ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 492

บทที่ 492 กลยุทธ์ที่เหนือกว่า

หางสุนัขจิ้งจอกเก้าหางที่ดูไม่เหมือนของจริงสักเท่าไร แผ่ออกเหมือนนกยูงรำแพนหาง คลอเคลียอยู่ด้านหลังของสวี่ชีอัน

หางจิ้งจอกเหล่านี้ได้มาจากองค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจ จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง

เจ้าสำนักจ้าวโส่ว และบรรพชนกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ล้วนแต่เป็นไพ่ที่สวี่ชีอันเผิดเผยออกมาตั้งแต่ต้น

เขายังมีไพ่ลับที่ไม่มีใครรู้มาก่อน นั่นคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจ

สวี่ชีอันไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับองค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจ วิญญาณจิ้งจอกผู้มีตบะแก่กล้า ที่ปรากฏในหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขาพอจะรู้จักเพียงชื่อเดียวตนนั้น

แต่สวี่ชีอันรู้ดีว่าหากเขาพบวิกฤติใหญ่ ชนิดที่ว่าไม่อาจเอาชีวิตรอดไปได้

องค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยปกป้องเขาได้อย่างแน่นอน

เหตุผลนั้นแสนจะเรียบง่าย บุตรในเงามืดของอาณาจักรหมื่นปีศาจได้แอบส่งตัวเสินซูมาให้ถึงที่พักของเขาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว

เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นคำแนะนำจากจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง มิฉะนั้นมีหรือบุตรในเงามืดจะกล้าทำอะไรเช่นนี้โดยพลการ

จุดประสงค์ของพวกเศษเดนอาณาจักรหมื่นปีศาจคือการใช้โชคชะตาในกายของเขาหล่อเลี้ยงท่อนแขนของเสินซู ปล่อยให้เขาและเสินซูรุ่งโรจน์ หรือล่มจมไปพร้อมกัน

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอาจไม่แยแสต่อความเป็นความตายของเขา แต่นางทนเห็นเสินซูถูกผนึก หรือถูกดินแดนพุทธควบคุมอีกครั้งไม่ได้ มิฉะนั้นคดีซังผอที่อาณาจักรหมื่นปีศาจทุ่มเทวางแผนมาทั้งหมดนี้จะทำไปเพื่ออะไร

แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่าทุกคนต่างได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่หากมีเพียงเหตุผลดังกล่าวเพียงอย่างเดียว สวี่ชีอันคงไม่เสี่ยงเอาชีวิตของตนเองและครอบครัวมาฝากไว้กับนางปีศาจสาวที่ไม่เคยพบปะพูดคุยกันสักครั้ง

ที่เขามั่นใจว่าองค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจจะเคลื่อนไหว และถือเอานางเป็นไพ่ตายของตนเองนั้นมีอยู่สองเหตุผล

เรื่องแรก นิทานของฝูเซียง

ใช่ว่าสวี่ชีอันจะมองมิตรผู้รู้ใจคนนี้ไม่ออก แต่ด้วยตัวตนและสถานะของฝูเซียง นางจะเข้าใจเรื่องราวในอดีตของศิษย์เอกของท่านโหราจารย์หรือ?

เป็นไปไม่ได้แน่นอน

เช่นนั้นเหตุใดนางจึงเขียนจดหมายถึงตัวเขา ด้วยนิทานที่สื่อเป็นนัยอย่างชัดเจนขนาดนี้ด้วย

คำตอบนั้นง่ายมาก นี่เป็นคำใบ้จากองค์หญิงแห่งอาณาจักรหมื่นปีศาจ ที่ชี้ตัวศัตรูของนางในทางหนึ่ง ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นการเปิดเผยเจตนาในการลงมือของนางอย่างแนบเนียน

แต่เพียงเท่านี้ก็ยังไม่เพียงพอให้สวี่ชีอันยกให้นางเป็นอาวุธลับก้นหีบได้

เหตุผลที่แท้จริงคือ ท่านโหราจารย์ได้มอบยาอายุวัฒนะสีขาวขุ่นแก่เขาเม็ดหนึ่ง ในวันที่เขาจะรู้สึกตัวขึ้นที่สำนักโหราจารย์ ก่อนจะไปเยี่ยมเยือนจ้าวโส่วที่สำนักอวิ๋นลู่

เมื่อกลืนยาอายุวัฒนะลงท้อง สวี่ชีอันก็ได้ยินเสียงหัวเราะอันนุ่มนวลแผ่วเบา ก่อนจะหายไป

สวี่ชีอันไม่รู้ว่าท่านโหราจารย์และจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางติดต่อกันอย่างไร แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ คนฉลาดมองตาย่อมรู้ใจกัน

ในที่สุดก็โผล่มาสักที…สวี่ชีอันที่รู้สึกถึงสัมผัสอันแปลกประหลาดจากกระดูกหาง ก็รู้สึกโล่งใจ

เหตุผลที่เขาด่าว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเป็นหญิงน่ารังเกียจ ก็เพราะเคยประสบกับนิสัยแย่ๆ ของนางด้วยตนเอง

นางจะลงมือเร็วกว่านี้ก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นต้องคอยเวลาจนถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ สวี่ชีอันตกใจจนฉี่แทบราด นึกว่าไพ่ตายช่วยชีวิตของเขาจะใช้งานไม่ได้เสียแล้ว

ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาคงได้แต่ภาวนาขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาในภพภูมิที่ดี เกิดในครอบครัวเศรษฐี มีพ่อเป็นมนุษย์ธรรมดา ถ้าจะให้ดีขอให้มีพี่สาวสูงยาวเข่าดี หุ่นเอ็กซ์แบบเบิ้มๆ ด้วยเถิด

ทันทีที่พวกมันปรากฏตัวขึ้น โหรชุดขาวก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ราวกับถูกสะกด

เมื่อสบโอกาส ส่วนหนึ่งของหางจิ้งจอกทั้งเก้าที่เหมือนหนวดปลาหมึกพันธนาการด้วยโชคชะตาไร้รูปร่างขนาดใหญ่ โอบล้อมป้องกันไม่ให้โหรชุดขาวมากระชากตัวพวกมันได้

อีกส่วนหนึ่งกระหน่ำฟาดโหรชุดขาวอย่างรุนแรง

พวกมันไม่ได้ปล่อยพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวออกมา และไม่ได้สร้างภาพมายาอันน่าตกตะลึงแต่อย่างใด ทว่าโหรชุดขาวกลับถอยหลังไปครึ่งก้าว ราวกับหวาดกลัวจนสุดขีด

“หึ!”

เขาแค่นเสียงเย็นชา ทั้งประหลาดใจ แต่ก็ไม่แปลกใจสักเท่าไรกับการปรากฏตัวของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง

ที่ไม่แปลกใจก็เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเสินซู ที่อีกฝ่ายลงมือแทรกแซง ล้วนเป็นไปตามคาด

แต่ที่ประหลาดใจคือ เขาไม่คิดว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางจะจู่โจมด้วยวิธีนี้

ต้องรู้ก่อนว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าโหรชั้นสูงผู้เชี่ยวชาญในวิชามองปราณ วิธีอำพรางตนส่วนใหญ่ล้วนตบตาโหรไม่ได้ บนโลกนี้มีวิธีอำพรางตนที่สามารถรอดพ้นสายตาของโหรขั้นสาม มีน้อยเสียจนนับนิ้วได้

ส่วนวิธีการเหล่านี้ โหรชุดขาวรู้ดีอยู่แล้วว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางจะต้องสำแดงทักษะการอำพรางตัวที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนอย่างแน่นอน

โหรชุดขาวไม่ได้ลนลานแต่อย่างใด เขากระทืบเท้าลง ค่ายกลที่หลงเหลืออยู่ก็ปะทุด้วยแสงพร่างพราย กลายเป็นกำแพงป้องกันปกคลุมร่างของเขา

‘วืด วืด วืด!’

หางจิ้งจอกหกหางตวัดฟาดเข้ากับกำแพงป้องกันอย่างรุนแรงเกินต้านทาน จนแสงเจิดจ้าสั่นสะเทือน พลังปราณระเบิดออกทีละชั้น จนโหรชุดขาวต้องถอยหลังทีละก้าว

หางจิ้งจอกอีกสามหางที่พันธนาการด้วยโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ หดกลับเข้าไปในกายของสวี่ชีอัน

โชคชะตาหวนคืนสู่ร่างของเขาอีกครั้ง

ฮู่ว…สวี่ชีอันผ่อนลมหายใจยาวๆ จิ้งจอกสุดยอด!

เมื่อเห็นดังนั้น บรรพชนกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์และเจ้าสำนักจ้าวโส่วก็คว้าโอกาสนี้ทันที จิตดาบพุ่งออกมาจากห้วงอากาศว่างเปล่า ทวีจำนวนขึ้น จิตดาบของขั้นสามระดับสูงสุดใกล้แตะขั้นสอง หลอมรวมกับดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ ทำลายค่ายกล ราวกับทะลวงผ่านกองทหารนับพันทีละกองๆ จนกระทั่งไปถึงตัวแม่ทัพใหญ่ได้ในที่สุด

โหรชุดขาวไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด แม้จะเผชิญกับการโจมตีที่เฉียบขาดจากคนสามคน ในเมื่อยังดึงโชคชะตาออกมาไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางปล่อยสวี่ชีอันไปเป็นอันขาด

ถุงเครื่องหอมเปิดเองโดยอัติโนมัติ อาวุธเวทมนตร์แต่ละชิ้นลอยออกมาเองราวกับมีชีวิตขึ้นมา ซึ่งอาวุธเวทมนตร์เหล่านั้นไม่ใช่อาวุธที่โจมตีทางกายภาพเช่นหน้าไม้หรือปืนใหญ่ แต่เป็นอาวุธเวทมนตร์ที่มีการใช้งานสุดแปลกประหลาด

พวกมันมีทั้งคันฉ่องสำริด มีทั้งเขี้ยวสัตว์ บางอันก็เป็นตราประทับสำริด บางอันก็เป็นเจดีย์จำลอง…

พวกมันมีวิธีใช้งานได้แก่ การอัญเชิญเทพ ทะลวงพลังปราณ กักขัง และกลั่นยา…

อาวุธเวทมนตร์ทั้งหลายห้อมล้อมกายของสวี่ชีอัน แม้ว่ากายเนื้อจะไม่ได้รับอันตราย แต่จิตเดิมของเขาสั่นสะเทือน ราวกับถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ และทำให้หมดสติไปชั่วขณะ

หางจิ้งจอกที่มีฟันและกรงเล็บ ยืดออกราวกับหนวดปลาหมึก คล้ายจะสูญเสียพลังชีวิต สูญสิ้นเป้าหมาย มันเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ภายใต้อิทธิพลจากอาวุธเวทมนตร์

โหรชุดขาวยื่นมือออกมา และวางลงบนศีรษะของสวี่ชีอันอย่างหลวมๆ ก่อนจะเริ่มดูดซับโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ และกลั่นกรองอีกครั้งหนึ่ง

“ห้ามใช้อาวุธเวทมนตร์”

จ้าวโส่วกล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม

เมื่อค่ายกลสะเทือนโลกาของโหรชุดขาวถูกโจมตีจากปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่รุ่นปัจจุบันและทหารครึ่งขั้นสองจนเสียหายเกินกว่าครึ่ง ไม่อาจต้านทานคำสั่งประกาศิตของลัทธิขงจื๊อได้

‘ติ๊ง ติ๊ง!’

อาวุธเวทมนตร์ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศตกลงมาทีละอัน

มงกุฎแห่งปราชญ์เอกและดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ร่วมกันผนึกตัวเอง ยับยั้งอิทธิฤทธิ์ของพวกมัน ปัญญาชนเป็นพวกใช้เหตุผล ไม่ใช่พวกอันธพาล พลังของการลั่นประกาศิตส่งผลต่อฝ่ายตนเองด้วยเช่นกัน

จ้าวโส่วพ่นลมหายใจขุ่นมัว ใบหน้าขาวซีด ซึ่งเป็นผลสะท้อนกลับจากประกาศิตของตนเอง

ในสถานการณ์ปกติ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกัน หากผลกระทบจากพลังของการลั่นประกาศิตทวีขึ้นเรื่อยๆ ก็สามารถใช้ได้เพียงสามครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นพลังอันยิ่งใหญ่ไม่อาจต้านทานผลสะท้อนจากวรยุทธ์ได้

ทว่าหากเมื่อใดที่ใช้พลังการลั่นประกาศิตมาเป็นตัวช่วยหรือเสริมพลังให้กับตนเอง เมื่อนั้นก็สามารถใช้เพิ่มได้เรื่อยๆ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

ประกาศิตเช่น ‘ห้ามหายตัว’ หรือ ‘ห้ามใช้อาวุธเวทมนตร์’ ล้วนแต่ส่งผลต่อศัตรูโดยตรง ด้วยกำลังของจ้าวโส่วผู้อยู่ในขั้นสามระดับสูงสุด เมื่อเผชิญหน้ากับโหรที่มีระดับสูงกว่าตนเองหนึ่งขั้น ต่อให้มีตัวเสริมพลังจากดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์และมงกุฎแห่งปราชญ์เอก ก็สามารถลั่นประกาศิตได้เพียงสามครั้งเท่านั้น

เมื่อหลุดพ้นจากการควบคุมของอาวุธเวทมนตร์ หางจิ้งจอกทั้งเก้าก็กลับมาทรงพลังอีกครั้ง มันแผ่สยายขึ้นสู่ท้องฟ้า ตวัดฟาดฟันไปทั่ว

โหรชุดขาวถูกโจมตีจนล่าถอยอีกครั้ง การต่อสู้ระยะประชิดถือเป็นจุดอ่อนของโหร

หางจิ้งจอกมายาเกี่ยวกระหวัดโชคชะตาและดึงกลับมาในร่างของสวี่ชีอันอีกคร้ัง

“สังหารศัตรูไปแปดร้อยเท่า ทำลายตนเองพันเท่า”

โหรชุดขาวกล่าวด้วยรอยยิ้มหยัน

เขาเยาะเย้ยจ้าวโส่ว มงกุฎแห่งปราชญ์เอกและดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ผนึกตนเอง อีกทั้งยังลั่นประกาศิตครบสามครั้งแล้ว การโจมตีครั้งต่อไป พลังต่อสู้ของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้คงจะร่อยหรอ

ส่วนบรรพชนกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์นั้น แม้ว่าการโจมตีของทหารชั้นต่ำนั้นจะรุนแรง แต่เขาก็มีวิธีรับมือมากมาย อีกทั้งตาเฒ่าหงำเหงือกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก จึงไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตนเอง

สำหรับโหรแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนขนาดใหญ่ที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้

โหรชุดขาวบริกรรมคาถาพลางกำมือข้างหนึ่ง จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “ลอยขึ้น!”

แผ่นหินส่งเสียง ‘กึกๆ’ ก่อนจะลอยขึ้นไปในอากาศ บนแผ่นหินเป็นค่ายกลสะเทือนโลกาที่ถูกทำลายไปกว่าสองในสามส่วน เริ่มหดเล็กลงและซ่อมแซมตัวเอง กลายสภาพเป็น ‘ค่ายกลสะเทือนโลกา’ ฉบับเรียบง่าย

แม้จะไม่ทรงพลังเท่าค่ายกลก่อนหน้านี้ แต่กลิ่นอายของมันก็กลับมาแข็งแกร่งและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น จากสภาพที่ร่อแร่ ไม่ต่างจากทหารที่เหนื่อยล้าที่ได้พักหายใจหายคอครู่หนึ่ง ความสามารถที่สูญหายไป เช่นการเคลื่อนย้าย การจองจำ ทั้งหมดล้วนได้รับการฟื้นฟู

สำหรับโหรชั้นสูงแล้ว การซ่อมแซมค่ายกลที่อยู่ในสภาพเสียหายนั้นเป็นความสามารถขั้นพื้นฐาน เช่นเดียวกับความสามารถพื้นฐานในระบบต่างๆ เช่นภิกษุที่นั่งฌานได้ และนักพรตที่ถอดจิตได้

ทว่าในตอนนี้เอง โหรชุดขาวก็เห็นจ้าวโส่วยกมือขึ้นอย่างใจเย็น และหันฝ่ามือไปมาตนเอง พร้อมเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“ห้ามใช้ค่ายกลในอาณาเขตนี้”

เมื่อสิ้นเสียง แผ่นศิลาที่ลอยคว้างกลางอากาศที่ร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ค่ายกลพังทลาย สูญสิ้นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ เพียงประโยคเดียว ทำให้ค่ายกลสะเทือนโลกาขนาดกะทัดรัดนี้อ่อนกำลังลงถึงห้าส่วน

โหรชุดขาวไม่อาจควบคุมให้แผ่นหินลอยขึ้นไปได้อีก จึงร่วงหล่นลงมาพร้อมกับมันและสวี่ชีอันที่อยู่ข้างบนนั้นด้วย

ในตอนนี้เอง จิตดาบอันไร้เทียมทานก็ฟันเข้าที่หลังของโหรชุดขาวอย่างรุนแรง

โหรชุดขาวร้องคำรามเสียงลั่น เนื้อหนังบนแผ่นหลังปริออกจากกัน เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย

ตั้งแต่ที่เขาปรากฏออกมา ในที่สุด ในที่สุดเขาก็ได้รับบาดแผลสักที เนื่องจากเป็นจิตดาบของทหาร พลังสังหารจึงรุนแรงและน่ากลัวยิ่งกว่าระบบอื่นๆ

โหรชุดขาวถอยกรูด พยายามหนีให้ห่างจากสวี่ชีอัน เขาในตอนนี้ไม่กล้าเผชิญหน้ากับหางของจิ้งจอกเก้าหางอีก

จิตดาบพุ่งทะยานมากจากห้วงอากาศว่างเปล่าเป็นชุด กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์พร้อมจะกระหน่ำตีเจ้าลูกหมาตกน้ำทันที โดยไม่พูดพล่ามถึงคุณธรรมในยุทธจักรอีก

เมื่อเห็นดังนั้น จ้าวโส่วก็เอื้อมมือไปคว้าไหล่ของสวี่เอ้อร์หลาง กันไม่ให้เขากระโจนขึ้นไปดูสถานการณ์ของหลานชาย และรีบพาตัวเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าพูดให้ถูก ต้องบอกว่า สังหารศัตรูพันเท่า ทำลายตนเองแปดร้อยเท่าต่างหาก”

จ้าวโส่วตอกกลับ

ก่อนหน้านี้ที่เขาสำแดงคาถาทำลายค่ายกลนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่การลั่นประกาศิตเป็นเป็นการหยิบยืมจิตผสานเต๋าของเว่ยเยวียนมาใช้ ดังนั้นที่เขาร่ายคาถาออกมา และจัดแจงให้ดาบสลักและมงกุฎเสริมพลัง แสร้งใช้พลังของการลั่นประกาศิต

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อปั่นหัวโหรชุดขาวให้เข้าใจผิดเท่านั้น

รายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญเหล่านั้น กลายเป็นกุญแจสำคัญในการพลิกเอาชนะในตอนนี้

จ้าวโส่วถอนใจอย่างอาลัย นึกถึงเว่ยเยวียนที่เดินทางมาเยือนภูเขาชิงหยุนเพียงลำพังก่อนไปออกรบ

ครั้งนั้น เว่ยเยวียนเห็นแผ่นศิลาในพระวิหารย่าเซิ่ง เว่ยเยวียนจึงทิ้งยาโลหิตของตนไว้ที่นี่ส่วนหนึ่ง และในครั้งนั้นเอง เว่ยเยวียนก็ร่วมมือกับเขา ช่วยให้เขาบันทึกจิต ‘ทลายค่ายกล’ เอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง