ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 412

บทที่ 412 แบ่งเมล็ดบัว

แมวสีส้มตัวแข็งทื่อทันใดและยังคงอยู่ในท่าโก่งตัวเช่นเดิม มันตัวแข็งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งแล้วจู่ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องน่าสะพรึงออกมา

รูม่านตาของมันข้างหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและถูกย้อมด้วยสีแดงทองบริสุทธิ์ ทั้งดูราวกับปีศาจ แต่ก็เหมือนเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เสียงร้องน่าสะพรึงของแมวส้มทั้งสั่นสะท้านและแหบแห้ง แขนขาของมันสะบัดไปรอบๆ ราวกับได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส

สวี่ชีอันไม่รอช้าอีกต่อไป เขาดีดนิ้วออกมาแล้วนำวิญญาณของเฉาชิงหยางเข้าสู่หว่างคิ้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กับแมวส้ม

นักพรตหญิงไป๋เหลียนขวางเขาเอาไว้แล้วมองศิษย์โดยรอบพลางเอ่ยเสียงดุ “อย่ามัวแต่ตะลึง รีบจบค่ายกลนี้แล้วส่งบุญกุศลเสีย”

ขณะที่นางกล่าวก็โยนเชือกเส้นเล็กที่ทำจากด้ายสีทองไปมัดแมวส้มจนแน่น

เสียงกรีดร้องของแมวส้มน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม

เหล่าศิษย์ของพรรคฟ้าดินราวกับสะดุ้งตื่นจากฝัน พวกเขาพุ่งเข้าไปล้อมแมวส้มไว้ตรงกลาง นิ้วมือบีบเป็นกระบวนท่าวัชระออกมา ขณะที่ปากเอ่ยพึมพำคาถา

“ดีร้ายไร้ประตู มีแต่ผู้คนทำตัวเอง ดีชั่วเคืองแค้น ตามติดเสมือนเงา คือเทพผู้ดูแลโลกาฟ้าดิน…”

เสียงที่ตอนแรกดังสะเปะสะปะก็ค่อยๆ พร้อมเพรียงกันขึ้นมาแล้วรวมเสียงเดียวกัน เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง ตลอดทั้งฟ้าดินก็ราวกับมีเพียงเสียงท่องคาถาเหล่านี้

สวี่ชีอันมองเห็นชัดว่าที่หว่างคิ้วของศิษย์พรรคฟ้าดินมีแสงสีทองราวกับรุ่งอรุณแผ่ออกมาจางๆ มันนุ่มนวลราวกับฝนในฤดูใบไม้ผลิที่โปรยปรายไปยังแมวสีส้ม

แสงสีทองที่ตาซ้ายของแมวส้มลุกโชนจนบดบังสีดำมืดในตาด้านขวา มันหยุดดิ้นรนกรีดร้อง ก่อนนอนอยู่บนพื้นเงียบๆ อย่างนิ่งสงบ

อีกด้านหนึ่ง เฉาชิงหยางที่เพิ่งฟื้นคืนสติก็ได้ยินเสียงท่องคาถาอันหนักหน่วง เขามองไปรอบๆ อย่างงุนงง จากนั้นก็หันมามองทุกคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์

“เกิดอะไรขึ้น ข้าจำได้ว่าสุดท้ายข้าแพ้ให้กับผู้นำเต๋านิกายมนุษย์จนวิญญาณแตกซ่าน”

เขาแยกไม่ออกในทันทีว่าสิ่งที่ตนประสบก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตาหรือความจริง

เมื่อเห็นเขาฟื้นขึ้นมา ทุกคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็ราวกับปลดภาระหนักได้

ผู้ดูแลหอหมื่นบุปผาพลันเอ่ยว่า “เฉาเหมิงจู่ คุณชายสวี่ช่วยเหลือท่านไว้เจ้าค่ะ”

“ราชครูเพียงแค่นำดวงวิญญาณของท่านออกไปเท่านั้น เมื่อครู่คุณชายสวี่ได้นำวิญญาณของท่านกลับมาให้แล้ว”

หยางชุยเสวี่ยและคนอื่นๆ พากันอธิบายให้ฟัง น้ำเสียงต่างพูดเป็นนัยว่า ‘การร้องขอ’ ของฆ้องเงินสวี่นั้นมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง จึงได้ทำให้ราชครูยอมปล่อยเขาและไม่มีสังหารจนดับสูญ

ใบหน้าของคนในกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ล้วนประดับรอยยิ้มเอาไว้ สายตาที่มองไปยังสวี่ชีอันล้วนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและยอมรับ

แม้ว่าจะไม่สามารถชิงเมล็ดบัวมาอยู่ในมือได้ แต่หากไม่สู้ก็ไม่รู้จัก กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ได้สร้างมิตรภาพกับฆ้องเงินสวี่แล้ว และสำหรับคนที่แอบเคารพชื่นชมสวี่ชีอันนั้น ตอนนี้ในใจของพวกเขาต่างก็ตื่นเต้นเร่าร้อน

เฉาชิงหยางพยักหน้าช้าๆ เขาหันไปมองสวี่ชีอันด้วยท่าทางน่าเกรงขามก่อนประกบหมัดแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณฆ้องเงินสวี่ที่ยื่นมือช่วยเหลือ”

สวี่ชีอันคำนับกลับ “เฉาเหมิงจู่พูดเกินไป ข้าต่างหากที่สมควรขอบคุณเฉาเหมิงจู่”

เขาเงียบไปพักหนึ่งก็เอ่ยเสียงขรึมออกมา “ข้าเห็นว่าเฉาเหมิงจู่มิใช่ผู้ที่ที่โลภมาก แล้วเหตุใดถึงมาแย่งชิงดอกบัวเก้าสีด้วยเล่า”

เฉาชิงหยางไม่ได้ตอบ เขาเพียงเอ่ยเสียงเรียบ “คืนนี้ข้าแซ่เฉาจะจัดงานเลี้ยงที่ภูเขาเฉวี่ยนหรง หวังว่าฆ้องเงินสวี่จะให้เกียรติมา”

นั่นหมายความว่าเขาไม่สะดวกจะบอก…เฉาชิงหยางต้องการผูกมิตรกับข้า และต้องการสานความสัมพันธ์ไปอีกขั้นแทน…สวี่ชีอันพยักหน้า

“เช่นนั้นก็ได้ จริงสิ ขอให้เหมิงจู่โปรดให้คนจากยุทธภพรอบๆ ออกไปได้หรือไม่”

เมื่อเห็นเขาตอบตกลง สีหน้าของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที

เฉาชิงหยางพยักหน้า “ข้าให้คนส่วนหนึ่งรั้งอยู่รอบนอกของคฤหาสน์ภูเขา เพื่อปกป้องไม่ให้นักพรตนิกายปฐพีมาฉวยโอกาส”

หากอาศัยแค่พลังต่อสู้ของพรรคฟ้าดินล่ะก็ และถ้านิกายปฐพีและสายลับไหวอ๋องกลับมา เกรงว่าคงยากจะต้านทาน

เฉาเหมิงจู่สมกับเป็นเจ้ายุทธภพ เขามีประสบการณ์มากมาย ทั้งยังรอบคอบไร้ช่องโหว่…สวี่ชีอันกอบมือ “ขอบคุณมาก”

เมื่อคนจากกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ถอยออกจากคฤหาสน์เยวี่ยจือแล้ว พวกสวี่ชีอันก็นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แต่ไม่นาน เสียงท่องคาถาของเหล่าศิษย์ของพรรคฟ้าดินก็เริ่มอ่อนกำลังลงและเงียบหายไป

‘เฮ้อ…’

เสียงถอนหายใจดังขึ้นทั่วบริเวณ ราวกับว่าพวกเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือด พวกศิษย์ทั้งหลายต่างพากันเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากไม่ได้หยุด

แมวสีส้มยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ

สวี่ชีอันมองไปที่แมวส้มพลางเดินเข้าไปใกล้นักพรตหญิงไป๋เหลียนแล้วเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

คนนอกอย่างฉู่หยวนเจิ่นและหนานกงเชี่ยนโหรวต่างก็มองมาอย่างสงสัย

“จิตเทพของศิษย์พี่จินเหลียนพัวพันอยู่กับเฮยเหลียน ยากจะตัดสินผลแพ้ชนะได้ในตอนนี้ เมื่อครู่พวกเราได้มอบบุญกุศลให้กับศิษย์พี่จินเหลียนเพื่อช่วยเขาสยบจิตมารของเฮยเหลียนน่ะ”

นักพรตหญิงไป๋เหลียนอธิบาย “เรื่องนี้เป็นแผนการที่จัดวางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว”

สวี่ชีอันเอ่ยอย่างสงสัย “นักบวชเต๋าจินเหลียนพัวพันกับจิตมารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีได้ด้วยหรือ”

ในใจเขาบอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย ร่างอวตารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีอยู่ขั้นสาม นักบวชเต๋าจินเหลียนค้างอยู่ที่ขั้นสี่ ไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งสู่ขั้นสามได้ แล้วเขาทำเช่นนี้ได้อย่างไร

“ศิษย์พี่ใช้วิชาลับของนิกายปฐพีน่ะ” นักพรตหญิงไป๋เหลียนอธิบายโดยที่ยังคงสีหน้ายิ้มแย้ม

สวี่ชีอันพยักหน้ารับคำอธิบายเช่นนี้ไว้

ดังนั้น นักบวชเต๋าจินเหลียนก็มีแผนการต่อกรกับร่างอวตารของผู้นำเต๋านิกายปฐพีแล้วสินะ ภารกิจของผู้ครอบครองเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีคือการรับมือกับกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์และคนอื่นๆ ไม่สิ ในสายตาของนักบวชเต๋าจินเหลียน หลี่เมี่ยวเจินและฉู่หยวนเจิ่นเป็นแค่ส่วนที่เพิ่มมาเท่านั้น คนที่เขามุ่งเน้นน่ะ จริงๆ คือข้า…

นักพรตหญิงไป๋เหลียนขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ พวกเขาคิดจะแย่งชิงกายเนื้อของเฉาชิงหยางกัน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ ก็เปลี่ยนความตั้งใจไปแย่งชิงแมวตัวหนึ่งแทน”

เหล่าลูกศิษย์ของพรรคฟ้าดินก็สงสัยเช่นกัน

เพราะเหตุใด? อาจเพราะเขามีความรักต่อแมวอย่าลึกซึ้งกระมัง…สวี่ชีอันยักไหล่ แสร้งทำเป็นว่าตนไม่รู้

ตอนนี้เอง หางแมวก็ขยับเบาๆ ราวกับฟื้นคืนสติแล้ว มันค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีดำและทองกวาดมองทุกคน

“ข้าเอง!”

แมวส้มเอ่ยภาษามนุษย์ออกมา เป็นเสียงอันแหบแห้งของนักบวชเต๋าจินเหลียน

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นพากันถอนหายใจ

“ข้าสะกดมันเอาไว้ได้ชั่วครู่ อืม ตอนนี้ดอกบัวเก้าสีเป็นอย่างไรบ้าง” นักบวชเต๋าจินเหลียนอดรนทนไม่ไหว

“อยู่กับข้า” หลี่เมี่ยวเจินกล่าว

แมวสีส้มพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดเสียงอ่อน “มอบเมล็ดบัวและรากบัวให้ไป๋เหลียน ศิษย์น้องไป๋เหลียน เราจะไปยังที่ซ่อนต่อไป”

ตอนนี้เอง ตาขวาสีดำสนิทของแมวส้มก็พลันสว่างวาบขึ้นมา

‘ฟ่อ’…

แมวส้มแยกเขี้ยวแล้วพุ่งเข้าหานักพรตไป๋เหลียน เสียงเยือกเย็นร้ายกาจดังออกมาจากภายในร่างของมัน “ศิษย์น้องไป๋เหลียน ตามข้ากลับไปบำเพ็ญคู่ที่นิกายปฐพีซะ”

‘ป้าบ!’

สวี่ชีอันโบกฝักดาบฟาดจนแมวส้มล้มลงกับพื้น

‘ฟ่อ ฟ่อ…’

แมวส้มดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง แววตาสีทองที่ข้างซ้ายของมันก็สว่างขึ้นและฟื้นคืนสติในทันใด มันนั่งลงอย่างงามสง่าแล้วกระแอมไอว่า

“ถึงข้าจะสยบเขาได้ แต่บางครั้งเขาก็เข้าครองร่างได้เช่นกัน ศิษย์น้องไป๋เหลียน เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง