สรุปเนื้อหา บทที่ 310-2 มนุษย์ที่เหมือนเทพเซียน! (2) – ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet
บท บทที่ 310-2 มนุษย์ที่เหมือนเทพเซียน! (2) ของ ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 310 มนุษย์ที่เหมือนเทพเซียน! (2)
สตรีที่ไม่ฉลาดนักเช่นฉู่ไฉ่เวยคงเลือกระบบผิดเป็นแน่ จงหลีก็เช่นกัน
ทว่าพูดเช่นนี้ค่อนข้างเป็นการไม่ให้เกียรติต่อจงหลี แม้ว่านางจะโชคร้าย แต่ถึงอย่างไรก็น่าสงสาร เอาแต่นิ่งเงียบไม่มีความเห็นใดๆ แต่เห็นได้ชัดว่าสติปัญญาสูงกว่าฉู่ไฉ่เวย
เขารวบรวมความคิดไว้ แล้วแสร้งถามอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสกงหยาง เชื้อสายโหรอย่างพวกท่าน บรรพุรุษเป็นผู้ใดหรือ”
กงหยางซู่จ้องไปที่เขาอย่างแน่วแน่ ส่ายศีรษะ “ไม่รู้”
นี่คือการโกหก ลักษณะท่าทางชัดเจนยิ่งนัก…สวี่ชีอันแสร้งทำเป็นงงงวย กล่าวอย่างสงสัย “ไม่ใช่ท่านโหราจารย์ยุคแรกหรอกรึ”
กงหยางซู่สีหน้าเหมือนปกติ กล่าวตอบ “การกำเนิดโหรคือท่านโหราจารย์ยุคแรก ในส่วนบรรพบุรุษของเชื้อสายข้าจะเป็นใครนั้น ข้าก็ไม่ทราบแล้ว”
“น่าจะเป็นกลุ่มที่ออกจากสำนักโหราจารย์เมื่อห้าร้อยปีก่อนกระมัง” น้ำเสียงของสวี่ชีอันสงบ
สีหน้ากงหยางซู่เปลี่ยนเป็นดุดัน
เขาเปิดปาก ลูกกระเดือกกลิ้งไปมา “คุณชายสวี่ เราพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเถอะขอรับ”
ฮาร์ดดิสก์ข้าหมดแล้ว จะมาคุยเป็นการส่วนตัวได้อย่างไร สวี่ชีอันสบถในใจ เผยรอยยิ้มอ่อนพร้อมลุกขึ้นยืน พลางเดินลงไปตามลำธาร
กงหยางซู่เดินตามอย่างเงียบๆ
ฝ่าเท้าเหยียบกรวด เดินต่อไปไกลอีกหนึ่งร้อยเมตร สวี่ชีอันถึงได้หยุดเดิน เพราะระยะทางนี้สามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่พวกเขาคุยกับจะไม่ถูกนักบวชเต๋าจินเหลียนและคนอื่นๆ ‘แอบฟัง’
สหายก็คือสหาย ข้าไม่สามารถนำความลับของระบบโหรเปิดเผยให้แก่พวกเจ้าได้ นอกเสียจากเจ้าจะจ่ายด้วยเงิน
เสียงฝีเท้าที่ตามอยู่ข้างหลังหยุดลง กงหยางซู่จ้องสวี่ชีอันเขม็ง สีหน้าจริงจัง กล่าวหยิ่งเชิง “คุณชายสวี่ ท่านยังรู้อะไรอีกบ้าง”
“ข้ายังรู้อีกว่าปีนั้นจักรพรรดิอู่จงสามารถแย่งชิงบัลลังก์ได้สำเร็จ เนื่องจากเขาได้สร้างพันธมิตรกับสำนักพุทธ และสำนักพุทธช่วยเขาฆ่าท่านโหราจารย์รุ่นแรก” สวี่ชีอันหันกลับมา มองเขาด้วยสายตาที่เป็นประกาย
“แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็รู้ ท่านเป็นใครกันแน่ ข้างกายมีผู้ติดตามเป็นศาสดาพยากรณ์หนึ่งท่าน อีกทั้งยังสามารถรอดพ้นเงื้อมมือจากซากศพชั่วร้ายของสุสานเก่าอีก”
“ข้าเป็นใครเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ ข้าแค่ถามเจ้า ท่านโหราจารย์คนปัจจุบัน ในปีนั้นเป็นคนเช่นไรกันแน่” สวี่ชีอันเปิดประเด็น ถามข้อสงสัยที่คอยกวนใจตนเองมานานออกไป
“หึ เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ หากไม่มีโหรระดับสูงทั้งด้านนอกด้านในตีขนาบประสานกัน สำนักพุทธคิดจะฆ่าโหรระดับหนึ่งได้ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร” กงหยางซู่กล่าวเย้ยหยัน
สายตาและท่าทางของเขาฉายชัดซึ่งการดูหมิ่นกับการดูถูก สวี่ชีอันรู้ว่าสำนักพุทธนั่นไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นท่านโหราจารย์ในตอนนั้นต่างหาก
ที่ข้าเดาไว้ไม่มีผิด ท่านโหราจารย์ในตอนนั้นความจริงแล้วเป็นผู้ทรยศ ดังนั้นจึงได้เปลี่ยนมาอยู่ตำแหน่งในปัจจุบันได้…สวี่ชีอันส่งเสียงถอนหายใจ รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
เขาไม่มีศีลธรรม แต่สำหรับการกระทำอย่างฆ่าอาจารย์ของตนเองเช่นนี้ เขารู้สึกขยะแขยงโดยสัญชาตญาณ และไม่มีทางยอมรับได้
“ดังนั้น โหรที่เรร่อนไปมาอย่างในวันนี้ ต่างก็เป็นผู้ที่แยกย้ายออกมาหลังจากที่ท่านโหราจารย์รุ่นแรกเสียชีวิตของปีนั้นหรือ” สวี่ชีอันไม่ได้เผยอารมณ์ใดๆ ออกมา กล่าวถามอย่างใจเย็น
“ในเวลานั้นโหรที่แยกออกจากสำนักโหราจารย์มีทั้งหมดหกฝ่าย แบ่งแยกเป็นลูกศิษย์หกท่านของท่านโหราจารย์รุ่นแรก บรรพบุรุษเชื้อสายของข้าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับขั้นที่สี่ และเป็นลูกศิษย์คนที่สี่ของท่านโหราจารย์รุ่นแรก”
สวี่ชีอันรีบถาม “เจ้ายังติดต่อกับสำนักอื่นอีกห้าสำนักหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง”
กงหยางซูส่ายศีรษะ “แยกกันไปตามทางของตนแล้ว มีที่ไหนยังติดต่อกันบ้าง อีกอย่าง เหตุใดต้องติดต่อกันอีก จัดตั้งองค์กรลับ ต่อต้านสำนักโหราจารย์หรือ”
เขาหัวเราะอย่างขมขื่น “ระบบโหรต้องการสานสัมพันธ์กับราชวงศ์ ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดพวกเราทั้งหกฝ่ายถึงแยกตัวออกมา”
ไม่ใช่นี่ ผู้ที่ข้าเจอที่อวิ๋นโจวเป็นโหรระดับสูงท่านหนึ่งอย่างแน่นอน เขาไม่ได้ขึ้นตรงกับสำนักโหราจารย์ และทั้งหกฝ่ายไม่มีทางเลื่อนขึ้นสู่ระดับสูงได้…ตรรกะมีปัญหาแล้ว
สวี่ชีอันกล่าวเสียงขรึม “ข้าเคยเจอโหรระดับสูงท่านหนึ่งที่อวิ๋นโจว เป็นผู้กุมความลับของสวรรค์ และเขาไม่ใช่คนของสำนักโหราจารย์”
กงหยางซูตกตะลึงงัน ขมวดคิ้วแน่น “จริงหรือขอรับ”
สวี่ชีอันกล่าวอย่างวิเคราะห์ “มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า เขาอาจจะหลบภัยในกองกำลังที่ไหนสักแห่ง อย่างเช่นสำนักโหราจารย์ที่สานสัมพันธ์กับต้าฟ่ง”
กงหยางซู่กล่าวอย่างครุ่นคิด “หากกล่าวเช่นนี้ ทั้งสำนักพุทธและสำนักพ่อมดทั้งสองต่างก็มีความเป็นไปได้ ส่วนกลุ่มชาติพันธุ์ซินเจียงตอนใต้และกลุ่มชาติพันธุ์ทางเหนือ เอ่อ ท่านอาจยังไม่รู้ว่า พวกเขาไม่สามารถรวบรวมโชคชะตาได้”
ไม่ ข้ารู้ เจ้าสำนักจ้าวโส่วได้บอกข้าทั้งหมดแล้ว…
มีแค่สำนักพุทธกับสำนักพ่อมดเท่านั้นหรือ…โหรท่านนั้นช่วยข้าทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดของสำนักพ่อมด เขาต้องมีเจตนาร้ายต่อข้าอย่างแน่นอน เพราะข้าสงสัยว่าโหรที่อยู่เบื้องหลังคดีภาษีก็คือคนกลุ่มนี้ แน่นอนว่าการคาดเดานี้จะต้องได้รับการตรวจสอบ…ทว่า ไม่สนว่าเขาจะคิดดีหรือคิดร้ายต่อข้า เขากับสำนักพ่อมดต่างก็ไม่ใช่พวกเดียวกัน
เช่นนั้นก็เหลือแค่สำนักพุทธแล้ว?!
ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกลาหัวโล้นนั่นไม่ใช่คนดีอะไร… มีความเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่สมมติฐาน ไม่มีหลักฐานแน่ชัด…เอ่อ แต่ไม่สามารถห้ามไม่ให้ข้าดูหมิ่นพวกลาหัวโล้นได้หรอก สวี่ชีอันสูดหายใจเข้าลึกๆ นึกถึงความปั่นป่วนใต้กระแสน้ำระหว่างอำนาจมหาศาลในจิ่วโจวอย่างละเอียด
“คำถามสุดท้าย ผู้อาวุโสกงหยางได้โปรดชี้แนะด้วย” สวี่ชีอันกล่าว
“ท่านมีบุญคุณต่อข้า ขอเพียงเป็นเรื่องที่ข้ารู้ จะบอกทั้งหมดอย่างไม่มีปิดบัง” กงหยางซู่พยักหน้า
“ท่านรู้เรื่องที่ท่านโหราจารย์ปิดบังเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดของท่านโหราจารย์รุ่นแรกหรือไม่”
กงหยางซู่ส่งเสียง ‘อ้อ’ ครั้งหนึ่ง “ในความคาดเดา ตั้งแต่สมัยโบราณ จักรพรรดิก็รู้จักการบิดเบือนหน้าประวัติศาสตร์แล้ว”
น้ำเสียงของสวี่ชีอันดูสับสน “แต่ปัญหาคือ ผู้ที่รู้ถึงการมีชีวิตอยู่ของท่านโหราจารย์รุ่นแรกมีไม่กี่คน อย่างเช่นข้ากับท่าน”
กงหยางซู่ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย สายตามองไปยังลำธารที่ไหลเชี่ยว กล่าวอย่างพินิจ “คุณชายสวี่ว่าเหตุใดจึงต้องปิดบังความลับของสวรรค์”
“เพื่อลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับใครบางคน หรือ ปิดบังความพิเศษบนร่างกายของใครบางคน”
สวี่ชีอันให้คำตอบตาม ‘404 NOT FOUND‘ ที่ตนเองเข้าใจ
กงหยางซู่ชักสายตากลับมา มองสวี่ชีอัน “เช่นนั้น อะไรคือการลบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับใครบางคนเล่า”
…
ท่ามกลางแสงตะวันอันอัสดง สมาชิกกลุ่มโฮ่วถู่รีบไปที่ปากประตูเมืองเซียงโจว เหลือเวลาก่อนที่ประตูเมืองจะปิดในอีกหนึ่งเค่อ
“รีบหน่อย รีบหน่อย รีบตามหาโรงเตี๊ยมเข้าพัก หากยังสายอีกจะเป็นเวลาห้ามออกนอกเคหสถานแล้ว” หัวหน้าที่ป่วยกระตุ้นทุกคนให้เร่งฝีเท้าขึ้นอีก
พอหันกลับไป พบว่าเฉียนโหย่วไม่ได้ตามมาด้วย ได้แต่หยุดอยู่ตรงป้ายประกาศด้านนอกเมือง และจ้องมองด้วยความว่างเปล่า
“เฉียนโหย่ว เฉียนโหย่ว…เจ้ามัวเหม่อลอยอะไรอยู่ บนผนังมีสาวงามหรือ ถึงทำให้เจ้าไม่เคลื่อนไหวเอาเสียนี่” หัวหน้าที่ป่วยคำรามด้วยความโกรธ
เฉียนโหย่วหันกลับมา ด้วยท่าทางที่ซับซ้อนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ กล่าวติดอ่าง “หัว หัวหน้า ท่าน ท่านมานี่หน่อย…”
หัวหน้าที่ป่วยเดินมาด้วยความกราดเกรี้ยว พลางด่า “หากบนกำแพงไม่มีสาวงามล่ะก็ ข้าจะเปลือยกายเจ้าและลากเจ้าไปแขวนประจานบนกำแพงเสีย”
ปากด่าไปด้วย แต่สายตามองไปตามทิศทางที่มือของเฉียนโหย่วชี้ เห็นว่าเป็นป้ายประกาศบนกำแพง
หลังจากนั้น ทั้งสองก็ตะลึงพร้อมกันอยู่ข้างกำแพง
“หัวหน้า พวกท่านเป็นไปอะไรหรือ”
คนอื่นๆ เห็นสถานการณ์ตอนนี้ก็เดินตามเข้ามา กล่าวในใจ ‘กำแพงนี้มีสาวงามอยู่หรือ ทั้งสองเป็นอะไรไป’
เมื่อจ้องมอง ที่แท้บนกำแพงก็มีติดประกาศจากทางการอยู่หนึ่งแผ่นว่า
‘ปีซินโฉว วันที่สิบแปดเดือนสาม สมณทูตสำนักพุทธมาถึงเมืองหลวง ต้องการจะสู้รับกับสำนักโหราจารย์ สวี่ชีอันฆ้องเงินของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลออกรบ ทำลายค่ายกลกระบี่ ตัดกองกำลัง และอภิปรายธรรมะ…สามารถเอาชนะสำนักพุทธ เพิ่มอำนาจของต้าฟ่ง’
เฉียนโหย่วกล่าวตะกุกตะกัก “ข้า ข้าจำได้ว่าชื่อผู้มีพระคุณชื่อสวี่ชีอัน?!”
‘เอื้อก!’ สมาชิกท่านหนึ่งลูกกระเดือกกลิ้งไปมา
‘เอื้อก…’
เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นติดต่อกัน
ตัวแทนสู้รบจากสำนักโหราจารย์ สามารถเอาชนะสำนักพุทธ…กงหยางซู่ตัวหดลงอย่างรวดเร็ว เขาสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มแซ่สวี่ท่านนั้นมีลักษณะเฉพาะที่ไม่ธรรมดา
แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุคคลท่านนี้
หัวหน้าที่ป่วยบ่นพึมพำ “ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว…
“ข้าคิดอย่างใสซื่อว่าเขาเป็นแค่ทหารต่ำต้อย ที่แท้ ที่แท้เขาเป็นถึงใต้เท้าที่แท้จริง ทำลายค่ายกลกระบี่ ตัดกำลังทหาร และอภิปรายธรรมะ…ช่างเป็นมนุษย์ที่เหมือนเทพเซียน!”
…………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...