บทที่ 339 การเล่นแร่แปรธาตุแห่งชีวิต
สมาชิกคนอื่นของพรรคฟ้าดินประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าหลี่เมี่ยวเจิน เมื่อเห็นฉากนี้ แม้แต่ฉู่หยวนเจิ่นอดีตปัญญาชนก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา ใบหน้าของเขาแข็งค้างไปเล็กน้อย
‘สวี่หนิงเยี่ยนเป็นหมากของท่านโหราจารย์ แต่นี่เป็นเรื่องที่ควรจะเก็บเป็นความลับ โหรแห่งสำนักโหราจารย์ไม่ควรรู้ความลับนี้ กล่าวคือ เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุเคารพสวี่หนิงเยี่ยนเช่นนี้เป็นเพราะตัวเขาเองหรือ หนังสือปกน้ำเงินคืออะไร ฟังจากความหมายในคำพูดของพวกเขา การเล่นแร่แปรธาตุของสวี่หนิงเยี่ยนแข็งแกร่งกว่าซ่งชิงหรือ อย่างน้อยเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ได้แสดงท่าทีถ่อมตนและใฝ่รู้เช่นนี้กับซ่งชิง…’ ฉู่หยวนเจิ่นจับประเด็นหลัก แต่ก็ไม่อาจยอมรับเหตุผลนี้ได้
หมายเลขหก เหิงหย่วนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสวี่หนิงเยี่ยนมีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักโหราจารย์ ถึงขั้นสามารถเชิญหยางเชียนฮ่วนมารักษาโรคให้เด็กผู้น่าสงสารคนนั้นได้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าหน้าตาของสวี่หนิงเยี่ยนจะใหญ่โตเช่นนี้
‘นี่ไม่ใช่มีความสัมพันธ์อันดี นี่เหมือนกับบอกให้เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมาก็มาไปก็ไป’
ซูซูตกตะลึงและมองสวี่ชีอันที่ถูกชุดขาวรุมล้อมอย่างมึนงง เมื่อสักครู่นางได้รู้จากจงหลีว่าซ่งชิงให้ความสำคัญกับงานของตัวเอง นางจึงท้อแท้มากและคิดว่าการเดินทางมาสำนักโหราจารย์ครั้งนี้คงสูญเปล่า
แม้ว่าสวี่หนิงเยี่ยนจะมีความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับสำนักโหราจารย์ ทว่าแม้แต่ศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักซ่งชิงก็ไม่ไว้หน้า จึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเขา
แต่ความจริงคือ ซ่งชิงกับเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุกระตือรือร้นกับสวี่ชีอันมากจนทำให้ซูซูรู้สึกว่า นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาของผู้ชายเฮงซวยเหล่านั้นตอนเห็นนาง
สวี่ชีอันกดมือลง เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุสงบลงทันที เขากระแอมทีหนึ่งและพูดว่า
“หนังสือปกน้ำเงินยังไม่มีในขณะนี้ แต่ข้าสัญญากับทุกท่านว่า ก่อนสิ้นปี ข้าจะมอบให้ทุกท่านอย่างแน่นอน หลังจากนี้เมื่อมีเวลา ข้าจะมาเดินเล่นที่ห้องเล่นแร่แปรธาตุให้มากขึ้นและหารือเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุกับทุกคน”
“เยี่ยมไปเลย”
เหล่าโหรชุดขาวโห่ร้องยินดี สีหน้าล่องลอยด้วยความปีติ ใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อทุกคนสงบลง สวี่ชีอันก็มองไปทางซ่งชิง “ศิษย์พี่ซ่ง งานของท่าน…”
ซูซูมองไปทางซ่งชิงทันที นางเม้มริมฝีปากและกำมือทั้งสองข้างแน่นโดยไม่รู้ตัว
หลี่เมี่ยวเจินมองด้วยความคาดหวังพร้อมกัน
ซ่งชิงตบหน้าอกและหัวเราะออกมาอย่างโผงผาง “หลังจากข้าสร้างงานนี้ ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือไม่ได้รับการประเมินกับคำชี้แนะของคุณชายสวี่ ในที่สุดวันนี้ข้าก็สมปรารถนา”
‘เขา…ถ่อมตนเช่นนี้เชียว?!’
ขณะเดียวกับที่ซูซูถอนหายใจโล่งอก ความรู้สึกเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางมองสวี่ชีอันหลายครั้งหลายครา
‘หลังจากนี้ใครบอกว่าโหรแห่งสำนักโหราจารย์หยิ่งผยองและยโสโอหังอีก ข้าคนแรกที่ไม่เชื่อ…’ ฉู่หยวนเจิ่นพึมพำในใจ
ภายใต้การนำของซ่งชิง ทุกคนออกจากห้องเล่นแร่แปรธาตุ เดินผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวและมาถึงห้องลับห้องหนึ่ง
ประตูของห้องลับทำจากเหล็กบริสุทธิ์ ซ่งชิงเคาะประตูเหล็กและแนะนำว่า
“ประตูบานนี้ แม้ว่าจะเป็นทหารระดับห้าก็อย่าคิดว่าจะทำลายได้ ข้าใช้เวลาสิบวันสร้างมันขึ้นมาจากเหล็กนับร้อย คุณสมบัติที่ใหญ่ที่สุดคือความแข็งแรงทนทานและป้องกันการโจรกรรมเป็นเลิศ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่หยวนเจิ่นก็อดพูดไม่ได้ว่า “แต่ผนังหอดูดาวของพวกเจ้าเป็นผนังธรรมดาๆ มิใช่หรือ หัวขโมยไม่จำเป็นต้องเดินผ่านประตูเลย”
หลี่เมี่ยวเจินพยักหน้าและกล่าวเสริม “ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะสามารถมาขโมยของที่หอดูดาวได้ ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยเกิดกรณีที่คล้ายกันขึ้นใช่หรือไม่”
‘เหตุใดเจ้าต้องสร้างประตูรักษาความปลอดภัยด้วย’
สีหน้าของซ่งชิงหม่นลง เขาเอ่ยเสียงเรียบ “ยังมีธุระอะไรอีกหรือไม่ หากไม่มีก็เชิญท่านทั้งสองกลับไปเถิด ”
ฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินหยุดพูดทันที
หลี่เมี่ยวเจินถ่ายโอนเสียงไปยังจอหงวนฉู่ “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าศิษย์ของสำนักโหราจารย์ดูแปลกเล็กน้อย ฉู่ไฉ่เวยที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับลี่น่า จงหลีที่มีโชคร้ายติดตัวและตอนนี้ก็ซ่งชิงคนนี้ ข้ารู้สึกว่ามีเพียงหยางเชียนฮ่วนที่ดูค่อนข้างปกติ”
ฉู่หยวนเจิ่นร้อง ‘อา’ และถ่ายโอนเสียงกลับ “สิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้าถูกหมด แต่ประโยคสุดท้ายเลินเล่อเกินไป คนทั้งเมืองหลวงคงไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของเจ้า”
‘เจ้าแค่ไม่รู้จักหยางเชียนฮ่วนเท่านั้นเอง เขากับซ่งชิงเป็นสองคนที่แปลกประหลาดที่สุด ฉู่ไฉ่เวยไม่ค่อยฉลาดเพราะพรสวรรค์ของตัวเอง จงหลีมีโชคร้ายติดตัวมานานหลายปี จึงทำให้นางมีนิสัยขี้ขลาดและดูถูกตัวเอง…มีเพียงซ่งชิงกับหยางเชียนฮ่วนเท่านั้นที่สมองมีปัญหา…’ ฉู่หยวนเจิ่นแอบก่นด่าในใจ
หลี่เมี่ยวเจินไม่ได้โต้แย้งและหันไปถามว่า “แล้วศิษย์คนรองของท่านโหราจารย์ล่ะ”
ฉู่หยวนเจิ่นส่ายหน้า “ข้าไม่เคยเจอศิษย์คนรอง ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อยู่ที่สำนักโหราจารย์นานแล้ว สองคนนั้นคงเป็นคนปกติ”
เมื่อพูดจบ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองเลินเล่อเกินไป จึงกล่าวเสริมสองคำ “บางที…”
ซ่งชิงหยิบกุญแจออกมา เปิดประตูรักษาความปลอดภัยและนำทุกคนเข้าไปในห้องลับ
นี่เป็นห้องลับที่กว้างขวางมากพอและรกมาก ซ่งชิงเดินไปทางซ้าย บนผนังฝั่งนั้นแขวนอาวุธเวทมนตร์ไว้เต็มไปหมด มีอาวุธทุกประเภททั้งหน้าไม้ ดาบ ปืนไฟและอื่นๆ
แล้วก็มีแท่งเหล็กที่ยังไม่ได้หลอม
ซ่งชิงแนะนำทุกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “อาวุธทุกชิ้นในที่นี้ วัสดุล้วนมีแค่หนึ่งเดียวและหายากในโลก ขอเพียงปรมาจารย์ค่ายกลช่วยลงบันทึกค่ายกล พวกมันก็จะกลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ที่คนทั้งโลกต้องการ แต่ข้าไม่ชอบเจ้าหน้าโง่หยางเชียนฮ่วน เขาไม่สมควรได้สัมผัสงานของข้า ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้กลายเป็นอาวุธเวทมนตร์เสียที”
นอกจากซูซูกับจงหลีที่อยู่ตรงนี้แล้ว สวี่ชีอัน เหิงหย่วน หลี่เมี่ยวเจินและฉู่หยวนเจิ่นต่างก็แสดงท่าทางน้ำลายไหลออกมา
“ของเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธธรรมดา ไม่เพียงพอที่จะแสดงความสำเร็จด้านการเล่นแร่แปรธาตุของข้า เชิญทุกท่านตามข้ามา…”
ซ่งชิงนำทุกคนเดินลึกเข้าไปในห้องลับ เมื่อมาถึงด้านหน้าโหลแก้วสูงสามฟุต เขาก็พูดอย่างมีความสุข
“ดูสิ นี่คือผลงานแรกในด้านการเล่นแร่แปรธาตุแห่งชีวิตของข้า”
ทุกคนตั้งใจมอง ภายในโหลแก้วที่เต็มไปด้วยของเหลวที่ไม่รู้จักมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่รูปร่างเหมือนแมวถูกแช่อยู่ ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยวงปีกับลวดลายของต้นไม้ แต่กลับมีรูปร่างและหัวของแมว หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย ราวกับกำลังหายใจ
นอกจากนี้ หางยังเป็นกิ่งก้านเรียวบางและมีใบไม้สีเขียวขจีงอกอีก
“ชื่อของมันคือแมวต้นไม้ ความหมายก็ตามชื่อ เป็นร่างผสมระหว่างแมวกับต้นไม้ ข้าเลี้ยงดูมันได้สำเร็จ แต่แลกกับทำได้เพียงแค่แช่อยู่ในน้ำ ไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้”
ซ่งชิงแนะนำการเล่นแร่แปรธาตุแห่งชีวิตของเขาให้กับทุกคนอย่างแข็งขัน
“ตัวอ่อนนี้เป็นลูกผสมระหว่างคนกับม้า ข้าเคยอยากผสมผสานผู้ชายโตเต็มวัยกับร่างของม้า แต่ก็ล้มเหลว ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนความคิดและสร้างตัวอ่อนนี้ขึ้นมา โชคดีมากที่ข้าสร้างตัวอ่อนที่มีสายเลือดระหว่างมนุษย์กับม้าได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่มันมีชีวิตอยู่ได้เพียงสามวันเท่านั้น ข้าจึงแช่มันไว้ในสุราและเก็บรักษาไว้…อวัยวะพวกนี้เป็นสิ่งที่ข้าเริ่มปลูกถ่ายจากเซลล์และพัฒนาขึ้นมาทีละน้อยๆ คำเรียก ‘เซลล์’ ข้าก็ไม่เคยได้ยินหรอก นี่เป็นคำที่คุณชายสวี่สร้างขึ้นมา…”
เดิมทีฉู่หยวนเจิ่น หลี่เมี่ยวเจินและคนอื่นๆ ต่างก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความคิดที่จะเปิดรับเรื่องใหม่ๆ และเปิดหูเปิดตา รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ และสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ
สายตาที่มองไปทางซ่งชิงเป็นพักๆ เต็มไปด้วยความหวาดระแวงที่มีต่อตัวประหลาด ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด
‘ฉู่หยวนเจิ่นพูดถูก สมองของซ่งชิงไม่ค่อยปกติ คนคนนี้อันตรายมาก หากที่นี่ไม่ใช่สำนักโหราจารย์ ข้าคงลงมือแทนนิกายสวรรค์ไปแล้ว…’ จู่ๆ หลี่เมี่ยวเจินก็พบว่าตัวเองไม่สามารถรับเรื่องนี้ได้ แม้ว่าเธอจะมาเพื่อสิ่งนี้ก็ตาม
‘ข้าผิดไปแล้ว ซ่งชิงเป็นคนที่ผิดปกติที่สุดในบรรดาศิษย์ของท่านโหราจารย์ เมื่อเทียบกันแล้ว หยางเชียนฮ่วนก็เพียงแค่หยิ่งยโสเล็กน้อย เล็กน้อยเท่านั้น…’ ฉู่หยวนเจิ่นคิดในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง