บทที่ 243-2 หวงเสี่ยวโหรว
สวี่ชีอันพยักหน้า พร้อมกันนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปที่นอกประตู เขาก็เห็นขันทีน้อยหอบอุปกรณ์มีดสำหรับผ่าศพเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ
เสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมาถึงธรณีประตู ปฏิกิริยาแรกเมื่อขันทีเห็นศพหญิงสาวคือร้องลั่นเสียงแหลม อ๊าย~
“กงกงน้อยไม่เคยเห็นสตรีล่ะสิ มาๆๆ ข้าจะสอนวิชาสุขศึกษาให้หนึ่งบท” สวี่ชีอันล้อเลียนด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้เชี่ยวชาญ
ขันทีน้อยไม่สนใจ เขาเขินอายเล็กน้อย ก้มหน้าลง แล้ววางอุปกรณ์ไว้ที่โต๊ะยาว
อุปกรณ์ผ่าศพมีหกชิ้น มีดมีขนาดและความหนาบางแตกต่างกัน แล้วถูกห่อด้วยผ้าป่านหนาๆ
สวี่ชีอันอยากจะเลียริมฝีปากเพื่อแสดงถึงการรอคอยที่อยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกว่าท่าทางแบบนี้มันน่ากลัวเกินไป แสดงต่อหน้าฮว๋ายชิ่งคงไม่ดี ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้
จริงๆ แล้ว ข้าไม่ชอบให้มีคนอยู่ข้างๆ เวลาทำงานอดิเรกที่ชอบเลย…เขาเลือกมีดปลายแหลมขนาดเท่ากริชออกมาเล่มหนึ่ง แล้วทาบปลายแหลมนั่นไว้ที่คอของศพหญิงสาว ก่อนกรีดออกมา
น้ำขุ่นคลั่กไหลออกมา
“อุแหวะ…”
เมื่อเนื้อสีแดงอ่อนปรากฏสู่สายตา ขันทีน้อยก็ปิดปาก ห้ามอาการอยากอาเจียนไม่อยู่
จากนั้นสวี่ชีอันก็เปลี่ยนเป็นมีดเล่มใหญ่ นำมากรีดผ่าทรวงอกแล้วผ่าเปิดปอด…
“อุแหวะ…” ขันทีน้อยวิ่งออกไปแล้ว
แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วหรือ
ใบหน้าราวหยกสลักของฮว๋ายชิ่งเผยสีหน้ามีชีวิตชีวาออกมาแล้ว…ทั้งความหวาดผวา และสะอิดสะเอียน ขนตาสั่นสะท้าน พร้อมกับเบนสายตาออกไป
“ในปอดก็มีน้ำสะสมอยู่ด้วย ยืนยันสาเหตุการตายได้แล้ว นางจมน้ำตายนั่นเอง” สวี่ชีอันวางมีด
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้าเอ่ย “แล้วยังต้องตรวจสอบอะไรอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันพูด แต่จู่ๆ ก็ส่งเสียง ‘เอ๊ะ’ ออกมา
ฮว๋ายชิ่งที่หันหน้าเตรียมจะไปก็ต้องหันกลับมา พร้อมขมวดคิ้วโดยพลัน “เจ้าจะทำอะไร”
“นางได้รับบาดเจ็บ” สวี่ชีอันขมวดคิ้ว ยามกล่าวออกมา เขาก็เลื่อน ‘ชิ้นไขมัน’ ที่อกของศพหญิงสาวขึ้นไป เพื่อให้ฮว๋ายชิ่งได้เห็นสภาพใต้ราวนม
ฮว๋ายชิ่งชะงักนิ่ง
นางข้าหลวงนามว่าหวงเสี่ยวโหรวผู้นี้ ลำตัวข้างซ้ายมีรอยแผลเป็นลึกอยู่รอยหนึ่ง ตำแหน่งตรงกับหัวใจพอดี
นางรู้ทันทีว่าตนเข้าใจสวี่ชีอันผิด และเข้าใจข้อสงสัยของเขาแล้วด้วย
เหตุใดนางข้าหลวงผู้หนึ่งถึงมีรอยแผลน่ากลัวเช่นนี้ได้ ที่น่าแปลกใจก็คือ เหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่อีก
สวี่ชีอันกางผ้าป่านออกอีกครั้ง คราวนี้เขาคว้ามีดที่ใหญ่ที่สุดเล่มนั้น แล้วกรีดหน้าอกของศพหญิงสาวตามรอยแผล
ฮว๋ายชิ่งทั้งอยากเห็นแต่ก็ไม่อยากมอง
สวี่ชีอันถอดหัวใจออกมาแล้วหรี่ตามองพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ดูจากรอยแผลเป็นแล้ว บาดแผลลึกมาก อาวุธน่าจะเป็นกรรไกรหรือของมีคมอื่นๆ ในเมื่อมันสัมผัสกับหัวใจแล้ว นางควรจะตายเพราะเสียเลือดมากสิ”
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า สายตามองออกไปนอกประตูแล้วเอ่ยวิเคราะห์ “ยาที่สามารถรักษาบาดแผลเช่นนี้ได้ ในวังหลังมีเพียงเสด็จแม่และพระสนมระดับกุ้ยเฟยเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ หากคนอื่นอยากจะใช้โอสถช่วยชีวิต ก็ต้องไปขออนุญาตเสด็จแม่ก่อน หรือไม่ก็ได้รับเป็นของพระราชทานจากเสด็จพ่อกับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องยักยอกมาจากคลัง”
‘คนอื่น’ ที่นางพูดถึง ย่อมไม่ได้หมายถึงองค์หญิงองค์ชายทั้งหลาย
ทั้งคู่เดินออกจากห้องเก็บศพ ในลานมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง สวี่ชีอันตักน้ำสะอาดขึ้นมาแล้วล้างมือของตนทุกซอกทุกมุม
จากนั้นเขาก็ซักผ้าไหมสีเหลืองผืนนั้นที่พบบนตัวของศพหญิงสาวอย่างแรง แล้วตากให้แห้งที่ข้างบ่อน้ำ
“เจ้าไปบอกเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้องเก็บศพที บอกว่าข้ายังต้องใช้ศพที่อยู่ในนั้น ให้ส่งไปไว้ที่ห้องเย็น” สวี่ชีอันส่งขันทีออกไป
“สวี่หนิงเยี่ยน ไปหาบน้ำมาให้ข้าซิ” ฮว๋ายชิ่งยืนอยู่ข้างๆ อย่างแจ่มใส
จากคำเรียกของนาง สวี่ชีอันจึงเดาได้ว่าตอนนี้สภาพอารมณ์ของนางยังดีอยู่ ยามที่เกรงใจห่างเหินก็จะเรียกว่าใต้เท้าสวี่ พอโกรธแล้วก็จะเรียกว่าสวี่หนิงเยี่ยน
น้ำเสียงในตอนนี้ของฮว๋ายชิ่งไม่ใช่ความโกรธอย่างแน่นอน เช่นนั้นที่เรียกว่าสวี่หนิงเยี่ยนอย่างนี้ก็จะคล้ายกับการเรียกชื่อเพื่อนนั่นเอง
สวี่ชีอันยกน้ำมาให้นางถังหนึ่ง ฮว๋ายชิ่งนั่งยองๆ ลงแล้วเลิกแขนเสื้อยาวขึ้นมา มือเล็กๆ ขาวนวลแช่ลงไปในน้ำ นิ้วเรียบเนียนดุจหยกมีขนาดเรียวยาวพอเหมาะ
มือน้อยๆ นั่นสวยมากจริงๆ…เขาคิดในใจ
ฮว๋ายชิ่งล้างมือเสร็จแล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบน้ำแล้วเอ่ยว่า “ข้าจะพาเจ้าไปห้องโอสถ”
สวี่ชีอันกำลังจะพยักหน้า แต่ตอนนี้เอง ในหัวของเขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาในทันใด เหตุใดต้องโยนศพไปไว้ที่เซี่ยเก๋อ
ในพระราชวัง อย่างน้อยก็มีบ่อน้ำอยู่ตั้งหลายสิบที่ (ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องมาซ่อนในบ่อน้ำ) และยังมีที่ลับอีกมากมาย ทั้งในตำหนักเย็น หรือไม่ก็บ่อน้ำที่อยู่ข้างห้องเก็บศพแห่งนี้
“พวกเราไปที่เซี่ยเก๋อกันก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หลินอันที่อยู่ไกลๆ เห็นทั้งคู่ออกมาแล้วก็ก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “เจออะไรหรือไม่”
“เจอบางอย่างจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันบอกเรื่องที่พบยามตรวจสอบศพ หลินอันฟังไปก็พยักหน้าไป ใบหน้าเล็กๆ นั่นตั้งใจอย่างมาก แต่พอสวี่ชีอันพูดจบ ความสนใจของนางก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
หลินอันชี้ไปที่ผ้าไหมสีเหลืองอ่อนที่อยู่ข้างบ่อน้ำแล้วเอ่ยอย่างดีใจ “เจ้าสุนัขรับใช้ ดอกบัวบนนั้นดูเหมือนที่เจ้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ สวี่ชีอันก็พลันร้องลั่นออกมาแล้วยกมือกุมหัว ลงไปแดดิ้นอยู่กับพื้น
ยายตัวร้ายและฮว๋ายชิ่งตกใจ รีบเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจ้าเป็นอะไรไป”
“ปวด ปวดหัว…” สวี่ชีอันเจ็บปวดจนต้องกุมหัว ปล่อยให้หมวกหลุดออกจนเผยให้เห็นหัวล้านโล่ง แสดงให้เห็นเลยว่าเขาปวดหัวแทบแตก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง