บทที่ 393 ปกป้องความลับของสวรรค์
หมายเลขสี่ ‘ตอนนี้หรือ’
หมายเลขสี่ ฉู่หยวนเจิ่นตอบกลับเป็นคนแรก
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความ หมายเลขเก้า ‘ไม่ ไม่จำเป็นต้องตอนนี้ กว่าดอกบัวเก้าสีจะสุกงอม ยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งเดือน ช่วงที่มันเข้าสู่ความสุกงอมเป็นช่วงเวลาที่มันอ่อนแอที่สุดและไม่สามารถต้านทานการทำลายได้ เว้นแต่นิกายปฐพีจะอยากทำลายมัน มิเช่นนั้น คงไม่โจมตีในเวลาเช่นนี้ แต่อีกครึ่งเดือนให้หลัง จะต้องเผชิญกับสงครามเป็นแน่’
หมายเลขสอง หลี่เมี่ยวเจินส่งข้อความ ‘พวกเต๋ามารแห่งนิกายปฐพีพบที่ซ่อนตัวของพวกเจ้าแล้วหรือ’
นักบวชเต๋าจินเหลียนตอบกลับว่า ‘ระหว่างเฮยเหลียนกับดอกบัวเก้าสีมีปฏิสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ปกติข้าจะปกปิดการเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองได้ แต่เม็ดบัวใกล้จะสุกงอมแล้วจึงไม่อาจปกปิดกลิ่นอายได้ เมื่อสักครู่ แสงเก้าสีพุ่งขึ้นไปบนฟ้า เฮยเหลียนต้องสังเกตเห็นเป็นแน่’
เฮยเหลียนหรือ ผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพีชื่อเฮยเหลียนหรือ เอ่อ นักพรตของนิกายปฐพีตั้งชื่อตามสีดอกบัวทุกคนเลยหรือ ไม่รู้ว่ามีไป๋เหลียนหรือไม่… สวี่ชีอันได้รู้สมญานามเต๋าของผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพีเป็นครั้งแรก
สมญานามเฮยเหลียน พระพุทธเจ้าไร้กฎเกณฑ์ เป็นเจ้าหรือ
เขานั่งที่โต๊ะและพึมพำมุขที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ฟังเข้าใจออกมา จากนั้นก็หัวเราะอย่างหงอยเหงากับตัวเอง
ฉู่หยวนเจิ่นส่งข้อความว่า ‘นี่ก็หมายความว่าเต๋ามารแห่งนิกายปฐพีจะเตรียมพร้อมมากยิ่งขึ้น จึงเป็นภัยต่อพวกเราอย่างมาก’
ในเวลานี้เอง หมายเลขห้าที่พูดน้อย ลี่น่าก็ส่งข้อความตอบกลับไปว่า ‘ไม่ต้องห่วง จะมากี่คน ข้าก็ทุบพวกเขาให้กลายเป็นเนื้อสับได้’
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ สวี่ชีอันก็รู้สึกว่า จำเป็นต้องเตือนพวกเขาเสียหน่อย เขาจึงใช้นิ้วต่างปากกาเขียนข้อความลงไป
หมายเลขสาม ‘ข้าได้ยินจากพี่ใหญ่ว่า ตอนเขาอยู่ที่ฉู่โจว เขาเคยเห็นผู้นำเต๋าแห่งนิกายปฐพีเข้าร่วมการกลั่นยาโลหิต นั่นเป็นร่างแยก แต่พลังก็อยู่ในระดับสามรางๆ หากมีร่างแยกแบบนี้ตอนแย่งชิงดอกบัวเก้าสี ข้าคิดว่า พวกเราสามารถสละดอกบัวเก้าสีล่วงหน้าได้’
อา แสร้งเป็นเอ้อร์หลางมาคุย ช่างน่าอับอายจริงๆ ไม่ สิ่งที่ทำให้ข้าอับอายจริงๆ คือหลี่เมี่ยวเจินกับนักบวชเต๋าจินเหลียนรู้จักตัวตนของข้า… สวี่ชีอันแทบจะยกมือปิดหน้า เขารู้สึกว่าความตายตกทางสังคมของเขาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว
สมาชิกพรรคฟ้าดินตกตะลึง หากผู้นำเต๋าเฮยเหลียนสามารถส่งร่างแยกระดับสามมาได้จริงๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างแยกที่สามารถเข้าถึงพลังต่อสู้ระดับสามได้ ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทุกคนในพรรคฟ้าดินแล้ว
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความว่า ‘เฮยเหลียนได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากคดีสังหารหมู่ฉู่โจว ร่างแยกระดับสามนั่นต้องถูกสร้างขึ้นในเวลานั้นเป็นแน่ แม้ว่าร่างแยกจะถูกทำลายไปหลังจากนั้น แต่เขาจะต้องมีพลังงานเหลือพอแน่นอน บางทีเขาอาจจะสร้างร่างแยกที่เทียบเท่าอาณาจักรขึ้นมาอีก แต่พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไป ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ขอเพียงเฮยเหลียนไม่ลงมือเอง ข้าก็สามารถจัดการกับเขาได้ ฮ่าๆ เขาไม่อาจมาด้วยตัวเองได้ เรื่องนี้ข้ารับประกันได้ สิ่งที่พวกเจ้าต้องจัดการคือนักพรตเหลียนฮวาคนอื่นของนิกายปฐพี’
เจ้าเอาอะไรมารับประกันว่าเฮยเหลียนจะไม่มาด้วยตัวเองอย่างแน่นอน นอกจากนี้ นักบวชเต๋าจินเหลียน เจ้าแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ หรือ ร่างแยกของเฮยเหลียนอยู่ระดับสามเลยนะ… สวี่ชีอันขมวดคิ้ว
อืม วันนั้นนักบวชเต๋าจินเหลียนแอบกลับไปขโมยดอกบัวเก้าสีที่นิกายปฐพี หลังจากถูกผู้นำเต๋าเฮยเหลียนทำร้ายจนบาดเจ็บ เขาก็หนีมาตลอดทางจนถึงเมืองหลวง หากเป็นเช่นนั้น นักบวชเต๋าจินเหลียนแข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้หรือ
ถึงขั้นเหนือกว่าระดับสี่เลยหรือ
เมื่อเห็นนักบวชเต๋าจินเหลียนรับประกันอย่างจริงใจ สมาชิกพรรคฟ้าดินก็ถอนหายใจโล่งอก
ฉู่หยวนเจิ่นส่งข้อความว่า ‘คดีสังหารหมู่ฉู่โจวบอกกับพวกเราว่า ไหวอ๋องสมรู้ร่วมคิดกับเฮยเหลียน ด้วยเหตุนี้จึงอนุมานว่า จักรพรรดิหยวนจิ่งก็สมรู้ร่วมคิดกับนิกายปฐพีด้วยได้หรือไม่ เรื่องนี้ พวกเราจำเป็นต้องป้องกันไว้’
‘ใช่ เหตุใดข้าจึงคิดไม่ถึง หากจักรพรรดิหยวนจิ่งแทรกแซงเรื่องนี้ ตัวแปรก็มากขึ้นแล้ว…’ หลี่เมี่ยวเจินตกตะลึง
ฉู่หยวนเจิ่นสมกับที่เป็นมันสมองอีกคนหนึ่งของกลุ่มนี้ เขาพูดความกังวลของข้าออกไปแล้ว… สวี่ชีอันพยักหน้าเล็กน้อย
‘แค่ทุบให้แบนเข้าด้วยกันก็พอ…’ ลี่น่าคิดอย่างไม่ใส่ใจ
หมายเลขหกกับหมายเลขหนึ่งซุ่มอ่านตลอด แต่ไม่ส่งข้อความ
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความตอบกลับว่า ‘เรื่องนี้ง่ายดายนัก หมายเลขสาม เจ้าไปแจ้งญาติผู้พี่ของเจ้าและขอให้เขายื่นมือเข้ามาช่วย ประการแรกคือสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ของพวกเราได้ ประการที่สองคือเว่ยเยวียนจะไม่นั่งดูอยู่เฉยๆ’
‘ความคิดดี!’
ดวงตาของฉู่หยวนเจิ่นเป็นประกาย
แม้ว่าสวี่หนิงเยี่ยนจะเป็นทหารขั้นหก แต่ก็ประสบความสำเร็จเล็กน้อยด้านพลังเทพวชิระ ทั้งยังมีม้วนตำราวรยุทธ์ของลัทธิขงจื๊ออีก พลังต่อสู้ที่เขาแสดงออกมาได้จึงเหนือกว่าระดับสี่ทั่วไปลิบลับ
จุดที่สำคัญที่สุดคือ สวี่หนิงเยี่ยนเป็นทหาร กลยุทธ์การโจมตีและสังหารของทหารเป็นกลยุทธ์ที่เหนือชั้นที่สุดในบรรดาระบบทั้งหมด
ความอดทนก็เป็นที่หนึ่ง
ยกเว้นกลยุทธ์เดียว การไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้และขาดทักษะโจมตีหมู่ ทุกด้านก็ไร้ข้อบกพร่อง
เอ่อ ตอนแรกนักบวชเต๋าจินเหลียนเลือกข้าเป็นผู้ถือครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีหมายเลขสาม ต่อมาก็ใช้ข้าเป็นสะพานเพื่อบรรลุความเข้าใจโดยปริยายกับเว่ยกง เขามีความคิดที่จะใช้หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลในช่วงเวลาสำคัญหรือ
จู่ๆ สวี่ชีอันก็นึกถึงรายละเอียดนี้และคิดว่าเป็นไปได้อย่างมาก
ดังนั้นจึงสอดคล้องกับภาพลักษณ์เฒ่าเหรียญปากผีของนักบวชเต๋าจินเหลียน
‘นักบวชเต๋าจินเหลียน เจ้าพูดเช่นนี้ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ…’ หลี่เมี่ยวเจินไม่ได้พูดออกมา นางนั่งที่โต๊ะด้วยสายตาที่ซับซ้อน
นางรู้ตัวตนที่แท้จริงของหมายเลขสาม ตอนนี้เมื่อเห็นสวี่ชีอันกับนักบวชเต๋าจินเหลียนร่วมแรงร่วมใจกัน เทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ก็รู้สึกละอายใจมาก
หมายเลขสาม ‘ได้ท่านนักบวช ข้าจะไปแจ้งญาติผู้พี่ของข้า แต่หากเว่ยเยวียนตกลงช่วย เกรงว่าท่านจะต้องแบ่งปันเม็ดบัวของท่านอีกเล็กน้อย’
หมายเลขเก้า ‘ไม่มีปัญหา ดอกบัวเก้าสีหกสิบปีสุกงอมหนึ่งครั้ง หนึ่งครั้งสามารถผลิตเม็ดบัวได้สิบสี่เม็ด อาตมาสามารถแบ่งได้อีกสองเม็ด เรื่องนี้ หวังว่าเจ้าจะบอกญาติผู้พี่ของเจ้าและให้เขาบอกกับเว่ยเยวียน’
หมายเลขสาม ‘ได้ ข้าไร้พลัง จึงไม่ค่อยประสมโรง แต่ญาติผู้พี่ของข้ากล้าหาญไร้ใดเปรียบ เขาต้องช่วยท่านนักบวชปกป้องเม็ดบัวได้อย่างแน่นอน’
หมายเลขเก้า ‘ฮ่าๆ คู่ดีเด่น’
‘สองคนนี้…’ หลี่เมี่ยวเจินปิดหน้าอย่างเงียบๆ
…
หลังจากจบการสนทนากลุ่ม สวี่ชีอันก็ได้รับข้อความของนักบวชเต๋าจินเหลียนอย่างที่คิด “การฝึกตนของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
สวี่ชีอันส่งข้อความตอบกลับไปว่า “ข้าเพิ่งพลาดการต่อสู้อย่างเต็มที่ไป ไม่แน่ว่าข้าอาจจะบุกทะลวงไปได้และเลื่อนขึ้นสู่ขั้นห้า”
นักบวชเต๋าจินเหลียน “ดีมาก ทหารระดับห้าเป็นผู้มีความชำนาญอย่างแท้จริงและไม่เกรงกลัวการโจมตีหมู่”
สวี่ชีอัน “ท่านนักบวช อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย เฮยเหลียนสมรู้ร่วมคิดกับจักรพรรดิหยวนจิ่ง หากปล่อยให้เขารู้ว่าข้าเป็นผู้ถือครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพี จักรพรรดิหยวนจิ่งก็จะรู้เช่นกัน หลังจากนี้หากทั้งสองคนร่วมมือกัน ข้าจะลำบาก ข้าจะลบล้างความสัมพันธ์เจ้าของกับชิ้นส่วนหนังสือปฐพีชั่วคราวได้อย่างไร”
หากเฮยเหลียนไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ถือครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพี ค่าความเกลียดชังก็จะไม่สูงเกินไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ที่เมืองฉู่โจวในวันนั้น เฮยเหลียนรู้ว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้นคือผู้ถือครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพี ดังนั้นหากสวี่ชีอันจะเข้าร่วมศึกคุ้มกันเม็ดบัวก็มีเพียงสองทางให้เลือกเดิน
หนึ่งคือปกปิดทุกอย่างที่เกี่ยวกับ ‘สวี่ชีอัน’
วิธีนี้มีข้อเสียอย่างมาก เขาจะไม่สามารถใช้ดาบยาวสีดำทองได้ ไม่สามารถใช้ดาบเดียวตัดฟ้าดินได้ และไม่สามารถใช้พลังเทพวชิระได้ ส่วนเสินซูก็เข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว
แสดงทักษะของตัวเองไม่ได้แล้วจะปกป้องเม็ดบัวได้อย่างไร
สองคือลบล้างความสัมพันธ์เจ้าของกับชิ้นส่วนหนังสือปฐพี
ด้วยวิธีนี้ สาเหตุที่สวี่ชีอันปรากฏตัวที่เจี้ยนโจวก็เป็นเพราะได้รับคำเชิญจากหลี่เมี่ยวเจินกับฉู่หยวนเจิ่น ไม่ใช่ตัวตนของผู้ถือครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีของเขา
คนฉลาดอาจจะเชื่อมโยงว่า วันนั้นฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินช่วยเขาสกัดกั้นทหารรักษาวัง ทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงเป็นการส่วนตัวเพื่อแลกกับการให้สวี่ชีอันช่วยปกป้องเม็ดบัวในวันหน้าใช่หรือไม่
ในทางตรงกันข้าม วิธีที่สองดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นักบวชเต๋าจินเหลียนนิ่งเงียบอยู่นานและส่งข้อความว่า “เมื่อเจ้ามาที่เจี้ยนโจว ข้าจะลบล้างความสัมพันธ์เจ้าของให้เจ้า วิชาลับของหนังสือปฐพีไม่อาจเผยแพร่ออกไปได้ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ แน่นอนว่า หากเจ้ายินดีคำนับข้าเป็นอาจารย์ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา”
ฮ่าๆ ท่านทักทายอาจารย์สี่คนแห่งสำนักอวิ๋นลู่ของข้าก่อน แล้วดูว่าพวกเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ มุมปากของสวี่ชีอันกระตุก
เหตุใดทุกคนถึงอยากเป็นอาจารย์ของข้า แต่ลูกพี่ที่มีความเป็นศิษย์อาจารย์อย่างแท้จริงกับข้ากลับไม่เคยมีความคิดทำนองเดียวกันเลย ถึงขั้นไม่อยากรับข้าเป็นลูกบุญธรรม…
วันรุ่งขึ้น เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า สวี่ชีอันเพิ่งจะลุกจากเตียง เขาถือถังไม้มาที่ลาน เห็นพระมเหสีนั่งหรี่ตาพลางอาบแดดอยู่บนเก้าอี้ด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง
เขาเหลือบมองหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งที่หน้าตาธรรมดาและไม่ได้พูดอะไร เขาตักน้ำขึ้นมาถังหนึ่งด้วยตัวเองและเตรียมจะล้างหน้าแปรงฟัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ พระมเหสีก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที นางถือถังไม้ของนางออกมา นั่งยองๆ ข้างๆ เขาและเทน้ำที่เหลืออีกครึ่งถังลงในถังไม้ของตัวเอง
จากนั้นก็แช่ผ้าเช็ดหน้าสีขาวจนเปียกและเช็ดแก้มอย่างเอาใจใส่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง