ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 420

บทที่ 420 สวี่ชีอัน ‘เอ้อร์หลาง พี่ใหญ่จะสอนอุบายจับปลาให้เจ้า’ (1)

ในคราแรกท่านพ่อบุญธรรมเสนอโจมตีสำนักพ่อมด สวี่ชีอันสิ้นใจอยู่ที่อวิ๋นโจว

หนานกงเชี่ยนโหรวเดาว่าอารมณ์ของพ่อบุญธรรมในตอนนั้นคงทั้งเจ็บใจที่สูญเสียคนสนิทที่ไว้ใจไปและสำนักพ่อมดเติบโตเร็วเกินไปจำเป็นต้องกดขี่

หลังจากนั้นสวี่ชีอันกลับมาฟื้นคืนชีพที่เมืองหลวง สำนักพ่อมดก็อยู่ในกรอบหน้าที่มาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะเปิดฉากทำศึกแล้ว

สำหรับสำนักพ่อมดแค่จำเป็นต้องข่มเหงสักครั้งเท่านั้น

แต่ความหมายของพ่อบุญธรรม นี่เป็นการเปิดฉากสงครามประเทศขนาดใหญ่

“ท่านพ่อบุญธรรม นี่มันไม่สุดโต่งเกินไปหน่อยหรือ” หนานกงเชี่ยนโหรวพูดออกไปตรงๆ

ทุกวันนี้เมื่อพลังของประเทศต้าฟ่งอ่อนแอลง สงครามประเทศขนาดใหญ่และใช้เวลานานนับปีก็เป็นภาระที่มิอาจทนรับ

“หยางเยี่ยนส่งข่าวด่วนกลับมาจากทางเหนือว่า สำนักพ่อมดบุกโจมตีเผ่าปีศาจทางเหนือ จู๋จิ่วเสาหนึ่งต้นฤาจะสู้ตึกใหญ่ ถอยออกมาจากดินแดนเดิม แล้วพาเผ่าพันธุ์ปีศาจกับเผ่าอนารยชนมารวมพล เตรียมถอยทัพไปทางตะวันตก”

เว่ยเยวียนก้มหน้าศึกษาแผนที่ชัยภูมิ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “แม้แผนการของไหวอ๋องจะล้มเหลว ทว่าสำนักพ่อมดกลับบรรลุจุดประสงค์ หากจู๋จิ่วกับจี๋ลี่จือกู่ใครคนหนึ่งสิ้นชีพในสนามรบก็จะทำให้เผ่าปีศาจทางเหนือตกอยู่ในความอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าฉู่โจวก็เจอกับความเสียหายสาหัสเช่นกัน สูญเสียขั้นสามไปหนึ่งคน ไร้กำลังเดินทัพไปทางเหนือ เสียเปรียบสำนักพ่อมดเปล่าๆ”

หนานกงเชี่ยนโหรวตะลึงก่อนจะพลันกระจ่างแจ้ง “ดังนั้นท่านพ่อบุญธรรมจึงไม่ใส่ใจเรื่องในท้องพระโรง เพราะฝ่าบาทอาจจะส่งท่านไปยังอาณาจักรทางเหนืองั้นหรือ”

ในขณะเดียวกันเขาก็คาดการณ์อยู่ในใจ ที่ฝ่าบาทกดขี่สมุหราชเลขาธิการหวางในตอนนี้ มองเผินๆ ดูจะลำเอียง แต่ความจริงเป็นความเท่าเทียมที่พอดี

ท้องพระโรงไม่มีเว่ยเยวียนแล้ว สมุหราชเลขาธิการหวางก็จะเป็นใหญ่มิใช่หรือ

“ต่อให้ใจท่านพ่อบุญธรรมจะไม่อยู่ที่ท้องพระโรง ทว่าหลังฤดูใบไม้ร่วงยังอีกนาน เหตุใดไม่ใช้โอกาสจากวิกฤตของพรรคหวางฉวยเอาผลประโยชน์ ยามรบทัพจับศึกในวันหน้าจะได้ไม่มีเรื่องให้ต้องพะว้าพะวังกว่าเดิม”

หนานกงเชี่ยนโหรวเสนอความคิดเห็นของตน

เว่ยเยวียนหัวเราะพร้อมเอ่ย “เจ้าคิดว่าพรรคหวางยุบหรือไม่ยุบดี”

หนานกงเชี่ยนโหรวเอ่ยอย่างไม่ลังเล “ยุบดีที่สุดแล้ว”

เว่ยเยวียนพยักหน้า “ใช่ ยุบดีที่สุดแล้ว แต่ไม่ยุบก็ดีเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะสงครามเปิดฉาก ข้าคงได้ทีขี่แพะไล่ เมื่อหวางเจินเหวินล้ม ข้าก็มีเวลาอย่างน้อยห้าปีในการทำสิ่งต่างๆ ฝ่าบาทคิดจะสนับสนุนพรรคใหม่ให้เป็นศัตรูกับข้า ใช่ว่าจะสำเร็จในช่วงสั้นๆ สถานการณ์เช่นในตอนนี้ พรรคหวางไม่ยุบก็มีประโยชน์ที่จะไม่ยุบ หวางเจินเหวินสู้กับข้ามานานนับปีเยี่ยงนี้ นับว่ารู้ตื้นลึกหนาบางกันดี มีคู่ต่อสู้ที่คุ้นเคยอยู่ในท้องพระโรงก็ดีกว่าเป็นใครก็ไม่รู้”

บัดนี้มีเจ้าพนักงานเข้ามารายงานพร้อมเอ่ยด้วยเสียงนอบน้อม “เว่ยกง เฉียนชิงซู ปราชญ์มหาสำนักจากตำหนักอู่อิงขอเข้าพบขอรับ”

เฉียนชิงซูเป็นคนสนิทของหวางเจินเหวิน…หนานกงเชี่ยนโหรวมองไปที่เว่ยเยวียน

เว่ยเยวียนโบกมือปัด “ไม่พบ ให้เขากลับไปเสีย”

เจ้าพนักงานโค้งคำนับ “ขอรับ”

“ท่านพ่อบุญธรรม” หนานกงเชี่ยนโหรวพูดในใจ สุดท้ายแล้วท่านพ่อบุญธรรมยังคงเลือกที่จะสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ สินะ

“ข้าลงมือไปก็ไม่มีความหมาย”

เว่ยเยวียนยิ้มพร้อมเอ่ย “บุญคุณนี้ต้องเก็บไว้ให้คนที่เหมาะสม”

หนานกงเชี่ยนโหรวไม่เข้าใจทว่าก็ไม่เอ่ยถาม อยู่ร่วมกันมานานแรมปีเช่นนี้ เขาชินกับภาษาการพูดของท่านพ่อบุญธรรมไปเสียแล้ว

“เจ้าออกไปก่อนเถิด” เว่ยเยวียนพลันเอ่ย

หลังจากที่หนานกงเชี่ยนโหรวออกไป เขาก็หยิบจดหมายหลายฉบับออกมา ถือพู่กันและลงมือเขียน

พระราชวัง ในตำหนักจิ่งซิ่ว

องค์รัชทายาทเสวยบ๊วยแช่เย็น ข้างพระบาทถูกวางด้วยน้ำแข็ง ทรงเพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นที่บ่าวหญิงพัดส่าย แต่สีพระพักตร์กลับไม่ผ่อนคลายด้วยแม้แต่น้อยพลางตรัส

“วันนั้นข้าเคยเตือนสมุหราชเลขาธิการหวางว่าอย่าต่อกรกับเสด็จพ่อและอย่าไปร่วมมือกับเว่ยเยวียน เขาก็ไม่ฟัง แล้วดูตอนนี้สิ เสด็จพ่อจะเล่นงานเขาแล้ว”

องค์รัชทายาทกับสมุหราชเลขาธิการหวางไม่ได้คลุกคลีกันมาก ทว่าในพรรคหวางก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มั่นคงไม่แปรผันในพรรคขององค์รัชทายาท

หากหวางเจินเหวินหมดอำนาจ คนเหล่านี้ก็จะถูกเกี่ยวโยงด้วย ซึ่งจะทำให้อิทธิพลขององค์รัชทายาทในท้องพระโรงอ่อนแอลงได้

สนมเฉินและหลินอันกำลังฟังอยู่ด้านข้างก็เป็นกังวลเล็กน้อย นับตั้งแต่ปีแห่งการตรวจสอบข้าราชสำนัก ตำแหน่งขององค์รัชทายาทก็สั่นคลอนมาโดยตลอดมิอาจนิ่งเฉยได้

สนมเฉินขมวดคิ้วเอ่ย “ฝ่ายเว่ยเยวียนมีท่าทีเป็นอย่างไร”

องค์รัชทายาทตรัสเสียงขรึม “เฉียนชิงซูปราชญ์มหาสำนักจากตำหนักอู่อิงเข้าพบเว่ยเยวียนในเช้าวันนี้ แต่ไม่พบคน”

ใบหน้าของสนมเฉินเศร้าหมอง “เว่ยเยวียนกับสมุหราชเลขาธิการหวางเป็นศัตรูทางการเมือง เกรงว่าจะผีซ้ำด้ำพลอย”

องค์รัชทายาททอดพระเนตรน้องสาวร่วมสายโลหิตพลางตรัส “หลินอัน สวี่ชีอันนั่นเป็นคนสนิทเจ้ามิใช่หรือ เขาเป็นคนที่เว่ยเยวียนไว้ใจ มิสู้ลองพุ่งเป้าไปที่สวี่ชีอันดูล่ะ”

หลินอันนั่งอยู่บนเตียงนุ่ม กระโปรงยาวสีแดงสดใสประณีตงดงาม สวมมงกุฎสีทองอร่าม เส้นโค้งใบหน้ารูปไข่อันอวบอิ่มที่งดงาม นัยน์ตาดอกท้องามฉ่ำวาว

ยามนิ่งเงียบราวกับสาวหยกงามอันประณีตไร้ตำหนิ

“เขาก็ไม่ได้มาหาข้านานแล้ว…”

สีหน้าของหลินอันเศร้าหมองพร้อมเอ่ยเสียงอ่อน

หลังจากคดีสังหารหมู่ล้างบางเมืองฉู่โจว ผ่านไปนานกว่าครึ่งเดือน สวี่หนิงเยี่ยนก็ไม่เคยมาพบนางอีกเลย แม้ปากจะไม่พูด ทว่านางที่จิตใจอ่อนไหวก็รู้สึกมาโดยตลอดว่าเพราะเรื่องนั้น สวี่หนิงเยี่ยนจึงชิงชังราชวงศ์อย่างถึงที่สุด

จึงพานเกลียดนางไปด้วยและตั้งใจตีตัวออกห่างตน

เมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเขาก่อนหน้านี้ ในใจหลินอันก็ปวดร้าวเป็นพักๆ

“ง่ายๆ เจ้าก็ให้คนไปส่งจดหมายที่จวนสกุลสวี่อย่างเงียบๆ นัดเจอเขา หากเขาตกลงก็หมายความว่าใจเขายังมีเจ้าอยู่ข้างใน” องค์รัชทายาททรงยิ้มกริ่มออกความเห็น

สนมเฉินกล่าวเสริม “จำไว้ว่าเป็นความลับ ให้คนรับใช้ในจวนของหลินอันไปทำ อย่าส่งทหารรักษาพระองค์ในวังไป อย่าให้เสด็จพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้ากับสวี่ชีอันไปมาหาสู่กันด้วย”

หลินอันพยักหน้าอย่างแรง แล้วแสดงสีหน้าทั้งกังวลและคาดหวัง “ข้าจะส่งคนไปจัดการ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง