บทที่ 278 บทกวี
เมื่อตามหน่วยองครักษ์ราชวัลลภมาถึงสวนเต๋อซิน เขาก็ได้รับแจ้งว่าฮว๋ายชิ่งเพิ่งฝึกดาบเสร็จและกำลังสรงน้ำ สวี่ชีอันจึงรออยู่ข้างนอก
เฮ้อ เจ้าได้ยินว่าข้าจะมาจึงจงใจไปอาบน้ำใช่หรือไม่…สวี่ชีอันตะโกนในใจ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรออยู่ข้างนอกสวนเต๋อซินเป็นเวลาสองเค่อ นางข้าหลวงที่สวมชุดชาววังสีเหลืองอ่อนก้าวข้ามธรณีประตูออกมาและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “ใต้เท้าสวี่ องค์หญิงเรียนเชิญ”
เมื่อเข้าไปในตำหนักหรู เขาก็เห็นฮว๋ายชิ่งที่ล้างตัวแล้วในห้องโถงด้านหน้าที่ต้อนรับแขก ใบหน้ารูปไข่อันงดงามล้ำเลิศของนางแดงระเรื่อ ดวงตาเปล่งประกาย
เป็นผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์มากมาย มีเกียรติและสง่างามน้อยกว่า
ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา
แบบนี้ถึงจะมีความเป็นผู้หญิง วันๆ สง่างามและมีเกียรติ ถือความเย่อหยิ่งขององค์หญิงไม่วาง ไม่น่ารักเลยสักนิด…สวี่ชีอันกุมหมัด
“กระหม่อมขอคารวะพระองค์”
ฮว๋ายชิ่งสั่งให้นางข้าหลวงยกน้ำชาเข้ามา เอ่ยด้วยเสียงอันสุขุมไพเราะ “ใต้เท้าสวี่มาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ”
“ญาติผู้น้องของกระหม่อมสอบได้เป็นฮุ่ยหยวน แต่เขามาจากสำนักอวิ๋นลู่ กระหม่อมจึงกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขา” สวี่ชีอันขอคำปรึกษาอย่างจริงใจ
“ไม่ทราบว่าพระองค์มีความคิดอะไรดีๆ หรือไม่”
เรื่องที่ตัวเองคิดไม่ตก การปรึกษาคนฉลาดคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ต้องเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือมนุษย์ทั้งหมดอย่างสมเหตุสมผล หากองค์หญิงใหญ่ไม่มีความคิดเห็น เขาก็จะไปถามเว่ยเยวียน
ดวงตาของฮว๋ายชิ่งเปล่งประกาย นางจิบน้ำชาและเข้าใจความคิดของสวี่ชีอันทันที นี่เป็นเพราะไม่อยากให้สวี่ฉือจิ้วถูกนาบตรา ‘พรรคขันที’
ทางหนีทีไล่ คนฉลาดจะไม่มีวันเอาเบี้ยต่อรองมารวมไว้ในที่เดียว
‘แม้สวี่หนิงเยี่ยนจะเป็นทหาร แต่เขาก็ฉลาดมาก…’ ฮว๋ายชิ่งยิ้ม “เจ้าเคยไปชิงโจวแล้ว เจ้ารู้จักที่นั่นมากน้อยแค่ไหน?”
“การบริหารของเจ้าหน้าที่ ฆราวาสจื่อหยางปกครองชิงโจวอย่างเป็นระเบียบ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สวี่ชีอันก็เข้าใจความคิดของฮว๋ายชิ่งทันที ตอนนี้ในชิงโจว ฆราวาสจื่อหยางเป็นผู้มีสิทธิ์มีเสียงแต่เพียงผู้เดียว การมีเขาอยู่ดูแลชิงโจว หากบัณฑิตของสำนักอวิ๋นลู่ไปดำรงตำแหน่งที่ชิงโจว พวกเขาก็จะแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่และไม่ถูกระงับแน่นอน
“ชิงโจวเป็นสุขาวดีที่สำนักอวิ๋นลู่ก่อตั้งเพื่อเหล่าบัณฑิตของลัทธิขงจื๊อ” องค์หญิงใหญ่ไม่ได้คิดจะอุบไว้
นี่…ข้าก็มีน้องชายที่สืบสกุลคนเดียว ข้าทำใจให้เขาไปที่ชิงโจวไม่ได้ น้องเดินทางไปพันลี้ พี่เป็นห่วง!
สวี่ชีอันถอนหายใจ “กระหม่อมเข้าใจแล้ว”
ช่างเถอะ ให้เอ้อร์หลางดำรงตำแหน่งในเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธีทีหลัง บางทีเขาอาจจะหาผู้สนับสนุนได้ด้วยตัวเอง
“จริงสิ ไม่รู้ว่าพระองค์มีความสนใจนิทานหรือนิยายบ้างหรือไม่” สวี่ชีอันเผยเจตนา
“ข้าไม่เคยอ่านของเหล่านั้น”
น้ำเสียงอันเย่อหยิ่งขององค์หญิงฮว๋ายชิ่ง ราวกับสาววุฒิปริญญาเอกคนหนึ่งพูดว่า ‘นวนิยายออนไลน์หรือ เอ่อ ฉันไม่เคยอ่านของแบบนั้นหรอก!’
“กระหม่อมพบหนังสือดีๆ เล่มหนึ่ง พระองค์ทรงลองอ่านดูได้ในยามว่าง…อ้อ ต้องช่วยกระหม่อมเก็บเป็นความลับด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชีอันหยิบ ‘ราชินีจอมเผด็จการตกหลุมรักข้า’ ออกมาจากหน้าอกและวางไว้บนโต๊ะ
ฮว๋ายชิ่งไม่แม้แต่จะมอง เพียงแค่พยักหน้าตามมารยาทเท่านั้น
หลังจากส่งสวี่ชีอันกลับไป นางก็กำลังจะสั่งให้นางข้าหลวงเอานิยายไปเก็บและจัดการมันด้วยตัวเอง แต่เมื่อกวาดตามองหน้าปก ดวงตาของนางก็หยุดชะงักทันที
ราชินีจอมเผด็จการตกหลุมรักข้า…ราชินี?!
‘เป็นชื่อหนังสือที่อุกอาจมาก…’ ฮว๋ายชิ่งสนใจขึ้นมาทันที จริงๆ นางก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จะอ่านสักเล็กน้อยก็ไม่เสียหายอะไร
ดังนั้นนางจึงนั่งลงอีกครั้งและเปิดนิยายที่มีชื่อเรื่องอุกอาจเล่มนี้
เรื่องเล่าถึงนักปราชญ์ที่พลาดตกสู่ทางมารคนหนึ่ง เขาเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และเต็มไปด้วยความรู้ แต่ผู้คนในโลกปีศาจต้องการกินนักปราชญ์ พวกเขาจึงตั้งกระทะเตรียมที่จะทอดเขา
เวลานี้ราชินีก็ปรากฏตัวขึ้น นางเป็นปัญญาชนเพียงคนเดียวในโลกปีศาจ ซึ่งมีสติปัญญากับวัฒนธรรมที่สูงมาก นางช่วยชีวิตนักปราชญ์และเลี้ยงดูเขาในวังหลังของตัวเอง ทั้งสองคนประชันการท่องบทกลอนและหารือกันทุกอย่าง
ระหว่างนั้น นางก็แสดงนิสัยบ้าอำนาจและดุร้ายของตนเองออกมาอย่างเต็มที่ แต่ภายในใจของนางนั้นสนใจนักปราชญ์มาก แต่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร คำติดปากที่นางชอบกล่าวที่สุดคือ ‘บุรุษโง่เขลา เจ้ากำลังเล่นกับไฟ’
ฮว๋ายชิ่งไม่เคยเห็นนิยายที่น่าสนใจเช่นนี้มาก่อน มันไม่มีความลึกซึ้งอะไรเลย และไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ เสมือนฟ้ากับเหวเมื่อเทียบกับตำราโบราณที่เข้าใจยากที่นางชอบอ่าน
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต บทสนทนาก็น่าเบื่อ แต่กลับดูเหมือนมีพลังวิเศษ
ทำให้ฮว๋ายชิ่งอดไม่ได้ที่จะอยากเห็นราชินีที่…แสดงความสามารถหลายๆ อย่างออกมา?!
ใช่ การแสดงความสามารถ
เหยียบย่ำบุรุษไว้ใต้ฝ่าเท้า เลี้ยงดูเขาไว้ในวังหลัง ปฏิบัติกับเขาด้วยความบ้าอำนาจและดุร้าย ทว่าแม้นางจะดุร้ายเช่นนี้ ภายในใจก็ยังคงมีความอ่อนโยน
ส่วนนักปราชญ์คนนั้นก็ยอมจำนนต่อราชินีและคิดถึงนางตลอดทุกหนแห่ง เขามักจะโกรธและหึงหวงเพราะนางไปดื่มเหล้ากับเหล่าแม่ทัพแห่งโลกปีศาจ
ไม่ทันไรก็พลบค่ำโดยไม่รู้ตัวแล้ว นางอ่านอยู่นานกว่าสองชั่วยาม
ฮว๋ายชิ่งพบข้อดีของนิยายเรื่องนี้อีกข้อหนึ่งคือ มันไม่จำเป็นต้องใช้สมอง
ความสนใจของนางหมดลง
หลังจากหมดความสนใจ จู่ๆ ฮว๋ายชิ่งก็เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมา ข้าทำอะไรลงไป
‘ข้าอ่านหนังสือที่ไร้ประโยชน์และไม่มีความรู้เช่นนี้เป็นเวลาสองชั่วยาม?! นี่ต่างอะไรกับการเสียเวลาชีวิต ข้าเสียเวลากับพลังงานไปกับสิ่งที่ไร้ซึ่งประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร’
นางรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งกับเรื่องนี้
“ก็แค่หนังสืออ่านนอกเวลาเล่มเดียว…”
ฮว๋ายชิ่งโยนหนังสือไว้ข้างๆ อย่างดูถูก นางลุกขึ้นและเดินออกจากห้องรับรองไป ไม่กี่นาทีต่อมา นางก็ย้อนกลับมาอีกครั้งและซ่อนหนังสือไว้ในแขนเสื้อแล้วนำออกไป
‘ไม่ใช่เพราะจะอ่านทบทวนอีกรอบเมื่อเข้านอนตอนกลางคืน แต่หนังสือเล่มนี้ไม่อาจให้ผู้อื่นเห็นได้เช่นเดียวกับหนังสือลับในห้องสตรีเหล่านั้น มิอาจแพร่งพรายได้…’
…
ในเวลาเดียวกัน ณ สวนเส้าอิน หลินอันจมอยู่ใน ‘มหากาพย์รักแห่งสวรรค์’ จนโงหัวไม่ขึ้น
“ที่…ที่แท้ชายหญิงรักชอบกันก็เป็นเรื่องเช่นนี้เอง…อ๊ากกก เจ้าสุนัขรับใช้ให้ข้าอ่านของแบบนี้ได้อย่างไร”
หลินอันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำ เมื่ออ่านถึงเนื้อหาห้าพันคำที่เทพธิดาจื่อเสียมีอะไรกับหลงเอ้าเทียน นางก็ตะโกนว่า “น่าเกลียดๆ”
พลางอ่านทีละตัวอักษรจนจบและจินตนาการภาพออกมา
จากนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนรุ่ม ขาสองข้างถูกันเป็นครั้งคราว ใบหน้ากลมมนแดงราวกับแอปเปิลสุก นัยน์ตาดอกท้อเดิมก็มีเสน่ห์อยู่แล้ว หลังจากปกคลุมไปด้วยละอองน้ำ ยิ่งส่งสายตาหวานดุจดั่งเส้นไหมยิ่งดูเย้ายวนมาก
แต่การแต่งเรื่องราวความรักระหว่างชายหญิง แก่นของเรื่องคือเรื่องราวความรักของเทพธิดาจื่อเสียมีอะไรกับหลงเอ้าเทียน
สองในสามตอนต้นเป็นความรักอันหวานชื่น หนึ่งในสามตอนหลังเป็นคมมีด
เมื่ออ่านถึงหลงเอ้าเทียนถูกฉีกผิวหนังหักกระดูก เข้าสู่วังวนการเกิดใหม่เป็นปศุสัตว์ชั่วนิรันดร์ ส่วนเทพธิดาจื่อเสียถูกคุมขังในวังกวงฮานตลอดกาล หลินอันก็พบว่าหมอนเปียก
เธอสูดน้ำมูกและเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ทำไมถึงไม่มีต่อจากนี้แล้วล่ะ เจ้าสุนัขรับใช้ ทำไมถึงไม่มีต่อจากนี้แล้ว”
หลังจากก่นดุอย่างขุ่นเคืองเรียบร้อยแล้ว นางก็เรียกนางข้าหลวงเข้ามาและพูดว่า “ข้าจะอาบน้ำ เตรียมน้ำร้อนด้วย”
“?”
นางข้าหลวงพูดด้วยความประหลาดใจ “ใกล้จะเสวยพระกระยาหารแล้ว จะสรงน้ำเวลานี้หรือเพคะ”
ยายตัวร้ายพาลโกรธทันที “บอกให้เจ้าไปก็ไปสิ”
ไม่นานนัก น้ำร้อนก็ถูกต้ม หลังจากนางข้าหลวงปรับอุณหภูมิน้ำเสร็จ นางก็มาปรนนิบัติหลินอันอาบน้ำ
เรือนร่างอันขาวละมุนของนางแช่อยู่ในน้ำ บนผิวน้ำมีกลีบดอกไม้ลอยอยู่ เผยให้เห็นไหล่ที่กลมมนกับเรียวบางและกระดูกไหปลาร้าที่เปราะบาง
“พวกเจ้าว่า ในบรรดาทหารรักษาพระองค์รอบกายข้า ใครหล่อเหลาที่สุด มีความสามารถมากที่สุด น่าสนใจที่สุดและจงรักภักดีต่อข้ามากที่สุด” จู่ๆ หลินอันก็ถามขึ้นมา
“ทุกคนล้วนจงรักภักดีเพคะ ส่วนน่าสนใจกับมีความสามารถ หม่อมฉันก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่หากไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ หม่อมฉันก็มีตัวเลือกในใจ”
“ใคร!” ยายตัวร้ายถามทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง