บทที่ 237 ความคืบหน้าครั้งใหญ่ของคดี (2)
พอนางออกไปแล้ว สวี่ชีอันก็ไปนั่งที่โต๊ะ ด้านหนึ่งรู้สึกเสียดายที่ไม่อาจใช้ ‘หยกหรูอี้’ มาตรวจสอบได้ ด้านหนึ่งก็วิเคราะห์ให้องค์หญิงผู้ไม่รู้เรื่องราวทั้งสองฟัง
“วันที่พระสนมฝูตกจากหอ คนใช้ในตำหนักไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แบบนี้ก็มีสองความเป็นไปได้ หากไม่ใช่เพราะองค์รัชทายาทบังคับนางไว้ ก็เป็นต้องพระสนมฝูยินยอมพร้อมใจให้องค์รัชทายาทเอง”
ฮว๋ายชิ่งส่ายหน้า “หากเต็มใจยอมแล้ว เหตุใดในห้องถึงมีร่องรอยต่อต้านดิ้นรนด้วยเล่า”
ดูก็รู้ว่าเจ้าไม่มีประสบการณ์…สวี่ชีอันหัวเราะกล่าว “ก็ยังมีอยู่สองสถานการณ์ หนึ่งคือพระสนมฝูไม่ยินยอมในตอนแรก จึงได้ต่อต้าน แต่องค์รัชทายาทใช้วิธีการบางอย่างบีบบังคับนาง สอง บางครั้ง…ก็ไม่จำเป็นต้องทำบนเตียง”
องค์หญิงทั้งสองหน้าแดงขึ้นพร้อมกันแล้วแค่นเสียงออกมา
“เช่นนั้นเหตุใดพระสนมฝูถึงได้ตกจากหอสูง เจ้าเคยบอกว่านางถูกคนผลักตกลงมานี่นา” ฮว๋ายชิ่งสงสัย
“มีคำถามบางอย่างที่กระหม่อมยังหาคำตอบไม่ได้” สวี่ชีอันเอ่ยวิเคราะห์
“วันที่เกิดเรื่อง พระสนมฝูดื่มสุรา หากกระหม่อมเป็นองค์รัชทายาทก็สามารถบีบบังคับด้วยเหตุนี้ แล้วสร้างเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวได้ ร่างสูงยาวของพระสนมฝูอาจจะหมิ่นเหม่กึ่งจะตกแล้วก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องผลักลงจากหอสูงเลย แม้ว่าพอองค์รัชทายาทจะสร่างเมาแล้วต้องการฆ่าคน ก็ไม่ควรทำหลังจากจบเรื่องสิ เพราะเมื่ออยู่ในช่วงปล่อยความปรารถนาจนหมดแล้ว ผู้ชายจะใจเย็นที่สุด ไม่มีทางหุนหันพลันแล่นแน่นอน
“ยังมีจุดที่น่าสงสัยอีกเรื่อง หากพระสนมฝูต้องการทำเรื่องเช่นนั้นจนต้องขับไล่นางข้าหลวงและขันทีในหอสูงออกไป ก็ยิ่งไม่มีเหตุผลต้องให้นางข้าหลวงประจำกายไปเชิญองค์รัชทายาทด้วยซ้ำ เว้นแต่ว่าทั้งคู่มีสัมพันธ์ลับกันอยู่แล้ว แต่จากการตรวจสอบของสามสำนักใหญ่ รวมถึงคำให้การของพวกขันทีและนางข้าหลวงในตำหนัก พระสนมฝูไม่เคยข้องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทมาก่อน”
“ก็หมายความว่า เสด็จพี่องค์รัชทายาทของข้าถูกใส่ร้ายจริงๆ น่ะสิ” แววตาของยายตัวร้ายเปล่งประกายแวววาว
“ความเป็นไปได้นี้มีไม่น้อยเลย แต่ยังไม่ถึงเวลากล่าวสรุป” สวี่ชีอันพยักหน้า
ฮว๋ายชิ่งเอ่ยถาม “เจ้าดูออกได้อย่างไรว่านางข้าหลวงผู้นั้นปิดบังอยู่”
เพราะนัยน์ตาของนางกระจ่างแจ้งคมชัด ทั้งยังจ้องมองมาที่สวี่ชีอันราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่อาจเปิดเผยความจริงได้
จิตวิทยาการแสดงสีหน้าในชั่วพริบตาน่ะสิ…สวี่ชีอันกล่าว “การแสดงออกและการเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์จะเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างแน่นอน มันซื่อสัตย์ยิ่งกว่าปากคำเสียอีก”
ฮว๋ายชิ่งขมวดคิ้ว “ข้าไม่เคยเห็นหนังสือเล่มใดบันทึกความรู้พวกนี้มาก่อน”
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าศึกษาเอง”
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้าเบาๆ รู้สึกนับถือ “เจ้าเป็นอัจฉริยะนักคลี่คลายคดีจริงๆ”
อันที่จริงสิ่งสำคัญที่สุดในการคลี่คลายคดีไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นประสบการณ์และความรู้ หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ แม้เจ้าจะเป็นยอดอัจฉริยะแห่งการคิดวิเคราะห์ก็ไม่มีทางข้ามผ่านธรณีประตูมาได้ สวี่ชีอันหัวเราะขณะกล่าว “องค์หญิงทรงชมเกินไปแล้ว”
ตอนนี้เอง หัวหน้าองครักษ์ก็ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง “ใต้เท้าสวี่ นำของมาแล้วขอรับ”
สวี่ชีอันยืดตัวขึ้นทันทีแล้วกล่าว “ต่อไปจะเป็นการพิสูจน์การคาดเดาของข้าว่าพระสนมฝูตายเช่นไร บางทีเราอาจจะรู้ได้ในไม่ช้า”
ทั้งสามลงมาที่ชั้นล่าง สวี่ชีอันรับราวกั้นหักๆ มาจากมือของทหารรักษาพระองค์แล้วตรวจดูรอยหักอย่างละเอียดซ้ำๆ
เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิด
สตรีอาภรณ์แดงกับอาภรณ์ขาวพร้อมใจไม่รบกวนเขา
แม้ว่าเท้าเล็กๆ สองข้างใต้กระโปรงของยายตัวร้ายจะยังเหยียบย่ำอยู่ตลอด แสดงให้เห็นถึงความร้อนใจก็ตาม
เพราะว่าเมื่อครู่สวี่ชีอันพูดมาแล้วว่าจะได้รู้ถึงการตายของพระสนมฝูในไม่ช้า เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการคืนความบริสุทธิ์ให้เสด็จพี่องค์รัชทายาท นางร้อนใจยิ่งนัก
แต่ก็ไม่กล้ารบกวนความคิดของเขา
“ไป ไปที่ห้องเย็น รบกวนองค์หญิงใหญ่ช่วยไปเชิญหมัวมัว[1]ผู้หนึ่งมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันนำทุกคนเดินออกมาจากตำหนักชิงเฟิง ฮว๋ายชิ่งสั่งให้ทหารรักษาพระองค์ด้านนอกตำหนักไปเชิญหมัวมัวชรามา
เมื่อมาถึงห้องเย็น นอกจากทหารรักษาพระองค์แล้ว สวี่ชีอัน ฮว๋ายชิ่ง หลินอัน ขันทีที่คอยควบคุมดูแล พร้อมกับหมัวมัวชรา ทั้งห้าคนก็เข้าไปในห้องน้ำแข็งเพื่อพบร่างของพระสนมฝูอีกครั้ง
“รบกวนหมัวมัวช่วยปลดเสื้อผ้าบนร่างของพระสนมฝูด้วย แล้วหันร่างนางกลับมาหน่อย” สวี่ชีอันกล่าว
หมัวมัวลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นสวี่ชีอันหันหลังกลับโดยสัญชาตญาณ นางก็ใช้สายตาเอ่ยถามไปยังองค์หญิงฮว๋ายชิ่ง ไม่ได้มองหลินอัน
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้ากล่าว “ทำอย่างที่ใต้เท้าสวี่บอก”
ผ่านไปครู่หนึ่ง หมัวมัวก็เอ่ยว่า “บ่าวทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
สวี่ชีอันหันกายกลับมา พระสนมฝูร่างเปลือยเปล่า นอนอยู่บนแผ่นไม้ แผ่นหลังขาวซีดเต็มไปด้วยรอยช้ำของศพ แต่ไม่มีสิ่งที่สวี่ชีอันต้องการเห็น
“พอแล้วล่ะ” เขาพยักหน้า
เมื่อออกจากห้องเย็นกลับมาที่ห้องโถง หลินอันก็เอ่ยถามอย่างอดใจไม่ไหว “เป็นอย่างไรบ้าง พระสนมฝูตายได้อย่างไร เสด็จพี่องค์รัชทายาทของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ใช่หรือไม่”
สวี่ชีอันเหลือบมองขันทีผู้ควบคุมดูแลแล้วกวาดมององค์หญิงทั้งสอง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “พระสนมฝูน่าจะกระโดดลงมาเอง”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น” ฮว๋ายชิ่งเลิกคิ้ว
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
“ราวกั้นหอสูงของตำหนักชิงเฟิงไม่มีร่องรอยผุพัง สมบูรณ์แข็งแรงมาก ถ้าหากพระสนมฝูถูกคนผลักลงมา ยามที่ร่างกายกระแทกเข้ากับราวกั้น ด้านหลังจะต้องมีรอยฟกช้ำสิ แต่เมื่อครู่ตรวจสอบดูแล้ว ด้านหลังของพระสนมฝูไม่มีรอยฟกช้ำที่มีลักษณะยาวเลย มีเพียงรอยช้ำของศพกับรอยช้ำวงใหญ่จากการตกหอสูงเท่านั้น” สวี่ชีอันกล่าว
ฮว๋ายชิ่งเอ่ยอย่างครุ่นคิด “แต่นางก็กระแทกราวกั้นจนหักจริงๆ…หมายความว่า มีคนทำอุบายไว้ที่ราวกั้นหรือ”
สวี่ชีอันพยักหน้า “นอกจากนี้ ก่อนที่พระสนมฝูจะตกลงมาได้ดื่มสุรา นางข้าหลวงของตำหนักชิงเฟิงกล่าวว่าพระนางมักจะขึ้นไปชมทิวทัศน์บนระเบียงสังเกตการณ์…กระหม่อมเดาว่านางคงจะคอยดูว่าฝ่าบาทจะมาหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ
“จุดสำคัญคือ คนที่ดื่มสุราจะนอนคว่ำตามไม่ก็พิงราวกั้นตามสัญชาตญาณ พระสนมฝูหันหลังตกลงมา ดังนั้นในตอนนั้นนางคงจะพิงราวกั้น แต่ราวกั้นมีคนทำอุบายเอาไว้ ดังนั้นจึงตกหอสูงลงมาจนสิ้นชีพ เมื่อครู่กระหม่อมถามมาแล้ว ก็หมายความว่า วันนั้นพระสนมฝูทำ…อืม พวกท่านก็รู้ ดังนั้น โอกาสที่นางจะไปยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์จึงมีมากนัก
“ยามที่ผู้ตรวจพิสูจน์ศพตรวจสอบดู คำพูดที่ว่าไม่ได้ถูกล่วงล้ำก็สามารถใช้เป็นหลักฐานเสริมได้ และที่เหล่านางข้าหลวงในตำหนักชิงเฟิงไม่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ก็เพราะพระสนมฝูไม่ได้ถูกบีบบังคับ ย่อมไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลืออยู่แล้ว”
ฮว๋ายชิ่งและหลินอันตะลึงจนพูดไม่ออก คนหลังยินดีอย่างยิ่งเพราะการตกเป็นผู้ต้องสงสัยขององค์รัชทายาทจะเบาลงมากทันที
คนแรกตกอยู่ในภวังค์ความคิด นางพึมพำและทบทวนการวิเคราะห์ของสวี่ชีอัน ราวกับนักเรียนดีเด่นที่กำลังย่อยความรู้จากอาจารย์
ขันทีผู้รับหน้าที่กำกับดูแลก้มหน้าลง แล้วพยายามจดจำทุกคำทุกประโยคของสวี่ชีอันอยู่เงียบๆ เพื่อนำไปรายงานให้หัวหน้ารู้ในภายหลัง
เมื่อฟังถึงตรงนี้ หมัวมัวชราก็เอ่ยแทรก “ใต้เท้าท่านนี้ ผู้ที่ตรวจสอบร่างกายของพระสนมฝูก็คือบ่าว มิใช่ผู้ตรวจพิสูจน์ศพ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง