ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 289

บทที่ 289 เข้าสู่สนามอย่างยิ่งใหญ่ (2)

“ท่านพ่ออย่าได้หวาดกลัวเลย พี่ใหญ่เป็นถึงฆ้องเงิน เว่ยกงชื่นชมเขานักหนา ย่อมไม่ถือสาหลิงอินหรอก” สวี่เอ้อร์หลางกล่าว

สวี่ผิงจื้อถอนหายใจ

คนหนุ่มสาวไม่เข้าใจความน่ากลัวของเว่ยเยวียน ผู้ที่เคยประสบกับสงครามที่ด่านซานไห่ล้วนไม่คิดว่าเว่ยเยวียนจะเป็นคนที่เป็นมิตรน่าเข้าหา

เวลาผ่านไปอย่างเนิบช้า อาหารตรงหน้าเว่ยเยวียนก็น้อยลงเรื่อยๆ เขาเหลือบมองท้องเล็กๆ ของสวี่หลิงอิน ก่อนจะขมวดคิ้วและวางมือบนศีรษะนาง

จากนั้นเขาก็กดบีบทั่วร่างเด็กสาวอยู่นาน

“น่าเสียดาย” เว่ยเยวียนกล่าวด้วยความเสียดาย

“พ่อบุญธรรม มีอะไรหรือขอรับ” หยางเยี่ยนเอ่ยถาม

“เด็กคนนี้กระดูกแข็งแรง รากฐานล้ำลึกโดยกำเนิด แต่ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและกระดูกกลับอ่อนแอ ไม่เหมาะจะฝึกวรยุทธ์” เว่ยเยวียนส่ายหัว

“ไม่แปลกใจเลยที่กินเก่งถึงเพียงนี้ เด็กคนนี้เป็นเจ้าทึ่มไม่เอาไหนกระมัง” หนานกงเชี่ยนโหรวหัวเราะ

“ถุย ถุย ถุย…” สวี่หลิงอินถ่มน้ำลายใส่เขา คิ้วเล็กๆ เลิกขึ้น “ท่านเป็นคนไม่ดี”

นางยังจำพี่ชายท่านนี้ได้ เคยมาหาที่บ้านและโกหกว่าพี่ใหญ่เสียชีวิตแล้ว ทำเอาท่านพ่อและท่านแม่ร้องไห้เสียใจกันอยู่นาน

หนานกงเชี่ยนโหรวพ่นลมอย่างเย็นชา ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อเพื่อเช็ดน้ำลายที่ขากางเกง

ไม่ทันรู้ตัว เวลาก็มาถึง ไต้ซือตู้เอ้อร์ที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้ซุ้มไม้ก็ลืมตาขึ้น เสียงของเขาดังกังวาน “ท่านโหราจารย์ ท่านคงรู้ว่าเมล็ดเจี้ยก่อเกิดเขาพระสุเมรุ”

“ก็แค่กุศโลบายเด็กๆ!”

บนสวรรค์ชั้นเก้ามีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น

ที่ลานแสดง ไม่ว่าชนชั้นสูงหรือชาวบ้านทั่วไปต่างแสดงอารมณ์ตื่นเต้น

การแสดงเริ่มแล้ว!

ไต้ซือตู้เอ้อร์หยิบบาตรทองออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนออกไปอย่างนุ่มนวล

‘เพล้ง!’

บาตรทองหนักกว่าหนึ่งพันจิน หินชนวนที่ตอกลงไปก็แตกและฝังลึกลงไปในดิน

แสงสีทองบริสุทธิ์พุ่งจากบาตรแผ่ขึ้นฟ้า แสดงให้เห็นภูเขาสูงและขั้นบันไดหินคดเคี้ยวไปจนสุดชายป่าบนภูเขา

บนยอดเขามีวัดหนึ่งตั้งอยู่อย่างเลือนราง

“เคล็ดวิชาเทพเซียน…” อาสะใภ้อ้าปากค้าง

ยกเว้นทหารที่มีตบะบำเพ็ญ ไม่มีใครที่เห็นฉากนี้แล้วยังสามารถระงับสีหน้าท่าทางของตัวเองไว้ได้ เสียงโหวกเหวกโวยวายเริ่มดังไปทั่วสารทิศ

“พ่อบุญธรรม เมล็ดเจี้ยก่อเกิดเขาพระสุเมรุคืออะไรหรือขอรับ” หนานกงเชี่ยนโหรวขมวดคิ้ว

“เป็นการพาดพิงถึงพระพุทธศาสนา” เว่ยเยวียนเหลือบมองสวี่หลิงอินที่เมินเฉยต่อสิ่งรอบตัวแล้วเอ่ยตอบเบาๆ

“เขาพระสุเมรุซ่อนเมล็ดเจี้ย เมล็ดเจี้ยก่อเกิดเขาพระสุเมรุ ว่ากันว่าในพระหัตถ์ของพระพุทธเจ้ามีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง เรียกว่าเขาพระสุเมรุ นั่นคือศาสนสถานของพระองค์ ไม่ว่าพระองค์จะไปที่ไหน ศาสนสถานก็อยู่ที่นั่น”

หยางเยี่ยนหวนนึกถึงยุทธการที่ด่านซานไห่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ฉากพระชั้นสูงส่งกองกำลังทหาร ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ดินแดนพุทธในฝ่ามืองั้นหรือ”

เว่ยเยวียนพยักหน้า “ในบาตรทองมีภูเขาซ่อนอยู่”

“จิ้งซือ เจ้าเข้าไปในภูเขาและควบคุมด่านที่สอง” ไต้ซือตู้เอ้อร์สั่ง

พระรูปงามในชุดคลุมสีน้ำเงินยืนขึ้น ประสานมือคำนับ จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในบาตรทองต่อหน้าผู้คนมหาศาล

วินาทีถัดมาม้วนภาพที่กางขึ้นสู่ท้องฟ้าก็ฉายภาพพระหนุ่มกำลังปีนขึ้นไปบนภูเขา

เขาขึ้นบันไดอย่างไม่เร่งรีบ เมื่อถึงไหล่เขาก็นั่งลงในท่าขัดสมาธิ

แสงสีทองที่สาดลงมาจากท้องฟ้ากลับไปรวมตัวกันที่ร่างของเขา ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองเป็นชั้นๆ ดูราวกับรูปปั้นทองคำ

“ที่แท้ในโลกนี้ก็มีเมล็ดเจี้ยก่อเกิดเขาพระสุเมรุจริงๆ” สวี่ชีอันพูดไม่ออก

หยางเชียนฮ่วนที่หันหลังให้เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เมล็ดเจี้ยก่อเกิดเขาพระสุเมรุหรือที่รู้จักกันว่าดินแดนพุทธในฝ่ามือ แต่คงจะเป็นดินแดนที่ไม่มีผู้นำ ซ่อนอยู่ในบาตรบาตรนั่น”

“หากมีผู้นำในดินแดนพุทธ ชนะหรือแพ้อยู่ระหว่างความคิดของผู้นำแล้ว ซึ่งก็ยุติธรรมดี”

ฉู่ไฉ่เว่ยหยิบของหวานใส่ในอกเสื้อให้เขาแล้วเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “สวี่หนิงเยี่ยน ไปเถอะ เอาไว้กินระหว่างทางขึ้นเขา”

“ขอบคุณ แต่ข้ายังไม่หิว” สวี่ชีอันปฏิเสธ

ด้านหลังเขา กลุ่มโหรชุดขาวคะยั้นคะยอ “ไปเถอะ คุณชายสวี่ ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านโหราจารย์ถึงเลือกเจ้า แต่ท่านอาจารย์ย่อมต้องมีเหตุผลของเขา”

“ต้องคว้าชัยชนะกลับมาให้ได้นะ คุณชายสวี่”

จะคว้าชัยมาได้หรือไม่ไว้ค่อยว่ากันเถอะ โอกาสดีๆ แบบนี้ ต่อหน้าคนทั้งเมืองหลวง ข้าต้องมั่นใจไว้ก่อน…สวี่ชีอันตบไหล่หยางเชียนฮ่วนแล้วกล่าวว่า

“ศิษย์พี่หยาง หลังจากวันนี้ท่านจะเข้าใจว่าอะไรคือการสำแดงต่อหน้าผู้คน!”

ด้านนอกลาน บนหลังคาร้านอาหารหนึ่ง นักดาบชุดดำฉู่หยวนเจิ่นและเหิงหย่วน ชายหัวโล้นรูปร่างกำยำกำลังยืนเคียงไหล่กันมองดูพระหนุ่มจิ้งซือที่เปล่งแสงสีทองพร่างพราย ขณะนั้นก็กระดกลิ้นเสียงดัง ‘เต๊าะ’ หนึ่งที

“ภิกษุร่างทองอร่าม โลกแห่งเขาพระสุเมรุเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างระดับเพชรของจิ้งซือ ความแข็งแกร่งของสวี่หนิงเยี่ยนในตอนนี้ไม่มีทางตัดขาดแน่”

เหิงหย่วนอารมณ์ซับซ้อนเล็กน้อย ตามหลักแล้วเขาเป็นสาวกศาสนาพุทธก็ควรยืนอยู่ฝ่ายสำนักพุทธ ทว่าเขาก็เป็นคนของต้าฟ่งด้วยเช่นกัน อีกทั้งคนที่ออกไปสู้ยังเป็นบุรุษแซ่สวี่ผู้มากคุณธรรม

“ว่าแต่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ได้รับสารของข้า” ฉู่หยวนเจิ่นถาม

“นักบวชเต๋าจินเหลียนสกัดมันไว้” เหิงหย่วนกล่าว

เมื่อเช้าฉู่หยวนเจิ่นมารับเขาเพื่อไป ‘รับชมการแสดง’ ด้วยกันและเอ่ยถามถึงเรื่องสารเมื่อคืน หลังจากทั้งสองพูดคุยกันต่อหน้าแล้วก็เห็นพ้องว่านักบวชเต๋าจินเหลียนสกัดหมายเลขสี่ไว้

“ข้ารู้ว่านักบวชเต๋าจินเหลียนสกัดสารของข้า แต่ว่าทำไปเพื่ออะไรกัน” ฉู่หยวนเจิ่นแสดงความไม่เข้าใจ

“นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่ต้องการให้เจ้าบอกว่าสวี่ชีอันคือตัวแทนพิธีต้าวฮวดของสำนักโหราจารย์กระมัง”

“อ้อ แล้วเจ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลหรือไม่” ฉู่หยวนเจิ่นยิ้ม

“ไม่สมเหตุสมผลเลย” เหิงหย่วนส่ายหัว

“ข้าคิดอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา” ฉู่หยวนเจิ่นพึมพำ เขาไม่ได้สนใจปัญหานี้อีก ก่อนจะถามกลับไป

“เจ้ารออยู่ที่จุดเปลี่ยนพักม้าสามวัน ได้อะไรบ้างหรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง