ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 245

บทที่ 245 กระบี่แห่งใจ (1)

“ขันทีน้อย เจ้าช่วยไปตรวจสอบนางข้าหลวงนามว่า ‘เหอเอ๋อร์’ ให้ข้าหน่อย”

สวี่ชีอันวางสมุดลง หันหน้าไปสั่งขันทีน้อยที่จักรพรรดิหยวนจิ่งส่งมาคุมตน

ขันทีน้อยออกไปตามคำสั่ง

หลังจากที่อีกฝ่ายออกไป สวี่ชีอันก็พลิกอ่านสมุดใหม่อีกครั้งทีละหน้าๆ ตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างจริงจัง

ข้าทนกับสมุดบัญชีของยุคโบราณไม่ไหวจริงๆ…ตัวอักษรก็เล็ก จำนวนขีดก็เยอะ อ่านจนปวดตาไปหมดแล้ว…สวี่ชีอันใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงจึงจะอ่านบันทึกการรับยาจ่ายยาของทั้งปีจบอย่างละเอียด

เขาปิดสมุดและมองขันทีอาวุโสผู้ดูแล แล้วเอ่ย “สุขาอยู่ที่ใด”

ขันทีอาวุโสตอบ “ลานด้านหลัง”

สวี่ชีอันไปสุขาในทันที ทว่าไม่ได้ควัก ‘ของลับ’ ของเขาออกมา แต่หยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมา หาหนังสือเวทมนตร์ฉบับขงจื๊อที่เหล่าปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มอบให้เขา

ฉีกวิชามองปราณออกหนึ่งหน้า แล้วจุดไฟเผา

แสงประกายทั้งสองพุ่งออกมาจากในดวงตา จากนั้นก็จางหายไปอย่างช้าๆ

หลังจากขจัดวิชามองปราณให้ตนเองแล้ว สวี่ชีอันก็กลับไปที่โถงด้านข้าง ถามขันทีอาวุโสด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ข้าพบว่าสมุดบัญชีมีปัญหา กงกงต้องให้คำอธิบายกับข้า”

“ใต้เท้าเชิญกล่าว” ขันทีอาวุโสเอ่ยอย่างใจเย็น

“หยวนจิ่งปี 32 น่าจะมียาเม็ดเข้าคลังทุกวันใช่ไหม”

“เรื่องนี้…เวลาล่วงเลยมาสี่ปีแล้ว ข้าก็จำได้ไม่แน่ชัดนัก” ขันทีอาวุโสรู้สึกว่าแววตาของฆ้องทองแดงผู้นี้นิ่งสงบลุ่มลึกราวกับน้ำวนที่หลบซ่อนอยู่ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจนัก

ไม่ได้โกหก…สวี่ชีอันถามต่อ “ยามที่ตรวจสมุด ข้าพบว่าบันทึกการรับยาจ่ายยาของวันที่ 10 เดือนสองกับวันที่ 20 เดือนสองในปีนั้นว่างเปล่า ในหลายวันนี้ไม่มียาเม็ดส่งมาเลยหรือ”

ขันทีอาวุโสยังคงส่ายหน้าด้วยใบหน้าขมขื่น “เรียนใต้เท้า เรื่องนี้ข้าก็ลืมแล้วเช่นกัน”

ยังคงไม่โกหก ขันทีอาวุโสคนหนึ่งไม่น่ามีอาวุธเวทมนตร์ที่กำบังโชคชะตาได้…อายุมากแล้วก็ไร้ประโยชน์ ขี้หลงขี้ลืม…สวี่ชีอันคืนสมุดให้ขันทีอาวุโส แล้วพูดกำชับ

“นำบันทึกเข้าออกห้องโอสถหลวงของในห้าวันนี้มาให้ข้า ข้าจะจัดคนไปช่วย”

ที่บอกว่าช่วยก็คือคอยกำกับขันทีอาวุโสนั่นเอง คนที่ถูกเลือกสวี่ชีอันก็คิดไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือขันทีน้อยที่จักรพรรดิหยวนจิ่งส่งมาคุมเขานั่นเอง

ขันทีน้อยผู้นี้เป็นหูเป็นตาให้จักรพรรดิหยวนจิ่ง ความคืบหน้าทุกย่างก้าวของเขาล้วนบังคมทูลรายงานจักรพรรดิหยวนจิ่งอย่างละเอียด

หลินอันเข้าไปใกล้ข้างหูสวี่ชีอันและกระซิบ “เจ้าสงสัยว่ามีคนฉีกทำลายสมุดงั้นหรือ”

“ยามที่ขันทีอาวุโสหาสมุด บนปกมีฝุ่นจับอย่างเห็นได้ชัด มีลายนิ้วมืออยู่ด้านบนหลายรอย รอยประทับเป็นของใหม่ ข้ากล้าฟังธงว่าไม่เกินห้าวัน”

สุดยอด!

องค์หญิงรองกล่าวชมเชยในใจ นับวันยิ่งเชื่อใจสวี่ชีอันมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วขันทีน้อยก็รีบมารายงาน สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก พูดจาอึกอัก

“ท่านออกไปก่อนเถิด” สวี่ชีอันสั่งให้ขันทีอาวุโสที่ดูแลห้องโอสถหลวงออกไป

ขันทีน้อยยังคงไม่ปริปาก ชำเลืองมองหลินอันอย่างระแวดระวัง

“ข้าก็ฟังไม่ได้หรือ” หลินอันเดือดดาล คิ้วเลิกขึ้นทันที

แม้ยายตัวร้ายจะไม่ค่อยฉลาดนัก โรคเจ้าหญิง[1]ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจไม่หายไปสักนิด จะดีก็แต่ลำเอียงเข้าข้างข้าเท่านั้น…สวี่ชีอันขมวดคิ้วเอ่ย “พูดมาเถอะ”

ขันทีน้อยกลืนน้ำลาย เตรียมใจอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “เหอเอ๋อร์เป็นคนของตำหนักฮองเฮาขอรับ”

ภายในโถงด้านข้างตกอยู่ในความเงียบสงัดในบัดดล

เหอเอ๋อร์คนของตำหนักฮองเฮา มิน่าเมื่อฮว๋ายชิ่งได้ยินชื่อของเหอเอ๋อร์ อารมณ์ก็ไม่ปกตินัก…กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนที่ช่วยชีวิตหวงเสี่ยวโหรวในตอนต้นก็คือฮองเฮา…ถ้าพูดกลับกันหวงเสี่ยวโหรวก็ติดหนี้บุญคุณฮองเฮามหาศาล

ซึ่งบทบาทที่นางได้รับในคดีนี้คือวางแผนสังหารพระสนมฝูและเป็นกองนำในการใส่ร้ายองค์รัชทายาท…ฮองเฮามีปัญหาแล้ว

“ฮืดฮาด…”

ในระหว่างที่ความคิดผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาก็ได้ยินเสียงหายใจหอบหนักของหลินอันข้างกาย

แย่ล่ะ…

“ข้าจะไปเข้าพบเสด็จพ่อ”

หลินอันกัดฟันกรอดทิ้งท้ายประโยค ก่อนจะพลันลุกขึ้นแล้วเดินจากไป

สวี่ชีอันรีบดึงมือนางเอาไว้ แล้วพูดปลอบขวัญ “องค์หญิง ตัดสินตอนนี้ยังเร็วเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ เหอเอ๋อร์เป็นคนของฮองเฮา หวงเสี่ยวโหรวติดหนี้บุญคุณฮองเฮาเป็นล้นพ้น ฮองเฮาคิดจะสังหารเสด็จพี่องค์รัชทายาทของข้ามาโดยตลอด เพื่อให้โอรสของนางสืบทอดตำแหน่งองค์รัชทายาท แรงจูงใจก็มากพอแล้วมิใช่หรือ” หลินอันหันหน้ามาถลึงตาจ้องมอง

“ที่เจ้าขวางข้าในตอนนี้ เพราะในใจยังมีฮว๋ายชิ่งใช่หรือไม่”

นางหมายถึงเรื่อง ‘เปลี่ยนสังกัด’ อย่างไรเสียนางก็แย่งชิงสวี่ชีอันมาจากฮว๋ายชิ่ง

อะไรวะเนี่ย คำพูดเจ้านี้ฟังดูเหมือนข้ากินฮว๋ายชิ่งเสร็จก็มากินเจ้าต่ออย่างไรอย่างนั้น หากไปถึงหูของจักรพรรดิหยวนจิ่งเข้า คงมีรับสั่งให้บั่นคอข้าแน่นอน…สวี่ชีอันชำเลืองมองขันทีน้อยแล้วเอ่ยเสียงทุ้ม

“เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงฮองเฮา เพิ่งจะตรวจพบนางข้าหลวงเพียงคนเดียว เจ้าก็เอะอะโวยวายจะยัดข้อกล่าวหาสังหารพระสนมฝูและทำร้ายองค์รัชทายาทไปให้ฮองเฮาเสียแล้ว หากภายหลังพบว่าฮองเฮาถูกใส่ความล่ะ”

ยายตัวร้ายแผดเสียง “ข้าไม่สนๆ องค์รัชทายาทเป็นพี่ชายของข้า”

“องค์หญิง! ” สวี่ชีอันจ้องนางตาเขม็ง เพิ่มน้ำเสียงให้หนักแน่นขึ้น

“…ฮึ! ” หลินอันข่มอารมณ์ แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาสิว่าจะทำอย่างไร”

คนที่คุ้นเคยกับนิสัยของนางดีไม่อยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นคงต้องประหลาดใจที่เห็นองค์หญิงรองผู้ดื้อรั้นเอาแต่ใจ ยามอยู่ต่อหน้าฆ้องทองแดงผู้ต่ำต้อยกลับน่ารักน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้

“ตรวจสอบต่อไป องค์หญิงคอยสังเกตความคืบหน้าอย่างเงียบๆ ก็พอ”

หลินอันส่งเสียง ‘ฮึ’ อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับข้อสรุปนี้ ทว่าก็ไม่ได้ทำท่าปั้นปึงอีก

สวี่ชีอันหันหน้าไปพูดกับขันทีน้อย “ผลลัพธ์ของวันนี้ กงกงน้อยจะต้องกราบทูลฝ่าบาทอย่างละเอียด แต่จำไว้ว่าพูดสั้นๆ ง่ายๆ เล่าแค่เรื่องคดีไม่ต้องบอกอย่างอื่น”

ความสัมพันธ์ของข้ากับหลินอันก็หวังว่าเจ้าจะตัดไปออกได้…สวี่ชีอันพูดในใจ

ขันทีน้อยนึกถึงคำเตือนของพ่อบุญธรรมในวันนั้น ในใจพลันตื้นตันหาใดเปรียบ ใต้เท้าสวี่แม้นิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เนื้อแท้ช่างใจงาม ยังรู้จักเป็นกังวลแทนคนต่ำต้อยเช่นข้าด้วย

“ใต้เท้าสวี่โปรดวางใจ ข้าจะพูดแค่คดี จะไม่ปากมากขอรับ” ขันทีน้อยพูดเสียงดัง

ขันทีน้อยผู้นี้รู้งานดีแฮะ…สวี่ชีอันส่งเสียง ‘อืม’ แล้วเอ่ย “อีกประเดี๋ยวเจ้าไปพบขันทีผู้ดูแลห้องโอสถหลวง เอารายชื่อมาจากเขา รายชื่อการเข้าออกห้องโอสถหลวงของในห้าวันนี้ จากนั้นเจ้าก็แอบไปให้ทหารยามตรวจสอบ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง