บทที่ 296 สองบทสนทนา
“ราชครู ราชครู”
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าตะโกนเรียกสองสามครั้งและพบว่าลั่วอวี้เหิงมีสีหน้าตะลึงงัน สายตาล่องลอยเหมือนกับหยกงาม งดงาม แต่ไม่ปราดเปรื่อง
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าเอื้อมมือไปผลัก แต่ก็ถูกกำแพงปราณขวางไว้
…
เมืองชั้นนอก ลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง
แสงสลัวที่คนธรรมดาไม่อาจจับได้พุ่งลงมาและตกลงในลาน กลายเป็นหญิงงามที่สวมชุดคลุมเต๋าสีดำและมงกุฎดอกบัวบนศีรษะ
นางมีดวงตากลมโตและแก้มสีพีช ใบหน้างดงาม ผมสีดำสลวย ชุดคลุมเต๋าหลวมโคร่งก็ไม่อาจซ่อนเนินอกอันน่าภาคภูมิใจได้
ลั่วอวี้เหิงผลักประตูเข้าไป เห็นนักบวชเฒ่าผมหงอกขาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
นางรวบรวมสมาธิครู่หนึ่ง ยื่นมือเปล่าออกมาจากในชุดคลุมเต๋าหลวมโคร่งและคว้าไว้ในทันที
ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างที่ลวงตาเล็กน้อยก็กลับมาจากที่ไกลๆ และถูกนางดูดเข้าไปในฝ่ามือ นางสะบัดแขนเสื้อและส่งเข้าไปในร่างเนื้อของนักบวชเฒ่า
นักบวชเต๋าจินเหลียนลืมตาขึ้น นั่งขัดสมาธิและเอ่ยอย่างจำใจ “ข้ากำลังเร่งรุดเดินทางกลับมา”
ขณะที่พูด นักบวชเต๋าจินเหลียนก็มองพินิจเรือนร่างสูงโค้งเว้าของลั่วอวี้เหิงและถามว่า “แม้แต่จิตหยางก็ถอด เร่งรีบเช่นนี้ ศิษย์น้องมีเรื่องสำคัญอันใดหรือ”
ลั่วอวี้เหิงไม่พูดจาไร้สาระและถามอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าได้ดูพิธีต้าวฮวดวันนี้หรือไม่”
นักบวชเต๋าจินเหลียนพยักหน้า
“มีดแกะสลักของลัทธิขงจื๊อปรากฏขึ้น”
นักบวชเต๋าจินเหลียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าเล็กน้อย
“ข้าขอถามเจ้า สวี่ชีอันเป็นใครกันแน่” ลั่วอวี้เหิงก้าวไปข้างหน้า ดวงตาของนางเป็นประกาย
“เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง” คำตอบของนักบวชเต๋าจินเหลียนลังเลเล็กน้อย
“คนธรรมดาสามารถใช้มีดแกะสลักของลัทธิขงจื๊อได้หรือ” ลั่วอวี้เหิงยิ้มเย็น
นักบวชเต๋าจินเหลียนขมวดคิ้วและไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นพักใหญ่ เขาก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “ตอนที่ข้าพบเขา ข้าเห็นว่าเขาเป็นคนดวงดีโชคหนัก จึงมอบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีให้เขา และหยิบยืมความโชคดีของเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการตามรอยของจื่อเหลียน หลังจากนั้น ข้าก็ตรวจสอบตัวตนของเขารู้สึกว่ามันแปลกประหลาดไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นหลี่เมี่ยวเจิน ฉู่หยวนเจิ่น หรือคนอื่นๆ เมื่อข้ามอบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีให้พวกเขา เกือบทุกคนก็มีพลังเพิ่มขึ้น มีเพียงสวี่ชีอันเท่านั้นที่อยู่ระดับหลอมจิต ภูมิหลังครอบครัวของเขายิ่งธรรมดา เช่นนั้นความโชคดีมาจากที่ใด อา ความโชคดีต้องสร้างกุศลสะสมบุญหรือมีบรรพบุรุษให้พร ทว่าเขาไม่มีทั้งสองอย่าง”
ลั่วอวี้เหิงอดทนฟังโดยไม่ขัดจังหวะ
“หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องหนึ่งขึ้น ซึ่งทำให้ข้าตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของเขาผิดปกติ…ครั้งหนึ่ง เด็กคนนี้เปิดเผยตัวตนในชิ้นส่วนหนังสือปฐพี เขาบอกว่าเขาเก็บตำลึงเงินได้ทุกวัน จึงต้องการทราบเหตุผล”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ลั่วอวี้เหิงก็อดพูดไม่ได้ “นี่ไม่ใช่ความโชคดี”
นักบวชเต๋าจินเหลียนจ้องมองนาง แววตาลุ่มลึกและสว่างไสว เขาเอ่ยคำต่อคำ “นี่คือโชคชะตา โชคชะตาที่ยิ่งใหญ่”
แม้จะเป็นการคาดเดา แต่เมื่อได้รับคำยืนยันของนักบวชเต๋าจินเหลียน รูม่านตาของลั่วอวี้เหิงก็หดลงทันที
…
สวี่ชีอันลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะลำคอ เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับไฟแผดเผา
เขากลอกตาและกวาดตามองทิวทัศน์รอบๆ ม่านเตียงสีขาว ผ้าห่มที่ปักลายใบบัว เครื่องเรือนเรียบๆ แต่หรูหรา…ที่โต๊ะกลมในห้องโถงด้านนอกมีชายชราที่สวมชุดขงจื๊อคนหนึ่งนั่งอยู่
ผมหงอกขาวของชายชราในชุดขงจื๊อยุ่งเหยิงห้อยลงมา ชุดขงจื๊อหลวมโคร่ง หนวดเคราสีเทาก็ไม่ได้ตัดเล็มมาเป็นเวลานาน ทั่วทั้งร่างแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของ ‘ซากศพ’
ชายชราท่าท่างถากถางคนนี้เป็นใครกัน ความสงสัยผุดขึ้นในใจของสวี่ชีอัน
“เจ้าตื่นแล้ว” ชายชราท่าท่างถากถางลุกขึ้นและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักอวิ๋นลู่ นามจ้าวโส่ว”
เจ้าสำนักของสำนักอวิ๋นลู่…ฉือจิ้วเคยบอกว่า เจ้าสำนักของสำนักเป็นระดับก่อชะตาระดับสามแห่งลัทธิขงจื๊อ! สวี่ชีอันยืดตัวตรงทันทีและประสานมือคารวะ
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าสำนัก กิริยาท่าทางของเจ้าสำนักไม่ธรรมดา ดูสง่างามและสงบเสงี่ยม เป็นผู้อาวสุโสที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง”
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามว่า “เหตุใดเจ้าสำนักถึงมาอยู่ในห้องของข้าขอรับ”
เจ้าสำนักจ้าวโส่วไม่ได้ตอบ สายตาจับจ้องไปที่มือขวาของเขา สวี่ชีอันถึงพบว่าตัวเองถือมีดแกะสลักไว้ตลอดมา
เขาชะงักไปและคาดเดา มีดแกะสลักเล่มนี้เป็นของสำนักอวิ๋นลู่หรือ ใช่ นอกจากสำนักอวิ๋นลู่ ยังมีระบบอื่นที่สามารถเค้นความชอบธรรมออกมาได้อีกหรือ
“มีดแกะสลักเล่มนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของสำนักข้า เจ้าถือมันไว้ในมือตลอดและไม่มีผู้ใดสามารถเอาไปได้ ข้าจึงต้องรอเจ้าตื่นอยู่ที่นี่และถามอะไรบางอย่างกับเจ้า”
เมื่อพูดจบ จ้าวโส่วก็มองมีดแกะสลักโบราณอีกครั้ง สายตานั้นราวกับกำลังพูดว่า ‘ยังจะถือไว้อีกหรือ คนหนุ่มช่างขลาดเขลานัก’
สวี่ชีอันยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง
จ้าวโส่วไม่ได้รับ แต่มองไปที่โต๊ะ
สวี่ชีอันที่เข้าใจในทันทีโยนมีดแกะสลักลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงเคร้ง
จ้าวโส่วขมวดคิ้ว เขารีบโค้งคำนับและคำนับมีดแกะสลักสามครั้ง จากนั้นก็หยิบกล่องไม้ออกมาจากในแขนเสื้อและเก็บมีดแกะสลักเข้าไป
“ใต้เท้าสวี่รู้หรือไม่ว่ามีดแกะสลักมีความเป็นมาอย่างไร” จ้าวโส่วยิ้ม
จิตใจของสวี่ชีอันหวั่นไหวเล็กน้อย เขาคาดเดาอย่างใจกล้า “มีดแกะสลักของรองปราชญ์เอกหรือขอรับ”
จ้าวโส่วส่ายหน้า “นี่เป็นมีดแกะสลักของปราชญ์”
มีดแกะสลักของปราชญ์…เป็นปราชญ์คนนั้นหรือ เป็นปราชญ์ที่อยู่เหนือระดับคนนั้นหรือ…เช่นนั้น ข้าขอสัมผัสมีดแกะสลักอีกสักนิดได้หรือไม่ ข้ายังไม่ได้ถ่ายรูปส่งให้กลุ่มเพื่อนเลย…สวี่ชีอันอ้าปาก แต่ลำคอราวกับสูญเสียเสียง เขาจึงพูดไม่ออก
“ตั้งแต่รองปราชญ์เอกเสียชีวิต มีดแกะสลักเล่มนี้ก็สงบเงียบไปกว่าพันปี แม้ว่าคนรุ่นหลังจะสามารถใช้มันได้ แต่ก็ไม่อาจปลุกมันขึ้นมาได้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะทำลายกล่องออกมาเพื่อช่วยใต้เท้าสวี่”
จ้าวโส่วมองสวี่ชีอันอย่างตั้งใจและเอ่ยเสียงขรึม “มีบางสิ่งที่ข้าต้องเตือนใต้เท้าสวี่ต่อหน้า”
ใจของสวี่ชีอันหล่นตุบ ด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง เขาลุกขึ้นจากเตียงและโค้งคำนับ “เจ้าสำนัก โปรดชี้แนะด้วย”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...