บทที่ 508 พี่น้องในอ้อมกอด (2)
มือปราบสองคนกับจูเอ้อร์และคนอื่นๆ เผยสีหน้าหวาดผวา คนต่างถิ่นผู้นี้ลงมือด้วยวิธีเรียบง่าย คว้ามีดตัดคอด้วยการเคลื่อนไหวเพียงสองครั้งเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้พวกเขาไม่แน่ใจเลยว่าคนต่างถิ่นผู้นี้คือยอดฝีมือหรือหัวหน้ามือปราบหลี่ประมาทเลินเล่อเอง
ตอนนี้เอง จูเอ้อร์เห็นคนต่างถิ่นหันกลับมามองตนเอง ชั่วพริบตาเดียวที่ความกลัวระเบิดขึ้นในใจ หัวใจของเขากระตุกอย่างรุนแรง ก่อนกล่าวเสียงขรึม
“เจ้ากล้าฆ่าหัวหน้ามือปราบของที่ทำการปกครอง นี่มันต้องโทษประหารชีวิต…”
สวี่ชีอันไม่สนใจ ถือมีดพกเปื้อนเลือดปรี่เข้าไปหาจูเอ้อร์
จูเอ้อร์ก้าวถอยอย่างหวาดกลัว มือข้างที่ถือมีดปากแคบสั่นเทา ครู่ต่อมาเส้นชีพจรที่ตึงแน่นก็ขาดผึง ทำให้ต้องกลับหลังหันแล้ววิ่งหนี
‘ฟิ้ว!’
กระสุนเงินพุ่งกระจายออกมา กระหน่ำแทงกระดูกสะบ้าเข่าจนแตก
ด้วยความเฉื่อยช้า ทำให้จูเอ้อร์กระแทกลงบนพื้นเต็มแรง จากนั้นเขาก็เห็นรองเท้าบูตสีดำคู่หนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้า
เมื่อเงยหน้าขึ้นไป คนต่างถิ่นผู้นั้นก็มองมาที่เขาอย่างเย็นชาเช่นกัน “กดขี่ผู้คนไม่เว้นหน้า บั่นคอมัน!”
แล้วหัวคนอีกหัวก็กลิ้งตกลงมา
มังกรทองน้อยตัวจางๆ แหวกว่ายออกมาจากศพของจูเอ้อร์อย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังจะหายไป
สวี่ชีอันหยิบเศษหนังสือปฐพีออกมา หันด้านกระจกส่องไปที่มังกรทองน้อยแล้วท่องคาถาเงียบๆ ในใจ
มังกรทองน้อยกระจายเป็นแสงสีทองละเอียด ก่อนถูกดูดเข้าไปในกระจก
ทั้งหมดนี้ คนทั่วไปจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มือปราบสองคนและลูกน้องของจูเอ้อร์ตัวสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเซียว ปล่อยมีดในมือลงพื้นดัง ‘ตุ้บ’
สวี่ชีอันหันกลับมามอง “ทำตัวเยี่ยงเสือ ตัดมือ”
แขนนับสิบร่วงหล่นลงมา
ชายฉกรรจ์นับสิบกอดแขนพร้อมกรีดร้องไม่หยุด
เมื่อทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น เขาก็จูงแม่ม้าน้อย พามู่หนานจือเดินไปสุดปลายถนนทอดยาว
ผ่านไปสักพักก็คนกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ “จูเอ้อร์ตายแล้ว”
อยู่ๆ เขาก็ตะโกนเสียงดังอย่างตื่นเต้น “จูเอ้อร์ตายแล้ว!”
ความเงียบถูกทำลายลงด้วยกลุ่มฝูงชนเดือดพล่านขึ้นมา เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นฉากนองเลือด แต่คนบนถนนพากันปรบมือกู่ร้องอย่างดีใจ
“เจ้าโจรหมาในที่สุดก็ตายสักที”
“ถุย สมควรแล้ว! เจอคนที่จัดการมันได้สักที”
“ถึงตายก็ยังไม่สาสมกับสิ่งทำไว้”
“คนต่างถิ่นคือจอมยุทธ์ผู้ผดุงธรรม”
…
นอกเมือง หลังจากช่วยฮูหยินน้อยแล้ว สวี่ชีอันควบแม่ม้าน้อยวิ่งไปตามทางถนนหลวง มู่หนานจือนอนพิงอยู่ในอ้อมแขนเขา ร่างกายกระแทกขึ้นลง เอ่ยขึ้นอย่างขาดๆ หายๆ
“ช้า ช้าลงหน่อย เจ้ารีบไปไหน…พวกเรากำลังหนีหรือ?”
สวี่ชีอันจดจ่ออยู่กับการควบม้าเอ่ยตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ? จะรออยู่ในโรงเตี๊ยมให้นายอำเภอพาทหารมาล้อมมาฆ่าหรือไง? ตอนนี้พวกเราคือคนในยุทธภพ ต้องทำอย่างยุทธภพ”
มู่หนานจือหายใจขาดห้วง “เรื่องยุทธภพงั้นหรือ?”
“สิบก้าวเข้าสังหาร ร่อนเร่ผ่านพันลี้ สิ้นเรื่องผลัดผ้าหนี ซ่อนชื่ออำพรางมูรดี”
ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ เห็นท่าไม่ดีให้รีบชักดาบฟัน
นี่แหละคือยุทธภพ
พูดจบ เขาก็เมินหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่ง ปล่อยจิตเดิมจมอยู่ในหนังสือปฐพี ภายในกระจกเงาสีครึ้มปรากฏมังกรทองตัวเรียวยาวขดแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ
มันถูกปิดผนึกด้วยหน้าหนังสือปฐพี จึงเหมือนกำลังหลับอยู่
ขอบเขตการรับรู้ชีพจรมังกรของข้ายังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ข้าใช้หนังสือปฐพีช่วยเพิ่มขอบเขตได้ หากต่อไปรวบรวมชีพจรมังกรได้มากยิ่งขึ้น ขอบเขตก็จะขยายกว้างมากขึ้น…
อีกอย่างข้าในตอนนี้ไม่ต่างจากชีพจรมังกรเพียงครึ่งร่าง โชคชะตาต้องดีขึ้น การได้มีช่วงเวลาดีๆ จากการโกยเงินทุกวันก็เหมือนฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง…
โชคชะตาในร่างกายข้าฟื้นคืนสู่สภาพเดิมแล้ว และข้าก็ออกจากวงการที่กอบโกยเงินมานานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงต้องอาศัยวิธีกำบังจากพวกเทียนกู่
แม้เป็นแค่ชีพจรมังกรเล็กๆ แต่สวี่ชีอันก็กระตือรือร้นเช่นเดิม การฝึกชีเจวี๋ยกู่นั้นนับว่าประสบความสำเร็จแล้ว อีกทั้งยังถือเป็นการรวบรวมวัตถุดิบสำหรับระฆังอัญเชิญทั้งสองชิ้นด้วย และตอนนี้รวบรวมชีพจรมังกรได้แล้ว
ภารกิจกำลังดำเนินไปได้ราบรื่น
…
สี่วันต่อมา ทั้งสองคนเดินทางมาถึงดินแดนที่เรียกว่าผิงโจว
สวี่ชีอันจูงแม่ม้าน้อยเดินไปตามถนนหลวง วันนี้แดดออกจ้า สวี่ชีอันเองก็อยู่ในอารมณ์สดใส
มู่หนานจือนั่งอยู่บนหลังม้า กำลังพลิกดูแผนที่ต้าฟ่งพลางพูดเสียงจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง