ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 421

บทที่ 421 เข้าพบหลินอัน

หวางเจินเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อยและตอบด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “เข้ามา!”

เขารู้ธรรมชาติพื้นฐานของลูกสาว ไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ก็คงจะไม่มารบกวนที่นี่ในเวลานี้

ประตูห้องหนังสือถูกผลักเปิดออก หวางซือมู่ยืนอยู่ที่ประตูพลางแสดงความเคารพอย่างอ่อนโยนท่าทางถูกต้อง ดูกระมิดกระเมี้ยน

“ท่านพ่อ ใต้เท้าสวี่มีเรื่องด่วนต้องการขอพบเจ้าค่ะ”

คิดว่าที่หวางซือมู่พูดว่า ‘ใต้เท้าสวี่’ คือสวี่ชีอันของซุนซ่างชูและคนอื่นๆ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันใด และก็เริ่มให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าตัวสร้างปัญหานี้จะน่ารำคาญ แต่ความสามารถและวิธีการจัดการงานของเขาได้รับการยอมรับจากท้องพระโรงมาตั้งนานแล้ว

‘สวี่ชีอันมาเยี่ยมเยียนที่จวนสกุลหวางเวลานี้ มีเจตนาอะไร?’

หวางเจินเหวินก็รู้สึกจิตใจสั่นไหวเช่นกัน พลางกล่าว “เชิญเขาเข้ามา”

หวางซือมู่หันหน้าไปมองด้านข้าง หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สวี่เอ้อร์หลางที่จมูกเขียวและใบหน้าบวมเป่งก็เดินออกมาจากประตู ก้าวข้ามธรณีประตูมา พลางน้อมคำนับพูด

“ข้าน้อยเคยได้พบกับใต้เท้าทุกท่านแล้ว”

‘ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง…’ เฉียนชิงซูและคนอื่นๆ ส่ายหัว

สวี่ฉือจิ้วเป็นพรสวรรค์ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ความรู้และความกล้าหาญของเขาโดดเด่น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพี่ใหญ่ของเขานั้นยังห่างกันอีกเยอะมากจริงๆ

ในสายตาของพวกเขา สวี่ฉือจิ้วเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีศักยภาพโดดเด่นยอดเยี่ยม และในสายตาของพวกเขา สวี่ชีอันเป็นคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกได้เลยทีเดียว

แต่ความสำคัญก็ต่างกรรมต่างวาระกันเปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่ดี

ความผิดปรากฏแวบหนึ่งขึ้นในดวงตาของหวางเจินเหวิน แต่ก็ฟื้นกลับคืนมาทันที พร้อมกับพยักหน้าแล้วพูด

“ใต้เท้าสวี่ มาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

สวี่ซินเหนียนหยิบจดหมายลับปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา เร่งฝีเท้าเดินอย่างจริงจังมาที่ข้างสมุหราชเลขาธิการหวาง

“สิ่งเหล่านี้ คาดว่าจะต้องเป็นประโยชน์กับใต้เท้าสมุหราชเลขาธิการแน่”

สมุหราชเลขาธิการหวางเหลือบมอง หยิบมันขึ้นมาอย่างไม่สนใจ กวาดตามองรอบหนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็แข็งค้างทันที

เขากวาดตาอ่านจดหมายลับฉบับแรกอย่างรวดเร็ว และเปิดจดหมายฉบับที่สองและสามอย่างกระวนกระวายใจราวกับว่ากลัวจะอ่านไม่ทัน

หลังจากอ่านครบทั้งหมดแล้ว สมุหราชเลขาธิการหวางก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่ขยับเคลื่อนไหว ราวกับอยู่ในความงุนงงพร้อมกับกำลังครุ่นคิด

เจ้ากรมอาญาซุนซ่างชูและปราชญ์มหาสำนักเฉียนชิงซูกำลังจ้องมองกันและกัน ฝ่ายหลังเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยและลองพูดทดสอบหยั่งเชิง “ใต้เท้าสมุหราชเลขาธิการ?”

เจ้ากรมกรมปกครองและคนอื่นๆ ต่างชำเลืองมองกัน พวกเขารู้ได้เลยว่าจดหมายเหล่านี้ไม่ธรรมดาแน่

สมุหราชเลขาธิการหวางรวบรวมจดหมายลับสองสามฉบับและส่งให้ซุนซ่างชูที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเห็นเขาเอื้อมมือจะมาหยิบ ก็รีบเอ่ยเตือนทันที “ระวังหน่อย”

ซุนซ่างชูชะงักงันครู่หนึ่ง ดูเหมือนงุนงงเล็กน้อย พลางพยักหน้า จากนั้นก็จดจ่อมุ่งความสนใจไปที่จดหมายเหล่านั้นและเริ่มเปิดอ่าน

เมื่ออ่านๆ ไป เขาก็เพียงแต่นิ่งไปไร้การเคลื่อนไหวใดๆ และเบิกตาโตเพียงเล็กน้อย

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบเปิดจดหมายฉบับอื่นๆ อ่านอย่างเร่งรีบในทันที ท่าทางดูบุ่มบ่ามหยาบคายและใจร้อน เห็นสมุหราชเลขาธิการเลิกคิ้วขึ้น กลัวมากว่าเขาจะทำให้จดหมายเสียหาย

การแสดงออกของซุนซ่างชูก็อยู่ภายใต้สายตาของเหล่าปราชญ์มหาสำนักและเจ้ากรม ทำให้พวกเขายิ่งประหลาดใจ พิศวงงงงวย และอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

อยากรู้จะแย่แล้วว่าจดหมายเหล่านั้นบันทึกอะไรไว้

“ดี ดีแล้ว!” มีสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องยอมเสียผลประโยชน์ ก็สามารถผลึกดึงกองกำลังมาได้กลุ่มใหญ่

“ฝ่าบาทประสงค์จะสอบสวนมิใช่หรือ?”

“โอ้ แม้ว่าจะตรวจสอบจนถึงปีหน้า เขาก็คงจะตรวจสอบไม่พบอะไรเลย”

ซุนซ่างชูเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“แสดงให้ขุนนางดูหน่อย”

เจ้ากรมกรมปกครองคว้าจดหมายมาก่อนเป็นอันดับแรก พลางเปิดอ่าน ชั่วครู่ต่อมา เขาก็พูดซ้ำ ๆ อย่างตื่นเต้น “ยอดเยี่ยมๆๆ

“ข้าเคยคิดที่จะเก็บรวบรวมหลักฐานที่แสดงว่าหยวนสยงและคนอื่นๆ กระทำผิดเพื่อใช้ตอบโต้ แต่มีเวลาน้อยเกินไปฝ่ายตรงข้ามก็ได้จัดการเก็บหัวเก็บหางหมดแล้ว วิธีนี้จึงไม่ใช่ทางเดินที่สะดวกนัก นี่…นี่เหมือนกับว่ามีคนส่งหมอนมาให้ในยามที่กำลังต้องการจะนอนพอดี”

ในห้องหนังสือนี้ เหล่าใต้เท้าทั้งหลายค่อยๆ อ่านจดหมายจบไปทีละฉบับ เปลี่ยนความหนักหน่วงก่อนหน้านี้ เป็นรอยยิ้มที่ฮึกเหิมปรากฏออกมาแทน

หวางซือมู่ที่ยืนอยู่ที่ประตูยืนดูฉากนี้เงียบๆ บิดากับเหล่าลุงๆ ของนางที่ก่อนหน้านี้ดูสีหน้าเคร่งขรึม กลับหัวเราะอย่างฮึกเหิมกันใหญ่หลังจากได้อ่านจดหมายจบ นางเห็นทุกอย่างแล้ว

‘แม้ว่าจดหมายจะเป็นของสวี่ชีอันก็ตาม แต่น้ำใจของเอ้อร์หลางที่เป็นคนส่งจดหมายให้นั้น บิดาของนางจะมองข้ามสิ่งนี้ไปได้อย่างไร…’ นางถอนหายใจด้วยความกังวล ยิ่งมั่นใจมากขึ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของตนเอง

สมุหราชเลขาธิการหวางเก็บจดหมายกลับมาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่สวี่เอ้อร์หลาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ใต้เท้าสวี่ จดหมายเหล่านี้ได้มาจากไหนหรือ?”

เจ้ากรมซุน เจ้ากรมสวี ตลอดจนเหล่าปราชญ์มหาสำนักหลายคนต่างพากันมองไปทางสวี่เอ้อร์หลาง

สวี่เอ้อร์หลางโค้งคำนับตอบ “จากพี่ใหญ่ขอรับ”

‘เป็นเขาจริงๆ ด้วย…’ ซุนซ่างชูอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน ซับซ้อนจนตัวเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว เขานั้นเกลียดสวี่ชีอันเข้าไส้

ความขัดแย้งก่อตัวขึ้นอยู่ภายใต้ซังผอ ไอ้เด็กสารเลวนั้นเป็นอริต่อต้านเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า และที่มากสุดคือครั้งหนึ่งที่เขียนบทกวีเพื่อด่าเขาและตอกย้ำตรึงให้เขาติดอยู่กับเรื่องอัปยศ

ใช่สิ ไม่ใช่แค่การลักพาตัวลูกชายของเขา แต่ยังเขียนบทกวีเพื่อด่าเขาอีกต่างหาก

ตามกฎข้อบังคับของชนชั้นข้าราชการ นี่คือการต่อสู้แบบถ้าไม่ตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่มีทางหยุด อันที่จริง…ซุนซ่างชูก็อยากที่จะฆ่าเขาเป็นอย่างมาก และยังคงพยายามไม่หยุดเพื่อสิ่งนี้

จนกระทั่งคดีสังหารหมู่ฉู่โจว นี่เป็นจุดเปลี่ยนหนึ่ง

บางคนก็เป็นเช่นนี้ คืออยากจะให้เขาตาย แต่ก็กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเคารพเลื่อมใสเขาจากใจจริงเพราะเรื่องนี้

แต่ตอนนี้ เป็นช่วงเวลาที่เป็นตายเท่ากันของพรรคหวาง สวี่ชีอันก็ได้ส่งสิ่งสำคัญเหล่านี้มาให้อย่างคาดไม่ถึง ต้องเข้าใจว่าเมื่อสิ่งเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของพวกเขา ก็คงจะผ่านวิกฤตครั้งที่ค่อนข้างร้ายแรงนี้ไปได้โดยไม่เป็นอันตราย

น้ำใจส่วนนี้ยิ่งใหญ่มาก ซุนซ่างชูไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้

เฉียนชิงซูและคนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจ ไม่แปลกใจเลยที่จดหมายลับเหล่านี้ถูกทิ้งไว้โดยเฉากั๋วกง ทว่าเฉากั๋วกงตายด้วยน้ำมือของใคร?

เรื่องที่น่าแปลกใจคือ ไม่น่าเชื่อว่าสวี่ชีอันจะยอมช่วยพวกเขา

สมุหราชเลขาธิการหวางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม “เขาต้องการอะไร?”

สวี่เอ้อร์หลางโค้งคำนับพูด “รอให้สะสางเรื่องท้องพระโรงคลี่คลาย พี่ใหญ่จะมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง”

สมุหราชเลขาธิการหวางครุ่นคิดสักครู่แล้วพยักหน้า “ได้”

ในเวลานี้ หวางซือมู่กล่าวเบา ๆ “ท่านพ่อ เพื่อที่จะได้รับจดหมายเหล่านี้ เอ้อร์หลางและพี่ใหญ่ของเขาเกือบขัดแย้งกันแล้ว บาดแผลบนใบหน้าของเขานั้นเกิดขึ้นเพราะถูกสวี่ชีอันต่อยมา แต่เอ้อร์หลางกลับไม่ได้รับความดีความชอบเลย”

สมุหราชเลขาธิการหวางตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่สวี่เอ้อร์หลางอย่างละเอียดถี่ถ้วน แววตาของเขาค่อยๆ อ่อนลง

เฉียนชิงซูและคนอื่น ๆ ก็เหลือบมองสวี่เอ้อร์หลาง แล้วหันหน้าไปมองทางหวางซือมู่ สีหน้าท่าทางค่อนข้างแปลกประหลาด

ทั้งหมดล้วนเป็นข้าราชการที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะทั้งนั้น พลางรีบให้ข้อมูลข่าวคราวมากมายในทันที

‘ถ้าสวี่ชีอันไม่เต็มใจ สวี่ฉือจิ้วก็คงจะไม่สามารถรับมันไว้ได้แม้ว่าต้องสละชีวิตก็ตาม หลังจากที่เขาลาออกจากราชการแล้ว เขาก็รู้ว่าต้องหาแรงสนับสนุนจากบ้านสกุลสวี่…’ เมื่อเฉียนชิงซูคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจก็ร้อนขึ้นมา

ในความเห็นของเขา สวี่ชีอันยินดีที่ส่งสัญลักษณ์แห่งสันติภาพนี้มาให้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าเขาจะเป็นคนสนิทของเว่ยเยวียน ถึงแม้ว่าเว่ยเยวียนและพรรคหวางจะไม่ลงรอยกัน แต่นอกเหนือจากที่นี่แล้ว หากพรรคหวางยังจำเป็นต้องใช้สวี่ชีอันโดยอาศัยความสัมพันธ์กับสวี่ซินเหนียน เขาคงไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน ทั้งสองฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้ในระดับหนึ่ง

สวี่ชีอันเป็นโอกาสหนึ่ง เป็นเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ได้ดี

หลังจากปีของการตรวจสอบข้าราชสำนัก เหล่ากงส่วนใหญ่ของท้องพระโรงมีแนวความคิดที่คล้ายคลึงกัน

ถ้าพรรคหวางเชี่ยวชาญและเข้าใจในเครื่องมือชิ้นนี้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต

การปะทะคารมอย่างดุเดือดของเด็กคนนี้ร้ายกาจมาก หากสามารถประคองเขาขึ้นไปได้ ในอนาคตเขาจะไร้คู่ต่อสู้ขวางกั้น ‘อืม…ดูเหมือนว่าเขากับหลานสาวซือมู่จะมีความอบอุ่นปิดบังไว้…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือยอมรับเครื่องมือของสวี่ฉือจิ้วและสวี่ชีอันชิ้นนี้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรา’ เจ้ากรมกรมปกครองสวีครุ่นคิด

ความคิดของคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน พลางชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียของผลประโยชน์อย่างรวดเร็ว โดยคาดคะเนจากความสัมพันธ์ระหว่างสวี่ซินเหนียนและหวางซือมู่

สมุหราชเลขาธิการหวางกระแอมไอ พลางพูด “เวลาก็ดึกแล้ว มาแบ่งจดหมายลับเป็นส่วน แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง”

เขาไม่ได้มองไปที่สวี่ซินเหนียนอีกเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง