ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 243

บทที่ 243-1 หวงเสี่ยวโหรว

“ศพหญิงสาวหรือ”

ขันทีน้อยรออยู่ที่ประตูอย่างร้อนรน เป็นสัญญาณว่าเกิดเรื่องด่วนแล้ว และส่วนเชื่อมระหว่างสวี่ชีอันกับเขาก็มีเพียงคดีของพระสนมฝู เช่นนั้นศพหญิงสาวก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับคดีพระสนมฝูเป็นแน่

สวี่ชีอันหรี่ตา ฉุกคิดขึ้นมาได้ “เป็นนางข้าหลวงที่หายไปในคดีพระสนมฝูใช่หรือไม่”

ขันทีตกตะลึง ชื่นชมจากใจจริง “ใต้เท้าช่างเป็นผู้ฉลาดล้ำเลิศยิ่ง บ่าวชื่นชมจนอยากจะกราบนัก”

ประโยคนี้ทั้งเคารพเลื่อมใสและออกมาจากใจจริง เขามาตรวจการณ์ติดต่อกันสองวัน ขันทีน้อยก็พบว่าสวี่ชีอันเป็นคนที่แม้ภายนอกจะโอ้อวด แต่สติปัญญากลับอยู่เหนือใคร

นี่ไม่ใช่ความฉลาดล้ำเลิศ นี่คือการวิเคราะห์คาดการณ์อย่างง่าย…สวี่ชีอันพยักหน้า “พาข้าไปดูศพที”

ขันทีน้อยรีบนำทางไป

“ศพถูกพบในบ่อน้ำแห่งไหน”

“สวนด้านหลังเซี่ยเก๋อขอรับ”

“เซี่ยเก๋อ?”

สวี่ชีอันลอบคิดในใจว่านี่มันชื่ออะไรกันนี่

“เซี่ยเก๋อคือสถานที่ที่พวกนางข้าหลวงอาศัยอยู่ขอรับ” ขันทีน้อยเอ่ยตอบ

นางข้าหลวงแบ่งออกเป็นระดับขั้นต่างๆ นางข้าหลวงที่มียศสูงเรียกว่านางใน ทั้งมีระดับและมีชื่อเรียกตำแหน่งด้วย ตัวอย่างเช่นเจี๋ยอวี้ เหม่ยเหริน ไฉเหริน อวี้หนี่ว์ ไฉหนี่ว์

นางข้าหลวงประเภทนี้มีโอกาสที่จะได้ปรนนิบัติจักรพรรดิแล้วกลายเป็นที่โปรดปราน แต่แน่นอนว่าในยุคที่จักรพรรดิหยวนจิ่งยังคงนั่งบัลลังก์ พวกนางก็อย่าแม้แต่จะหวัง

ระดับรองลงมาคือนางข้าหลวงที่ปรนนิบัติข้างกายพระสนม

ระดับต่ำสุดก็คือนางกำนัลใช้แรงงานที่พักรวมกันในหอพักใหญ่

เซี่ยเก๋อก็คือหอพักของนางข้าหลวงนั่นเอง

เดินไปคุยไป ไม่นานก็มาถึงห้องเก็บศพในพระราชวังแล้ว มันคือเรือนเล็กๆ อันเงียบสงบทางทิศใต้ ที่นี่ใช้เก็บศพผู้เสียชีวิตในวังด้วยโทษประหาร โรคภัยไข้เจ็บ หรืออุบัติเหตุ

บนเตียงไม้หยาบๆ มีศพร่างหนึ่งที่บวมอืดเล็กน้อยนอนอยู่

“เจ้าไปนำอุปกรณ์ชันสูตรศพมา ข้าจะผ่าพิสูจน์ศพ” สวี่ชีอันสั่ง

เขารู้สึกมีความสุขเล็กน้อย ชาติก่อนตอนทำงานอยู่ในหน่วยงาน เขามักจะถูกส่งไปดูการชันสูตรพลิกศพและเป็นลูกมือเสริมบ่อยๆ จึงได้สะสมความรู้และประสบการณ์อย่างมืออาชีพมามากมาย

จากตอนแรกที่ตกใจกลัวจนแทบอ้วกก็ค่อยๆ รับมือได้ กระทั่งต่อมาก็สามารถลงมือเองโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี สวี่ชีอันพบว่าตนชื่นชอบการผ่าศพพอสมควรเลยทีเดียว

หลังจากมาถึงโลกใบนี้ ได้พบเจอคดีมาไม่น้อย แต่โอกาสผ่าร่างกลับมีไม่มาก

พระสนมฝูคือบุตรีของอดีตจักรพรรดิ ข้าแตะต้องไม่ได้ แต่นางข้าหลวงตัวเล็กๆ ผู้นี้ ข้าคงผ่าท้องแยกไส้ได้อยู่กระมัง…ถ้าสดใหม่กว่านี้ก็ดีน่ะสิ

คิดพลางก็ปลดเสื้อผ้าของนางข้าหลวงไปพลาง

“เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้าสุนัขรับใช้ เจ้าเข้าวังมาทำไมไม่ส่งคนมาบอกข้า…”

เสียงไพเราะลิงโลดขององค์หญิงหลินอันดังมาจากด้านนอก จากนั้นร่างในอาภรณ์แดงก็พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่ประตู

“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ”

หลินอันมองไปที่ชุดชั้นในของศพหญิงสาวที่อยู่ในมือของสวี่ชีอัน รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์บนใบหน้าแข็งค้างทันที

ที่ด้านหลัง ฮว๋ายชิ่งในชุดกระโปรงพลิ้วไหวสีขาวก็เดินข้ามธรณีประตูเข้ามาเช่นกัน นางเหลือบมองสวี่ชีอัน จากนั้นสายตาก็ตกลงบนชุดชั้นในด้วย

กระอักกระอ่วนนิดหน่อยแฮะ…สวี่ชีอันสีหน้าไม่เปลี่ยน “ตรวจสอบศพ กำลังจะผ่าพิสูจน์พ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าอย่าไปแตะต้องของน่ารังเกียจนั่นนะ”

ยายตัวร้ายย่ำเท้าไปมา นางกวาดตามองร่างเปล่าเปลือยของศพหญิงสาว ดวงตาก็หดเกร็งทันที

เรื่องนี้องค์หญิงฮว๋ายชิ่งก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เอ่ยแนะนำว่า “เหตุใดไม่ให้ผู้ตรวจพิสูจน์ศพทำเล่า”

เพราะข้าชอบทำเรื่องแบบนี้น่ะสิ…สวี่ชีอันส่ายหน้าวางท่าขรึม แล้วอธิบายอย่างจริงจัง “องค์หญิงทั้งสอง พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเวลาจะทำการใดต้องลงมือทำเองทุกขั้นตอน ทั้งยังต้องพิถีพิถัน อย่าไปยืมมือคนอื่น ในสายตาของคนอื่น นี่เป็นคุณสมบัติดีเยี่ยมของความขยันหมั่นเพียร แต่สำหรับกระหม่อมแล้ว มันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง”

ยายตัวร้ายชื่นชอบทัศนคติในการทำงานของสวี่ชีอันมาก ฮว๋ายชิ่งใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับไม่เชื่อคำพูดผีสางของเขา

“องค์หญิงทั้งสองกลับไปดื่มชาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ รออีกประเดี๋ยว อย่าได้รั้งอยู่ที่นี่เลย” สวี่ชีอันคิดจะไล่ให้ไปพ้นๆ

ฮว๋ายชิ่งได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ออกไป แต่กลับเดินเข้ามาเพ่งมองอยู่ตรงหน้าศพหญิงสาว

“ศพถูกงมขึ้นมาเมื่อคืน หลังจากระบุตัวว่าเป็นหวงเสี่ยวโหรว ก็ถูกฉางกงกงนำไป” ฮว๋ายชิ่งกล่าว

“ข้าอยากจะอยู่ดู บางทีอาจมีเบาะแสที่ศพอยู่ก็ได้”

ฮว๋ายชิ่งคล้ายสนใจงานที่ต้องใช้สมอง ทั้งเดินหมาก ชำระประวัติศาสตร์ รวมถึงการไขคดีในตอนนี้ด้วย…สวี่ชีอันหันหน้าไปมองดวงตางดงามเป็นประกายขององค์หญิงใหญ่เงียบๆ

สายตาของฮว๋ายชิ่งหรี่ลงแล้วมองมาที่เขา ในน้ำเสียงให้ความรู้สึกเหมือนก้อนน้ำแข็ง เย็นสบายหูยิ่งนัก “หืม”

แค่คำว่า ‘หืม’ ธรรมดาๆ กลับแฝงความหมายว่า ‘เจ้าน้องชาย มีปัญหาอะไรหรือ’

สวี่ชีอันหลบสายตา ไม่มองใบหน้าไร้ที่ติขององค์หญิงใหญ่แล้ว จากนั้นก็หันไปหายายตัวร้าย “องค์หญิงรองล่ะ”

ยายตัวร้ายเหลือบมองฮว๋ายชิ่ง ก่อนเอ่ยอย่างลังเลเล็กน้อย “นี่มันจะสักแค่ไหนเชียว ข้าก็จะอยู่ด้วย”

“ได้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง