บทที่ 230-2 ศพกระตุก (1)
ห้องทรงพระอักษร
จักรพรรดิหยวนจิ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์สูงด้วยสีหน้าอึมครึม เจ้ากรมศาลต้าหลี่ เว่ยเยวียน และเจ้ากรมอาญาล้วนยืนอยู่ในห้อง ฐานะของทั้งสามคือผู้ครองสามสำนักใหญ่แห่งต้าฟ่ง
เว่ยเยวียนคือเจ้าหน้าที่ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งฝ่ายตรวจการ
“ฝ่าบาท นี่คือผลชันสูตรจากผู้ตรวจพิสูจน์ศพ ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตร” เจ้ากรมอาญาส่งมอบรายงานชันสูตรศพของพระสนมฝูไปให้
ขันทีใหญ่รับใบตรวจชันสูตรศพไป แล้วส่งมอบให้จักรพรรดิหยวนจิ่งอีกที ฝ่ายหลังเพียงกวาดตามองเท่านั้น ก่อนเอ่ยถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“พระสนมฝูแปดเปื้อนราคีหรือไม่”
“เอ่อ…” เจ้ากรมอาญาเอ่ยเสียงเบา “ผู้ตรวจพิสูจน์ศพเพียงตรวจดูคร่าวๆ เท่านั้น ไม่กล้าลบหลู่พระวรกายของพระสนมฝูหรอกพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทโปรดทรงส่งข้าหลวงหญิงในวังไปตรวจสอบเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิหยวนจิ่งกล่าวเสียงขรึม “ไอ้สารเลวนั่นล่ะ”
“องค์รัชทายาทถูกคุมขังอยู่ที่คุกหลวง รอให้ฝ่าบาททรงไต่สวนพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งไปศาลต้าหลี่เถิด” จักรพรรดิหยวนจิ่งกวาดมองทั้งสามคนด้วยแววตาคมกริบ “เราต้องได้รับผลภายในสามวัน”
“ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องใหญ่ เกรงว่าสามวันอาจจะไม่พอพ่ะย่ะค่ะ” เจ้ากรมศาลต้าหลี่กล่าว
“ข้าให้เวลาเจ้าแค่สามวัน” จักรพรรดิหยวนจิ่งสีหน้าเย็นชา
“ฝ่าบาท เว่ยกงมีผู้ใต้บังคับบัญชาอัจฉริยะ ไขคดีใหญ่ๆ สำเร็จมาแล้วหลายคดี ไม่สู้มอบคดีนี้ให้กับฝ่ายตรวจการเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เจ้ากรมอาญาแนะนำ
เจ้ากรมศาลต้าหลี่ก็คิดว่าเช่นนี้ดีมาก
“อัจฉริยะ? ใต้เท้าเจ้ากรมหมายถึงผู้ใดหรือ” เว่ยเยวียนกวาดตามองขุนนางใหญ่ทั้งสองนิ่งๆ แล้วมองไปที่จักรพรรดิหยวนจิ่งอีกครั้ง “ผู้ที่สามารถทำงานได้ตอนนี้สิ้นชีพอยู่ที่อวิ๋นโจวแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้ากรมอาญาและเจ้ากรมศาลต้าหลี่สบตากัน เรื่องที่ฆ้องทองแดงผู้ไขคดีแปลกๆ ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าผู้นั้นสิ้นชีพอยู่ที่อวิ๋นโจว หลายวันก่อนพวกเขาทั้งคู่พอรู้ข่าวก็ยังแอบคิดว่าเป็นเรื่องดีอยู่เลย
ตอนนี้กลับไม่มีคนโยนเคราะห์ไปให้แล้ว เจ้ากรมอาญาและเจ้ากรมศาลต้าหลี่บังเกิดความรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใด
พระสนมฝูสิ้นพระชนม์ สงสัยว่าจะถูกหยามพระเกียรติโดยองค์รัชทายาท จึงอับอายขายหน้าจนต้องกระโดดลงมาจากหอเก๋งแล้วกระแทกเข้ากับราวกั้นจนสิ้นชีพ
เรื่องราวของคดีเป็นเช่นนี้…หลังจากช่วงบ่ายวันนี้ องค์รัชทายาทได้ดื่มสุราที่ตำหนักของเฉินกุ้ยเฟยแล้วเสด็จกลับ แต่ไม่รู้เหตุใดถึงได้ไปยังตำหนักของพระสนมฝูได้
จากนั้นพระสนมฝูก็สิ้นพระชนม์โดยตกจากหอเก๋งลงมาในสภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย
เรื่องนี้ไม่เพียงเกี่ยวพันกับภาพลักษณ์ของราชวงศ์เท่านั้น แต่หากองค์รัชทายาทกระทำผิดจริง เช่นนั้นก็เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระดับชิงบัลลังก์ ผลประโยชน์ที่พัวพันอยู่เบื้องหลังนั้นซับซ้อนเกินไป ศาลต้าหลี่และกรมอาญาต่างก็ไม่อยากจะรับเผือกร้อนลูกนี้ไว้ทั้งนั้น
จักรพรรดิหยวนจิ่งขมวดคิ้ว เขารู้ว่าฆ้องทองแดงที่ตายอยู่ในอวิ๋นโจวที่เว่ยเยวียนกล่าวถึงก็คือสวี่ชีอัน ปกติเอาแต่คิดว่าฆ้องทองแดงผู้นั้นขวางหูขวางตาและตั้งท่ารังเกียจ
แต่พอมีคดีอะไรขึ้นมา จู่ๆ จักรพรรดิหยวนจิ่งก็พบว่าฆ้องทองแดงผู้นั้นมีประโยชน์มากจริงๆ น่าเสียดายที่ต้องตายจริงๆ
‘ปัง!’
จักรพรรดิหยวนจิ่งตบโต๊ะพ่นคำผรุสวาท “ต้าฟ่งของข้ามีอัจฉริยะอยู่ทั่วทุกแห่ง ไม่มีฆ้องทองแดงคนหนึ่งแล้วจะไขคดีไม่ได้เชียวหรือ”
“ฝ่าบาทโปรดอภัย”
ขุนนางใหญ่สามคนค้อมกายพร้อมกัน
ตอนนี้เอง ขันทีผู้หนึ่งก็สาวเท้ารีบร้อนเข้ามาจากนอกห้องทรงพระอักษร เขาไม่ได้ก้าวข้ามธรณีประตู แต่ค้อมกายก้มหน้ารอ
นี่หมายความว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นด้านนอก ตำแหน่งที่นั่งของจักรพรรดิหยวนจิ่งอยู่ตรงข้ามกับประตูพอดี พระองค์มองเห็นขันที แต่จะเรียกให้พบหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของจักรพรรดิหยวนจิ่ง
“ด้านนอกเกิดเรื่องใด” น้ำเสียงของจักรพรรดิหยวนจิ่งไม่ปกปิดเพลิงโทสะที่ถูกข่มเอาไว้สักนิด
ขันทีใหญ่รีบเรียกขันทีนอกประตูให้เข้ามา
“ทูลฝ่าบาท องค์หญิงหลินอันเสด็จมาขอพบพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีกล่าว
องค์หญิงหลินอันมาขอพบตอนนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องมาเพราะเรื่องขององค์รัชทายาท
จักรพรรดิหยวนจิ่งนวดหว่างคิ้ว “บอกให้นางกลับไปเถิด ช่วงนี้เราไม่อยากพบหน้านาง”
…
ขันทีรับคำสั่งออกมาจากห้องทรงพระอักษร และที่ตีนบันไดสูงนั้น หลินอันผู้สวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีแดง ใบหน้ากลมมน บุคลิกทรงเสน่ห์เปี่ยมอารมณ์กำลังรอคอยอย่างร้อนใจอยู่
ด้านข้างมีนางกำนัลประจำกายสองนางยืนอยู่ด้วย
“องค์หญิงรอง ฝ่าบาทไม่โปรดให้พบ ขอให้ท่านกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีกล่าวเสียงเบา
หลินอันกัดริมฝีปาก อย่างไรก็ไม่ยอมกลับท่าเดียว
นางรออยู่นอกห้องทรงพระอักษร ไม่นานนัก บุคคลสูงสุดจากสามสำนักใหญ่ก็เดินออกมา เจ้ากรมอาญาร้องขึ้น “อ้าว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง