ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 418

บทที่ 418 สวี่ชีอัน “บ่อของข้าไม่มีปลาเน่า”

หลังจากป้าจางจากไปแล้ว สวี่ชีอันก็จูงลูกม้าตัวเมียเข้าไปในลานบ้าน และผูกมันไว้กับลำต้นของต้นไทรน้อย

เขาเพิ่งจะค้นพบตอนนี้ว่า ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ลานบ้านที่เคยหดหู่ทรุดโทรมกลับเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ผึ้งและผีเสื้อบินว่อนอยู่ในพุ่มดอกไม้

นอกจากนี้ บรรยากาศยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่นของหมู่มวลดอกไม้

สวี่ชีอันกวาดสายตามองรอบๆ เห็นพืชพันธุ์อันล้ำค่ามากมาย บางสายพันธุ์ในนั้นมีมูลค่าสูงถึงสิบกว่าตำลึง

เหตุผลที่เขารู้ราคาของพืชพันธุ์ล้ำค่าเหล่านี้ ก็เพราะอาสะใภ้ในจวนวุ่นอยู่กับกระถางต้นไม้ทุกวัน หลังจากเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ นางจะลงทุนทางด้านนี้มากกว่าสองร้อยตำลึง

แน่นอนว่าสวี่ชีอันไม่เคยถาม ว่าอาสะใภ้ใช้เงินไปจำนวนเท่าไรสำหรับการซื้อดอกไม้ล้ำค่าเหล่านั้น อย่างไรนั่นก็ไม่ใช่เงินของเขาอยู่ดี ส่วนใหญ่จะเป็นกระถางต้นไม้อันเป็นที่รักของอาสะใภ้ ที่อยู่ดีๆ ก็มักจะถูกสวี่ชีอันทำล้ม

ทุกครั้งอาสะใภ้จะอบรมสั่งสอนเขาด้วยความโกรธจัด จากนั้นก็พูดฉอดๆ ว่า ‘เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกไม้เหล่านี้แพงแค่ไหน เจ้าเด็กดื้อ น่ารำคาญ’

“ดอกไม้เหล่านี้มันอะไรกัน?” สวี่ชีอันถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ลานบ้านน่าเบื่อเกินไป ข้าก็เลยซื้อดอกไม้เหล่านี้มาปลูกที่ลานบ้าน” น้ำเสียงของพระมเหสีสงบนิ่ง

เงินที่ข้าให้เจ้า ยังไม่พอจะซื้อดอกไม้เหล่านี้เลย…สวี่ชีอันพึมพำในใจ พลางอุทาน “อ๋อ” ด้วยท่าทางสงบ ราวกับถามตามใจปากไปอย่างนั้น และไม่ได้สนใจดอกไม้เหล่านี้เลย

แต่ในใจกลับคิดว่า หากนางพูดว่าซื้อเมล็ดพันธุ์ จะเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลกว่านี้ ในระยะเวลาห้าวัน เมล็ดพันธุ์ถูกเร่งให้เติบโตและเบ่งบานกลายเป็นฉากที่เต็มไปด้วยดอกไม้ นี่คือพลังของเทพดอกไม้ใช่หรือไม่? หากโยนผู้หญิงคนนี้ไปในทะเลทราย ก็จะเป็นประโยชน์ต่อโลกทั้งใบ

ด้วยความคิดนี้ เขาจึงนึกถึงรากบัวเล็กๆ ชิ้นนั้น หากให้พระมเหสีเพาะปลูกรากบัว มันจะฟื้นคืนชีพได้หรือไม่?

นักบวชเต๋าจินเหลียนบอกว่า ชิ้นส่วนสมบัติสวรรค์ไม่สามารถเพาะปลูกเพียงลำพังได้ แต่หากคนที่เพาะปลูกคือเทพดอกไม้ล่ะ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ สวี่ชีอันก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเก็บรักษาความตั้งใจของตนเองไว้เป็นอย่างดี

เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแสของเขา พระมเหสีก็ถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก

“เกิดอะไรขึ้นกับป้าจางเมื่อครู่?” สวี่ชีอันเอ่ยถาม ขณะเดินเข้าไปในบ้าน

เขาเดินตามกลิ่นหอมเข้าไปในห้อง เมื่อเดินถึงหน้าเตาก็เปิดฝาหม้อออก ถั่วลิสงต้มเกลือในหม้อกำลังเดือดปุดๆ และยังใส่เครื่องเทศลงไปด้วย

“นางอาศัยอยู่ไม่ไกล ไม่กี่วันก่อนนางอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเรา…นางหกล้มอยู่ที่ด้านนอก ข้าเห็นว่าน่าสงสาร ก็เลยช่วยไว้ หลังจากนั้น นางก็มาช่วยข้าบ่อยๆ ถั่วลิสงนี้ นางก็เป็นคนนำมาให้”

พระมเหสีนั่งลงบนแท่นไม้เล็กๆ พลางวางถ้วยถั่วลิสงลงบนหน้าตักและกล่าวอีกว่า “ลูกชายของนางทำธุรกิจเกี่ยวกับยาสมุนไพร ว่ากันว่ามีร้านค้าหลายแห่งในเมืองชั้นในและเมืองชั้นนอก เพราะลูกสะใภ้ไม่ชอบนาง ลูกชายนางจึงซื้อบ้านหลังเล็กใกล้ๆ กันให้แม่อาศัยอยู่ นางเจอใครก็เที่ยวบอกว่าลูกชายตัวเองกตัญญูมาก และยังซื้อบ้านให้นางด้วย”

สวี่ชีอันพิงเตา กินถั่วลิสงต้มเกลือ พลางโยนเปลือกถั่วลิสงลงบนเท้าของนาง และกล่าวว่า “เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น”

พระมเหสีชักเท้าไปด้านหลัง และมองเขาด้วยสายตาพิฆาต พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าบอกนางว่าสามีข้าตายแล้ว มีกุ๊ยข้างบ้านคนหนึ่งจ้องความงามของข้าตาเป็นมัน พยายามทำพฤติกรรมหยาบคายกับข้าหลายต่อหลายครั้ง และเอาเปรียบข้า ข้าจึงขายบ้าน และย้ายมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่าเขาจะหาบ้านข้าเจอ และยังบอกด้วยว่าจะมาอยู่บ้านข้าทุกๆ สองวัน”

สวี่ชีอันกล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยาม “จ้องความงามของเจ้าตาเป็นมัน? พระมเหสี ท่านส่องกระจกแล้วพูดอีกครั้งเถอะ”

พระมเหสีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ให้เจ้ากินถั่วของข้าแล้ว”

“ข้าจะกิน”

“ไม่ให้กิน”

“ข้าจะกิน”

สวี่ชีอันใช้เวลาตลอดทั้งเช้าอยู่ในบ้านหลังเล็กของพระมเหสี นั่งสานตะกร้าไม้ไผ่ ซ่อมถังไม้ ทำจอบขุดดินขนาดเล็ก สับฟืนแทนนางที่อยู่ในบ้าน และยังก่ออิฐสร้างเตาต้มน้ำในบ้านให้นางอีกด้วย

ในขณะที่เขาทำงาน พระมเหสีนั่งมองเขาอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ด้วยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย

รอจนได้เวลา นางก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในครัวอย่างเงียบๆ และลงมือปรุงอาหารจำนวนหนึ่งพอเป็นพิธี

“อร่อยหรือไม่?”

นางเท้าคางบนโต๊ะอาหารและมองสวี่ชีอันตาปริบๆ

โคตรไม่อร่อยเลย…สวี่ชีอันกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์ “ฝีมือการทำอาหารของเจ้าพัฒนาขึ้นแล้ว”

พระมเหสีฉีกยิ้มขึ้นมาทันที ดวงตาของนางราวกับพระจันทร์เสี้ยว “งั้นเจ้ากินให้หมดเลย”

“แล้วเจ้าล่ะ?”

“ข้าไม่หิว ข้ากินถั่วจนอิ่มแล้ว”

สวี่ชีอันพยักหน้า พลางก้มศีรษะรับประทานอาหาร ไม่นานเขาก็รับประทานอาหารที่นางปรุงหมดเกลี้ยงจนแทบจะเลียจาน พระมเหสีมองเขาตาไม่กะพริบด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ทักษะการทำอาหารของนางเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว อย่างไรลิ้นก็ไม่สามารถโกหกใครได้

“ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แหละ อาหารเรียบง่ายพื้นๆ ถึงจะเป็นความจริง”

ในขณะที่สวี่ชีอันพูด ก็เหลือบตาไปมองพระมเหสีขี้งอน นางดูเหมือนจะเคลื่อนไหวเล็กน้อย แววตาอ่อนโยนลงมาก แต่นางเก็บซ่อนความรู้สึกไว้อย่างมิดชิด

เมื่อเห็นเช่นนั้น เขาจึงล้วงมือเข้าไปในหน้าอก พลางสัมผัสกระจกเบาๆ และเทรากบัวชิ้นเล็กออกมา

“ข้าไปเจี้ยนโจวครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญาที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” สวี่ชีอันกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ

“ใครอยากให้เจ้าอยู่เป็นเพื่อน” พระมเหสีมุ่ยปากเล็กน้อย พลางเบือนหน้าไปทางอื่น

“แต่อย่างไรก็ไปไม่เสียเที่ยว เพราะข้าพบสิ่งที่น่าสนใจ” สวี่ชีอันวางรากบัวลงบนโต๊ะและกล่าวอีกว่า “นี่เป็นของที่ผู้อาวุโสมอบให้ข้าเป็นของขวัญ ว่ากันว่าเป็นของล้ำค่า แต่มันเหี่ยวเฉาแล้ว”

รากบัวมีสีคล้ำและหดตัว ริ้วรอยมากมายปรากฏอยู่บนพื้นผิว

“นี่คืออะไร?” พระมเหสีถูกดึงดูดความสนใจ

“ข้าไม่ค่อยแน่ใจ แต่อย่างไรก็เป็นของล้ำค่า” สวี่ชีอันทอดถอนใจ

“สิ่งนี้สำคัญสำหรับข้ามาก แต่ดูเหมือนจะเลี้ยงไม่โตแล้ว แต่ต่อให้จะเหี่ยวเฉา ก็ยังเป็นยาชนิดหนึ่ง นับว่ายังไปไม่เสียเที่ยว”

มู่หนานจืออ่อนไหวต่อตัวตนของตนเองมาก สวี่ชีอันไม่อยากให้นางรู้ว่าเขาเห็นร่างที่แท้จริงของนางอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้นางตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น

พระมเหสีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบรากบัวขึ้นมาเช็ดเบาๆ ที่แขนเสื้อ หลังจากนั้นก็อ้าปากเผยฟันซี่ขาวและกัดมันหนึ่งคำ

สวี่ชีอันไม่ทันตั้งตัว จึงห้ามนางไม่ทัน

พระมเหสีเคี้ยวไม่นาน ก็กลืนลงไป ก่อนจะแสดงความคิดเห็นอย่างชื่นมื่น “ยังหอมหวานอยู่เลย อืม มันยังไม่ตาย เลี้ยงสักพักก็น่าจะฟื้นแล้ว”

“!”

สวี่ชีอันตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ความปีติยินดีท่วมท้นในจิตใจของเขา คิดไม่ถึงว่าการใช้ความพยายามตามอารมณ์ จะได้รับการตอบกลับเช่นนี้

หากปลูกรากบัวชิ้นนี้ได้สำเร็จ ก็จะมีดอกบัวเก้าสีดอกที่สองบนโลก มันสามารถเติบโตด้วยตนเองและกลายเป็นดอกบัวในที่สุด…

สวี่ชีอันเคยเห็นอิทธิฤทธิ์ของเมล็ดบัวแล้ว หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เมื่อผ่านไปทุกๆ หกสิบปี เขาก็จะได้รับเมล็ดบัวยี่สิบสี่เม็ด

นี่…นี่…

นอกจากนี้ หากรากบัวสามารถเติบโตขึ้นได้ เงื่อนไขในการทำลายบรรพชนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ก็เป็นที่พอใจแล้ว ถ้าเขาสามารถอาศัยรากบัวในการก้าวขึ้นสู่ขั้นสอง เช่นนั้นเขาก็จะติดหนี้บุญคุณนางอย่างมหาศาล

การประลองกับโหรปริศนาในอนาคต บรรพชนกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์จะกลายเป็นหนึ่งในไพ่ใบใหญ่ที่สุดของเขา

หัวใจของสวี่ชีอันเริ่มร้อนรนขึ้นมาอย่างเงียบๆ เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการระงับความตื่นเต้นของตนเอง และกล่าวอย่างสงบว่า “งั้นเจ้าลองดูก็ได้ อืม ถ้ามันเลี้ยงไม่โต จำไว้ว่าต้องนำมันกลับมาคืนข้าล่ะ ข้าจะนำไปทำอย่างอื่น”

หากเลี้ยงไม่โต ข้าก็จะนำไปรายงานกับราชครู

พระมเหสีพยักหน้า

เดี๋ยวนะ เหตุใดราชครูถึงให้ข้าไปขอรากบัวนี้? นางเป็นผู้นำเต๋านิกายมนุษย์ ควรรู้ว่ารากบัวเก้าสีเป็นสิ่งที่เพาะปลูกได้ยาก ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าเป้าหมายคือการกลั่นยา

หากมันสามารถกลั่นยาได้ เหตุใดต้องมอบหมายให้เขาไปขอเป็นพิเศษ? พูดง่ายๆ คือ ลั่วอวี้เหิงมีจุดประสงค์อื่นหรือไม่?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็อดที่จะชายตามองพระมเหสีไม่ได้

ไม่น่าจะใช่มั้ง ลั่วอวี้เหิงไม่มีทางรู้ว่าข้าแอบเลี้ยงนางไว้อย่างลับๆ เฮ้อ ข้าก็ไม่สนิทกับราชครู ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับนางมาก จึงไม่สามารถด่วนสรุปได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง