บทที่ 496 สวี่ชีอันสมปรารถนา
“เรื่องจริงรึ?”
หลินอันกำผ้าเช็ดหน้า สะอื้นไห้พลางเช็ดน้ำตาพลาง และมองฮว๋ายชิ่งอย่างน่าเวทนา
ฮว๋ายชิ่งจิบชาอย่างไม่สะทกสะท้าน กล่าวว่า “หลังจากเว่ยกงตาย สวี่ชีอันก็ตัดสินใจที่จะปลงพระชนม์จักรพรรดิ และเขาก็ยังมีแผนการอย่างละเอียดสำหรับเรื่องนี้ โดยมีเว่ยกง รวมถึงท่านโหราจารย์ที่คอยวางแผนชี้แนะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ สวี่ชีอันปลงพระชนม์ชีพฝ่าบาท ไม่ใช่การใช้อารมณ์อันเกิดจากความอคติ แต่เป็นเพราะอิทธิพลหลายฝ่ายที่เติมเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟ เรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เจ้าคิด อิทธิพลทุกฝ่ายที่มีส่วนในการเติมเชื้อเพลิงให้กับเปลวไฟนี้ หนึ่งในนั้นรวมถึงเว่ยเยวียนและท่านโหราจารย์ด้วย…”
หลินอันกล่าวด้วยความโศกเศร้า “ทุกคนล้วนต้องการปลงพระชนม์ชีพเสด็จพ่อ ทุกคนล้วนอยากให้เสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อบำเพ็ญธรรมมายี่สิบปี ทำเรื่องไม่ดีมากมาย และยังมีคนในราชสำนักไม่พอใจเขาเป็นจำนวนมาก แต่ฮว๋ายชิ่ง เขาคือเสด็จพ่อของพวกเรา เสด็จพ่อรักและเมตตาข้ามาก ทุกคนล้วนอยากให้เขาสิ้นพระชนม์ แต่ข้าไม่อยากให้เขาสิ้นพระชนม์ และยิ่งไม่อยากให้สวี่ชีอันเป็นคนที่ปลงพระชนม์ชีพเสด็จพ่อ”
นางคิดว่าที่ฮว๋ายชิ่งกล่าวสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อพิสูจน์ให้นางเห็นว่าเสด็จพ่อทำผิด การที่สวี่ชีอันปลงพระชนม์ชีพเสด็จพ่อนั้น ไม่ต่างอะไรกับการปลิดชีพกั๋วกง ทั้งหมดก็เพื่อขจัดภัยพิบัติให้กับราษฎร
แต่ความรักของครอบครัวมีถูกมีผิดด้วยรึ?
เสด็จพ่อยังคงเป็นเสด็จพ่อของนาง สวี่ชีอันยังคงเป็นศัตรูคู่แค้นที่ฆ่าพ่อของนาง คำอธิบายของฮว๋ายชิ่ง ไม่ได้ทำให้หลินอันรู้สึกปล่อยวางแต่อย่างใด
“เมื่อวาน เจ้าน่าจะรู้ว่าสวี่ชีอันต่อสู้กับฝ่าบาทอยู่ที่นอกเมือง ปะทะกันจนกระทั่งกำแพงเมืองถล่มลงมา”
จู่ๆ ฮว๋ายชิ่งก็กล่าวขึ้นมา
หลินอันชะงักครู่หนึ่ง พลางรื้อฟื้นความทรงจำโดยละเอียด ดูเหมือนพี่ชายองค์รัชทายาทจะกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว แต่กล่าวถึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และตอนนั้นนางก็อยู่ในอารมณ์ที่กำลังเปราะบางอย่างขีดสุด จึงไม่ได้สนใจรายละเอียดเหล่านั้น
ฮว๋ายชิ่งกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง โดยไม่รอให้นางถาม “เสด็จพ่อแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด”
หลินอันอ้าปากพะงาบๆ ราวกับลังเลที่จะพูด ถึงแม้นางจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการบำเพ็ญธรรมเท่าใดนัก แต่นางก็ยังมีสมอง เมื่อได้ยินฮว๋ายชิ่งกล่าวเช่นนี้ ก็ตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
‘จริงด้วย เสด็จพ่อแข็งแกร่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?’
“เสด็จพ่อทรงปกปิดพลังที่แท้จริงมาโดยตลอดงั้นรึ?” หลินอันสะอื้นเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำ และกล่าวด้วยความไม่มั่นใจเท่าใดนัก
ฮว๋ายชิ่งกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เขาไม่ใช่เสด็จพ่อของเราโดยสิ้นเชิง”
หลินอันจ้องฮว๋ายชิ่งผู้เป็นพี่สาวจนตาค้าง สมองมีเพียงความว่างเปล่า และไม่รู้ว่านางกำลังพูดอะไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ถามราวกับต้องการพิสูจน์ว่า “เจ้าพูดอะไร?”
ฮว๋ายชิ่งกล่าวซ้ำประโยคเมื่อสักครู่โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เขาไม่ใช่เสด็จพ่อของเราโดยสิ้นเชิง”
ฟังไม่ผิด…หลินอันเบิกตากว้างในทันใด และกล่าวเสียงดังว่า “เจ้า เจ้าอย่าคิดว่าจะพูดไร้สาระอะไรกับข้าก็ได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นเช่นนี้ เสด็จพ่อไม่ใช่เสด็จพ่อ แล้วเขาจะเป็นใครได้”
ฮว๋ายชิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “จักรพรรดิเจินเต๋อ เสด็จปู่ของพวกเรา”
หลินอันจมสู่ความเงียบ และมองฮว๋ายชิ่งราวกับสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
ฮว๋ายชิ่งพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าความจริงเป็นเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าความประหลาดใจของน้องสาวสามารถเข้าใจได้ หากคิดในทางกลับกัน ถ้าเป็นตนเองที่รับรู้เรื่องนี้อย่างกะทันหันโดยไม่รู้อะไรมาก่อน ถึงแม้ภายนอกจะสงบกว่าหลินอันมาก แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่เชื่อแม้แต่น้อย
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้าดี แต่เจ้าต้องฟังข้าพูดให้จบ…”
ฮว๋ายชิ่งเล่าเรื่องราวอย่างละเอียด สิ่งที่นางกล่าวชัดเจน มีความหมายลึกซึ้งแต่เข้าใจได้ง่าย ราวกับอาจารย์ยอดเยี่ยมที่กำลังสอนลูกศิษย์ผู้โง่เขลา
แม้แต่คนอย่างหลินอันก็ยังเข้าใจเรื่องการบำเพ็ญธรรมได้อย่างไม่คาดคิด และยังสามารถเข้าใจบริบทของเรื่องและตรรกะในนั้นได้เป็นอย่างดี…
สี่สิบกว่าปีก่อน อดีตจักรพรรดิเจินเต๋อถูกผู้นำเต๋านิกายปฐพีทำให้พังทลาย กลายเป็น ‘คนบ้า’ ที่เลวทรามอย่างร้ายแรง…ภายใต้การช่วยเหลือของผู้นำเต๋านิกายปฐพี เขาได้เข้าสิงไหวอ๋อง ผู้เป็นโอรสแท้ๆ ของเขา และเป็น ‘ปรสิต’ อยู่ในร่างของหยวนจิ่ง ผู้เป็นโอรสแท้ๆ อีกคน…หลังจากแสร้งตาย เขาก็หลบหูหลบตาท่านโหราจารย์ โดยซ่อนตัวบำเพ็ญธรรมอยู่ในชีพจรมังกร
ตอนที่เว่ยเยวียนไปทำสงครามที่แดนเหนือครั้งแรก เขาฉวยโอกาสเข้าสิงหยวนจิ่งอีกครั้ง ภายในยี่สิบเอ็ดปีถัดมา เขาก็หมกมุ่นอยู่กับการบำเพ็ญธรรมอย่างเปิดเผย เขายังจงใจแสดงภาพลักษณ์ของร่างอวตารอย่างหยวนจิ่ง ให้กลายเป็นคนที่มีระดับการบำเพ็ญธรรมปานกลางและไร้พรสวรรค์เพื่อตบตาผู้อื่น
ร่างหลักสะสมพลังอยู่ในชีพจรมังกร เพื่อความเป็นอมตะ อดีตจักรพรรดิบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์ เขาสมรู้ร่วมคิดกับสำนักพ่อมด ฆ่าเว่ยเยวียน ทำลายกองทัพทหารนับหมื่น
แต่สิ่งที่เขาต้องการทำอย่างแท้จริงนั้น เป็นสิ่งที่บ้าคลั่งและไร้เหตุผลมากกว่านั้น นั่นคือการยกแผ่นดินบรรพบุรุษให้แก่บุคคลอื่น!
‘เสด็จพ่อที่แท้จริง สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว และเมื่อยี่สิบปีก่อน ข้าก็เพิ่งจะสองขวบเท่านั้น…’ หลังจากหลินอันได้ยิน เนื้อตัวก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัวและโศกเศร้า
นางแอบหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองฮว๋ายชิ่งตาไม่กะพริบ และกล่าวว่า
“ดังนั้น ดังนั้นสวี่ชีอัน…”
ฮว๋ายชิ่งตอบรับ “อืม” และกล่าวต่อไปว่า “อาจมีความแค้นส่วนตัวรวมอยู่ด้วย แต่ข้าเชื่อว่าที่เขาทำเช่นนี้ เป็นเพราะไม่อยากให้รากฐานของบรรพบุรุษถูกทำลายมากกว่า เพราะฉะนั้นในสายตาของข้า การที่เขาปลงพระชนม์ชีพฝ่าบาทจึงไม่ต่างอะไรกับการฆ่ากั๋วกง ทรราชที่เกือบจะล้มล้างรากฐานของบรรพบุรุษ ทรราชที่บำเพ็ญธรรมมายี่สิบปี โดยไม่สนใจความเป็นความตายของราษฏร สัตว์เดรัจฉานที่ฆ่าลูกแท้ๆ ของตนเอง ข้าแค่คิดว่าสวี่ชีอันฆ่าไปเสียก็ดี ฆ่าแล้วแผ่นดินคงจะสูงขึ้นไม่น้อย”
กล่าวจบแล้ว นางก็หันไปมองหลินอัน “ข้าบอกความจริงกับเจ้าหมดแล้ว ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นธุระของเจ้า เกลียดหรือไม่เกลียดสวี่ชีอัน ก็ยังคงเป็นเรื่องของเจ้า อย่างไรอดีตจักรพรรดิก็รักและเอ็นดูเจ้ามาโดยตลอด จะแสร้งปลอมตัวหรือไม่ แต่สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องจริงเสมอ”
มีการยั่วเย้าและเหน็บแนมในครึ่งประโยคสุดท้าย ผู้หญิงอย่างฮว๋ายชิ่ง ภายนอกมีสง่าราศีและรอบรู้ แต่ความจริงแล้วนางเก่งในการซ่อนเข็มไว้ในปุยนุ่นและทำร้ายคนอื่นอย่างลับๆ มากที่สุด
หลินอันจ้องนางตาเขม็ง พลางกัดริมฝีปากกล่าวว่า “เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร”
ฮว๋ายชิ่งถอนหายใจ “ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่สวี่ชีอันค้นพบ ตอนที่เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร เขากำลังทุ่มเทมากกว่าที่เจ้าคิด”
“แต่เขาไม่บอกข้า ไม่บอกอะไรข้าทั้งนั้น!” หลินอันกำหมัดแน่น พลางกล่าวอย่างดื้อรั้น
ฮว๋ายชิ่งหัวเราะเยาะเล็กน้อย “บอกเจ้า…แล้วเจ้าจะทนรับเรื่องเหล่านี้ได้รึ? เจ้ารับประกันได้รึ ว่าเจ้าจะไม่แสดงพิรุธใดๆ ต่อหน้าอดีตจักรพรรดิ?”
องค์หญิงองค์โตกล่าวเสียงเบาว่า “เขาทำเพื่อปกป้องเจ้า”
หลินอันอ้าปากค้าง ในดวงตาของนางราวกับมีน้ำเอ่อ “ข้า ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะส่งคนไปเรียกเขามาเข้าเฝ้า ข้าจะไม่โกรธเขาแล้ว…”
นางกล่าวด้วยความสำรวม แต่การกระทำกลับรีบร้อนอย่างยิ่ง นางยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย และรีบลุกขึ้นเพื่อวิ่งออกจากห้องโถงด้านใน ออกไปยังสวนเต๋อซิน
“เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว!” ฮว๋ายชิ่งถอนหายใจ
หลินอันที่เพิ่งก้าวออกไปเพียงสองก้าวถึงกับตัวแข็งทื่อ นางหันกลับมามองฮว๋ายชิ่งด้วยสีหน้าซีดขาว และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หมาย หมายความว่าอย่างไร?”
“ข้ายังไม่ได้บอกสภาพการณ์ของการต่อสู้นั้นอย่างเป็นรูปธรรมกับเจ้า ถึงแม้แผนร้ายของอดีตจักรพรรดิจะไม่บรรลุผล แต่วิญญาณชีพจรมังกรแตกพ่าย กระจัดกระจายไปทุกพื้นที่ หากไม่สามารถรวบรวมปราณมังกรได้ ที่ราบกลางก็จะจมสู่หายนะ นอกจากนี้ เขาในตอนนี้ยังสูญเสียฐานการบำเพ็ญไป สภาพร่างกายเลวร้ายมาก ท่านโหราจารย์ก็หมดหนทาง เขาจึงต้องออกไปจากเมืองหลวงเพื่อมีชีวิตต่อไป ไม่รู้ว่าเขาจะมีชีวิตรอดกลับมาหรือไม่ ไม่นานมานี้ เขามาหาเจ้า อันที่จริงเขาอยากกล่าวอำลากับเจ้า”
ประโยคสุดท้ายนี้ เป็นเหมือนเข็มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของหลินอัน ทำให้นางเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก
‘ที่แท้เขาก็ลากร่างอันสาหัสมาเพื่อบอกลาข้าแต่ข้ากลับปิดประตูไม่ยอมพบเขา…’ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาในทันใด ราวกับน้ำที่ไหลทะลักจนล้นตลิ่งและไม่อาจต้านทานได้ ยายตัวร้ายสะอื้นไห้อย่างควบคุมไม่ได้
“ข้าอยากไปตามเขากลับมา…ข้า ข้ายังมีคำพูดมากมายที่ยังไม่ได้พูดกับเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง