ หนานกงเชี่ยนโหรวติดตามเว่ยเยวียนเข้าไปในหอเฮ่าชี่ เดินขึ้นไปยังชั้นเจ็ด เว่ยเยวียนหยุดเดินอยู่ตรงปากประตูห้องน้ำชา เอ่ยเสียงต่ำ

“เจ้าออกไปก่อน ข้าอยากอยู่คนเดียวสักพัก”

หนานกงเชี่ยนโหรวลังเลที่จะเอ่ย ทำได้เพียงโค้งคำนับและเดินจากไป ไม่ได้จากไปไหนไกล แต่รออยู่นอกห้องน้ำชาอย่างนั้น

…………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง