บทที่ 346 ซุ่มโจมตี (2)
เมื่อเห็นว่าฉู่เซียงหลงเงียบไป สวี่ชีอันส่งเสียงเย้ยหยัน กวาดสายตามองทุกคน กล่าว
“ดังที่หัวหน้ามือปราบเฉินกล่าว หากพระมเหสีเสด็จไปทางเหนือเพื่อรวมกลุ่มกับไหวอ๋อง เช่นนั้น ฝ่าบาททรงส่งกองทัพไปคุ้มกันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแอบเข้าไปรวมกับคณะทูต อีกอย่าง นึกไม่ถึงว่าจะเก็บเป็นความลับต่อพวกข้า ใต้เท้าทั้งหลาย พวกท่านรู้แต่แรกแล้วหรือว่าพระมเหสีอยู่บนเรือ?”
รองหัวหน้าศาลต้าหลี่และผู้ตรวจการทั้งสองส่ายหน้า
สวี่ชีอันกล่าวเสริม “เช่นนั้นพวกท่านรู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร”
รองหัวหน้าศาลต้าหลี่รีบถาม กล่าว “ใต้เท้าสวี่มีอะไรก็กล่าวมาตรงๆ เถิด”
สวี่ชีอันเสียงดังก้อง “นี่หมายความว่าอาจจะเผชิญกับอันตราย เช่น การซุ่มโจมตี เป้าหมายคือการซุ่มโจมตีพระมเหสี”
ผู้ตรวจการทั้งสอง รองหัวหน้าศาลต้าหลี่คิ้วกระตุก สีหน้าพลางเปลี่ยนเป็นจริงจัง
หัวหน้ามือปราบเฉินจากกรมอาญาท่าทางไร้การเปลี่ยนแปลง ราวกับว่ามีการคาดการณ์ต่อเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
เมื่อหัวหน้ามือปราบเฉินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ตนเองรู้ว่าหากเอาแต่ปฏิเสธ มีแต่จะทำให้ฝูงชนต่อต้าน ญาติมิตรหลีกหนีเท่านั้น พลางกล่าวอย่างฮึดฮัด
“การเดินทางไปทางเหนือของพระมเหสีในครั้งนี้ มีเป้าหมายอื่นอยู่จริง แต่สวี่ชีอันไม่ต้องกังวลไป เรื่องที่พระนางออกจากเมืองหลวง แม้แต่พวกท่านยังไม่รู้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่นเล่า
“การซุ่มโจมตีก็ต้องมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า ตลอดการเดินทางไปทางเหนือของพวกเรา การเดินทางที่ไวที่สุดคือทางน้ำ เรื่องที่พระมเหสีติดตามมาทั้งเป็นความลับและไม่ได้ประกาศ จะเกิดการซุ่มโจมตีได้อย่างไรกัน”
รองหัวหน้าศาลต้าหลี่และคนอื่นๆ ต่างพยักหน้า คิดว่าที่ฉู่เซียงหลงกล่าวมาก็ดูมีเหตุผล
หลังจากที่พวกเขาออกเดินทาง จึงค้นพบว่าบนเรือมีผู้หญิง หลังจากค่อยๆ สังเกตเห็นในกลุ่มผู้หญิงนึกไม่ถึงว่าจะมีพระมเหสีของไหวอ๋องอยู่ด้วย แม้แต่พวกเขาที่เพิ่งรู้เรื่องนี้หลังออกเดินทาง ลองคิดดูแล้ว ศัตรูที่อาจมีอยู่จะซุ่มโจมตีได้อย่างไร
สายเกินไปแล้ว
“ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ไม่ต้องตื่นตระหนกไป…” รองหัวหน้าศาลต้าหลี่ถอนหายใจ สีหน้าก็ดีขึ้น
สวี่ชีอันหัวเราะ ‘หึๆ’ แล้วกล่าวต่อ “ใต้เท้าทั้งหลายใจเย็นๆ อย่าเพิ่งวู่วาม ฟังข้ากล่าวให้จบเสียก่อน พวกท่านค่อยคิดกันอีกครั้ง”
เขาเลื่อนสายตาไปยังแผนที่ที่กางออก ชี้นิ้วไปบนแผนที่ กล่าว “ด้วยความเร็วของเรือเพียงอย่างเดียว อย่างช้าพรุ่งนี้ตอนพลบค่ำ พวกเราก็จะผ่านพ้นตรงนี่ไป”
ทุกคนเดินไปดูที่โต๊ะ นั่นมันคือลุ่มแม่น้ำแห่งหนึ่งที่มีกระแสน้ำทั้งเชี่ยวกราก ทั้งแคบ และล้อมรอบด้วยภูเขาทั้งสองข้าง
“ตรงนี้ หากมีคนคิดโจมตีจากสองฝั่งจริงๆ ด้วยการไหลเชี่ยวของกระแสน้ำ พวกเราไม่มีทางเปลี่ยนทิศทางได้โดยเร็ว มิฉะนั้นจะมีอันตรายจากการพลิกคว่ำได้ อีกทั้งภูเขาสูงทั้งสองลูก กลายเป็นอุปสรรคที่จะหนีขึ้นฝั่งของพวกเรา พวกเขาเพียงต้องการกำลังคนซุ่มโจมตีในป่า และรอให้พวกเราติดกับเสียเองเท่านั้น สรุปคือ หากมีการซุ่มโจมตีระหว่างเส้นทางนี้ เช่นนั้นต้องเป็นที่ตรงนี้อย่างแน่นอน”
คำกล่าวของสวี่ชีอันทำให้อารมณ์ที่เพิ่งผ่อนคลายของทุกคนกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
ฉู่เซียงหลงจ้องแผนที่อยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวคัดค้าน “ข้อสันนิษฐานทั้งหมดนี้คือมีการซุ่มโจมตีโดยศัตรู และอย่างที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่ ศัตรูไม่มีเวลาเตรียมการซุ่มโจมตีอย่างแน่นอน
“เพียงใช้เวลาอยู่ที่นี่ ภายในสิบวันพวกเราก็จะถึงเจี้ยนโจว พอถึงเวลานั้นจะมีกองทัพทหารของท่านอ๋องคอยต้อนรับ และงานใหญ่ก็จะสำเร็จ หากเดินทางบก จะยืดเวลาไปครึ่งเดือน นั่นจึงจะเป็นการใช้เวลาที่นาน”
ทั้งสองฝ่ายต่างยึดถือแนวคิดของตนเอง ไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันที
รองหัวหน้าศาลต้าหลี่และคนอื่นๆ ลังเลใจ ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผล แต่กลับมีข้อเสียอีก จะเลือกทางไหนก็รู้สึกไม่ถูก
เช่นนั้นข้าจะใส่ไฟเพิ่มให้พวกเจ้าอีก…สวี่ชีอันหัวเราะเยาะ
“แม้ว่าการเดินทางทางบกจะใช้เวลานาน กลับยังมีทางหนีทีไล่ หากพรุ่งนี้พวกเราโดนซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ เช่นนั้นคงพ่ายแพ้ยับเยิน ไม่มีโอกาสใดๆ อีก”
ท่าทางของผู้ตรวจการทั้งสองและรองหัวหน้าศาลต้าหลี่เปลี่ยนในทันใด
“ข้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของใต้เท้าสวี่ ในการเปลี่ยนเส้นทาง” หัวหน้ามือปราบเฉินจากกรมอาญากล่าวเป็นคนแรก
“ข้าก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของใต้เท้าสวี่ รีบเตรียมการ พรุ่งนี้เปลี่ยนเส้นทาง” รองหัวหน้าศาลต้าหลี่คล้อยตามในทันที
ผู้ตรวจการทั้งสองก็เลือกสนับสนุนสวี่ชีอัน เพราะคำพูดของเขายิงเข้าที่จุดสำคัญของเหล่าขุนนางบุ๋นเสียแล้ว เมื่อเทียบกับเส้นทางบกที่อาจยุ่งยากและเหน็ดเหนื่อย แต่เส้นทางเรือที่ทำลายล้างในคราวเดียวนั้นน่ากลัวยิ่งกว่า
ไม่มีใครกล้านำชีวิตของตนและครอบครัวเข้ามาเดิมพัน
กล้ามเนื้อแก้มของฉู่เซียงหลงกระตุก ในใจโกรธเกรี้ยว จ้องไปที่สวี่ชีอันอย่างดุเดือด กล่าว “สวี่ชีอัน ข้าอยากจะเดิมพันกับเจ้า จะเป็นอย่างไรหากพรุ่งนี้ไม่เจอการซู่มโจมตีในลุ่มแม่น้ำที่ว่า”
สวี่ชีอันกดมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะอย่างไม่ยอมน้อยหน้า “จากนี้ไป ทุกอย่างเกี่ยวกับคณะทูตจะขึ้นอยู่กับท่าน แต่หากมีการซุ่มโจมตีจริงเล่า จะทำอย่างไร”
ฉู่เซียงหลงกล่าว “ท่านกล่าวครั้งหนึ่ง ข้าไม่ขัดแย้งเด็ดขาด”
สวี่ชีอันบุ้ยปาก กล่าวอย่างดูถูก “ตอนนี้ข้ากล่าวครั้งหนึ่ง ท่านยังกล้าขัดแย้ง? อย่ามาใช้ไม้นี้ ให้ผลประโยชน์แก่ข้าเสียหน่อยไม่ดีกว่าหรือ”
“ท่านต้องการอะไรล่ะ”
“เงินสามพันตำลึง และบันทึกการออกค่ายกองทหารรักษาการณ์ของเขตทางเหนือ”
“ตกลง”
ฉู่เซียงหลงตกลงในทันที ในใจกลับคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะผิดสัญญาก็ได้ เมื่อถึงเขตทางเหนือ เป็นเขาที่ใหญ่สุดมิใช่หรือ มีทั้งทหารและนายพลอยู่ในอำนาจ แถมยังมีอ๋องสยบแดนเหนือคอยสนับสนุนอีก
สวี่ชีอันยิ้มหยัน “ลงลายมือไว้เป็นหลักฐาน”
ฉู่เซียงหลงกัดฟัน “ตกลง แต่หากท่านแพ้ก็ต้องจ่ายให้ข้าสามพันสองร้อยตำลึงเช่นกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง