บทที่ 413 เสกดาบ
“เดี๋ยวข้าจะไปภูเขาเฉวี่ยนหรง ไปดื่มเหล้ากินเนื้อและนอนกับผู้หญิง เจ้ามีแผนอะไร”
สวี่ชีอันมองไปที่หนานกงเชี่ยนโหรวพร้อมรอยยิ้ม
หนานกงเชี่ยนโหรวขมวดคิ้วงาม แล้วหัวเราะเยาะเย้ย “กลุ่มยุทธภพ มีอะไรน่าสังสรรค์”
สวี่ชีอันหุบยิ้ม แล้วพูดเบาๆ ว่า “ข้าไม่ใช่ฆ้องเงินแล้ว”
แววหยอกล้อและดูแคลนในสายตาของหนานกงเชี่ยนโหรวค่อยๆ จางหายไป ดูเหมือนจะหมดความสนใจที่จะพูดคุยอีกต่อไป
ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาจึงพูดเรียบๆ ว่า “ไปสนุกกัน”
เอ๊ะ นี่ไม่ใช่ลักษณะของพี่รองหนานกงนี่นา หรือว่าเพราะเป็นห่วงข้า กลัวว่านี่จะเป็นเหมือนงานเลี้ยงที่หงเหมินที่กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์จัดขึ้นอย่างนั้นหรือ สวี่ชีอันพึมพำในใจ
…
ภูเขาเฉวี่ยนหรงมีความสูงชัน มีเมฆหมอกลอยวนเวียน
ภูเขาแห่งนี้เป็นสวรรค์ที่รู้จักกันดีในเจี้ยนโจว ต้นไม้เขียวขจี สรรพสัตว์ส่งเสียงร้อง ตั้งแต่ไหล่เขาเป็นต้นไป มีบ้านและหอสูงตั้งอยู่เรียงราย ไปจนถึงยอดเขา
“ภูเขาเฉวี่ยนหรงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามของเจี้ยนโจว ยอดเขาสูงสุดสูงตระหง่าน ยอดเขาด้านข้างสวยงาม ยอดเขาสูงสุดมีน้ำตกขนาดใหญ่สูงนับสิบจั้ง ในฤดูฝน น้ำที่ไหลบ่าจากภูเขาทะลักลงมา แม้แต่ยอดฝีมือขั้นหกก็ไม่สามารถทนต่อการซัดสาดของน้ำตกได้”
“ได้ยินมาว่ากลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์มีทหารม้าแปดพันนาย อยู่ใต้บังคับบัญชาของทหารคนที่พิชิตจงหยวน”
ขณะลอดซุ้มประตูสูงที่เชิงเขา สวี่ชีอันก็ชมเปาะด้วยความชื่นชม “ทหารม้าแปดพันนาย สามารถกวาดล้างเจี้ยนโจวได้ เหตุใดหลายปีมานี้ ราชสำนักจึงอดกลั้นต่อการดำรงอยู่ของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์มาโดยตลอด”
หนานกงเชี่ยนโหรวได้ยินเขาพูดฉอดๆ เรื่องที่พูดส่วนใหญ่ไม่น่าสนใจ เมื่อถึงเรื่องสุดท้าย จึงอดพูดไม่ได้ว่า
“เพราะในตอนนั้นชายคนนั้นได้ทำข้อตกลงกับจักรพรรดิเกาจู่ไว้”
“ข้อตกลงอะไร” ใบหน้าสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ท่านพ่อบุญธรรมไม่ได้บอก” หนานกงเชี่ยนโหรวกลอกตาพูด
สวี่ชีอันพูดเล่นต่อไปว่า “สาวงามของหอหมื่นบุปผาในเจี้ยนโจว ทุกคนล้วนงดงามอ่อนช้อย สนใจจะพากลับไปเป็นอนุภรรยาหรือไม่ คิดว่าผู้ดูแลหอเซียวจะต้องยินดีอย่างแน่นอน”
หนานกงเชี่ยนโหรวไม่สนใจเขา
“ถ้าเป็นข้า สามารถนำผู้ดูแลหอเซียวกลับไปที่เมืองหลวง เป็นอนุภรรยาอีกคน เช่นนั้นคงจะสมบูรณ์แบบทีเดียว”
“ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ได้ไม่แต่งงานใช่หรือไม่ หากเจ้ายังเป็นฆ้องเงินของที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล ก็ไม่เหมาะที่จะแต่งงานกับผู้หญิงในยุทธภพจริงๆ ส่วนตอนนี้ นางเป็นภรรยาหลวงของเจ้าก็เกินพอแล้ว” หนานกงเชี่ยนโหรวกล่าว
“ไม่ได้ ไม่ได้” สวี่ชีอันโบกมือไม่หยุด
“เพราะเหตุใด” หนานกงผู้รูปงามขมวดคิ้ว
“ตำแหน่งภรรยาหลวง ข้าจะเก็บไว้ให้องค์หญิงหลินอันหรือไม่ก็องค์หญิงฮว๋ายชิ่ง” สวี่ชีอันทำหน้าจริงจัง
“ไปไกลๆ เลย! ”
หนานกงเชี่ยนโหรวกล่าวอย่างโกรธเคือง
ไม่เชื่อก็แล้วแต่……
ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงลานใหญ่บนยอดสูงสุดของภูเขาเฉวี่ยนหรง หลังจากที่ผู้คุมในกลุ่มเรียกตัวแล้ว พวกเขาก็ถูกพาไปที่ห้องรับรอง ภายในห้องรับรอง เฉาชิงหยางผู้นำกลุ่มพันธมิตรสวมชุดคลุมยาวสีม่วงนั่งสีหน้าสงบ ใบหน้างดงาม
หลังจากการทักทายกันง่ายๆ แล้ว เฉาชิงหยางก็กล่าวว่า “ฆ้องทองคำหนานกงรอสักครู่ ข้ามีอะไรจะพูดกับฆ้องเงินสวี่ตามลำพัง”
เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเงียบๆ ออกไปจากห้องรับรอง
สวี่ชีอันเดินตามเขาออกไป เดินผ่านห้องพัก เดินไปที่ภูเขาด้านหลัง และค่อยๆ ห่างจากกลุ่มอาคารไป
“ท่านบรรพชนต้องการพบเจ้า”
เฉาชิงหยางพาเขาเข้าไปในป่าทึบ เดินไปตามทางเล็กๆ และพูดว่า “เจ้าวางใจเถิด ท่านบรรพชนไม่ใช่คนโหดร้าย เพียงแค่ได้ยินเกียรติประวัติของเจ้าแล้ว ก็รู้สึกสนใจมาก”
สวี่ชีอันสำรวจตัวเอง หยกที่ท่านโหราจารย์มอบให้สวม ไต้ซือเสินซูหลับสนิทแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงสวี่ไป๋เผียวคนธรรมดาเท่านั้น เข้าพบลูกพี่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นทหาร ถึงแม้จะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็คงจะดูไม่ออก
อันที่จริงเขามาร่วมงานเลี้ยงที่ภูเขาเฉวี่ยนหรง ก็หวังว่าจะโชคดีอยู่บ้าง บางทีอาจจะได้พบกับบรรพชนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์คนนั้น
หึ ข้าเป็นคนโชคดีจริงๆ ด้วย…เขาหยอกล้อตัวเองด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
หลังจากเดินตามทางเล็กๆ ในป่าเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป เฉาชิงหยางก็พาเขาไปที่หน้าผาสูงชัน ขณะก้าวออกจากป่าทึบ ขนของสวี่ชีอันก็ตั้งขึ้น หนังศีรษะชาโดยไม่มีเหตุผล
เมื่อมองไปที่ที่มาของอันตรายตามสัญชาตญาณ บนหน้าผา มีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ก้มศีรษะลง ดวงตาสีแดงดุร้ายขนาดราวกับอ่างน้ำสองดวง จ้องมาที่ทั้งสองคนจากระยะไกล
สัตว์ประหลาดตัวนั้นตัวสีดำสนิท มีขนสั้นหยาบ มีรูปร่างเหมือนสุนัข แต่มีใบหน้าเหมือนมนุษย์
สัตว์ประหลาดเฉวี่ยนหรง…ภูเขาเฉวี่ยนหรงได้รับการตั้งชื่อตามมัน…เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งมาก ข้าสู้มันไม่ได้แน่…ความคิดต่างๆ แวบเข้ามาในจิตใจของสวี่ชีอัน
เวลานี้ เฉวี่ยนหรงหดหัว และหายตัวไปบนหน้าผา
“เฉวี่ยนหรงเป็นสัตว์ผู้พิทักษ์ของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ ในตอนนั้นมันเคยติดตามท่านบรรพชนยกทัพจับศึกไปทั่วทุกทิศ เช่นเดียวกับมังกรวิญญาณและราชันแห่งมนุษย์” เฉาชิงหยางยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า
“เจ้าคงรู้จักมังกรวิญญาณ ในเมืองหลวงเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง กลืนและคายปราณม่วง เป็นสัตว์ประหลาดชั้นยอด แต่มันจะใกล้ชิดกับราชวงศ์เท่านั้น”
ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดขนาดนี้ ก็แค่สุนัขที่ต่ำต้อยตัวหนึ่ง…สวี่ชีอันหยอกล้อในใจ
เขาเดินตามเฉาชิงหยาง หยุดอยู่ที่หน้าประตูหินตรงหน้าผา ฟังผู้นำกลุ่มพันธมิตรชุดม่วงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านบรรพชน ฆ้องเงินสวี่มาถึงแล้วขอรับ”
เสียงคนชราดังออกมาจากประตูหิน “รากฐานมั่นคง ไม่โอ้อวด ไม่เลว”
สวี่ชีอันกุมหมัด น้ำเสียงนอบน้อม “คำนับผู้อาวุโส”
เสียงคนชราดังออกมาจากประตูอีกครั้ง
“ข้าเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้าแล้ว คนฉลาดควรออกจากเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด สนใจที่จะมาทำงานกับกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ของข้าหรือไม่ ข้าสามารถรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ได้ หึหึ เจ้าได้ใช้การกระทำพิสูจน์นิสัยของเจ้าแล้ว
“พยายามฝึกฝนอีกไม่กี่ปี ก็เป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตรคนต่อไปได้สบายมาก”
ทำไมใครๆ ต่างก็อยากเป็นพ่อข้า…สวี่ชีอันปฏิเสธตามสมควรว่า “งานในเมืองหลวงยังไม่เสร็จสิ้น และข้าน้อยก็มีอาจารย์อยู่แล้ว”
“เว่ยเยวียนใช่หรือไม่” ชายชราหลังประตูหินพูดแทงใจดำ
สวี่ชีอันนิ่งเงียบ
“เจ้ามีอะไรจะต้องการถามข้า?” ท่านบรรพชนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ไม่ได้เซ้าซี้เรื่องการฝากตัวเป็นศิษย์ ดูเป็นคนเรียบง่ายทีเดียว
ท่านผู้อาวุโสท่านทายถูกแล้ว สวี่ชีอันมีข้อสงสัยพอดี จึงเอ่ยปากถาม
“ข้าน้อยได้อ่านข้อมูลของท่านแล้ว ทราบว่าในตอนนั้นท่านเป็นผู้กล้าที่สามารถประลองกับจักรพรรดิเกาจู่ได้ หกร้อยปีผ่านไป เหตุใดจักรพรรดิเกาจู่ทรงสวรรคตไปนานแล้ว แต่ท่านกลับอายุยืนยาวเท่าประเทศได้”
คำตอบที่เขาได้รับคือความเงียบ
ขณะที่สวี่ชีอันคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ตอบ เสียงถอนหายใจก็ดังลอดออกมาจากช่องโหว่ของประตูหิน “ด้วยระดับของเจ้าในเวลานี้ เรื่องเหล่านี้อยู่ในระดับสูงเกินไป ความจริงไม่ควรให้เจ้ารู้”
หลังจากหยุดชะงักไปหลายวินาที บรรพชนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็กล่าวว่า “ราชวงศ์ต้าฟ่งมียอดฝีมืออยู่มากมาย ในจำนวนนั้นรวมถึงบุคคลเช่นจักรพรรดิเกาจู่ จักรพรรดิอู่จง และอ๋องสยบแดนเหนือด้วย
“แต่พวกเขาไม่มีใครมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
“ผู้สูงอายุโปรดคลายข้อสงสัยให้ด้วย”
“ผู้ที่โชคชะตารัดตัว จะไม่สามารถเป็นอมตะได้”
คำตอบนี้ เหมือนกับค้อนหนักตีเขาที่ศีรษะของสวี่ชีอัน เสียงดัง ‘เหง่งหง่าง’
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?” เขาพึมพำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง