บทที่ 515 เหวินเหรินเชี่ยนโหรว (1)
“เจ้าเป็นใคร?”
ทหารยามสูงกำยำสำรวจหลี่หลิงซู่ เห็นคนผู้นี้สง่างาม หล่อเหลาไม่ธรรมดา จึงไม่กล้าประมาท
“บอกหัวหน้าสมาคมว่าหลี่หลิงซู่ต้องการพบเขา”
เทพบุตรนิกายสวรรค์ยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทีงดงามน่าเลื่อมใส
หนึ่งในทหารยามเหลือบมองเขา แล้วรีบเข้าไปในสมาคมการค้า
เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา ชายวัยกลางคนแต่งตัวอย่างคนมั่งมีรีบเร่งวิ่งลงมาหน้าประตู แล้วเล็งไปหาหลี่หลิงซู่
“หัวหน้าสมาคมหยาง ไม่เจอกันครึ่งปี สบายดีใช่หรือไม่?”
มือขวาหลี่หลิงซู่กำรวบนิ้วหัวแม่มือซ้าย พร้อมด้วยมือซ้ายทาบกุมหลังมือขวา กลายเป็นรูปร่างปลาไท่จี๋
การแสดงความเคารพแบบลัทธิเต๋ามาตรฐาน
“นักบวชหลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนักบวชหลี่ ท่านต่างหากที่สบายดีใช่หรือไม่ หลุดพ้นจากปีศาจหญิงสองตนที่ตามฆ่าท่านได้แล้วหรือ?”
หัวหน้าสมาคมหยางดีใจจนเกินหน้าเกินตา ขณะทักทายเขาอย่างอบอุ่น
“หนีจนไม่ได้พัก!” หลี่หลิงซู่กล่าวด้วยอารมณ์
จากนั้น เขามองไปที่สวี่ชีอันและมู่หนานจือ แล้วแนะนำ “สองคนนี้เป็นสหายของข้า”
หัวหน้าสมาคมหยางรีบคารวะ “ข้าน้อย หยางโหย่วเต๋อ ยินดีที่ได้พบจอมยุทธ์ทั้งสองท่าน”
เขารู้ว่าหลี่หลิงซู่เป็นบุตรแห่งนิกายสวรรค์ รวมถึงเป็นคนในยุทธภพ ฉะนั้นเมื่อพบสหายของเขา จงคุยโม้ไปก่อนว่าเป็น ‘จอมยุทธ์’ ก็คงไม่ผิด
มู่หนานจือพยักหน้าด้วยท่าทีสำรวม
สวี่ชีอันคารวะกลับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น หัวหน้าสมาคมหยางผู้นี้มีตบะอยู่ในระดับหลอมวิญญาณ ซ่อนลมปราณไว้ภายใน แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ รอยยิ้มอ่อนโยน แต่นี่เป็นเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น แท้จริงแล้วเขามีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าใคร
สังคมนี้ไม่อนุญาตให้คนธรรมดาหาเงินเยอะๆ ถ้าอยากได้ชีวิตร่ำรวย ไม่มีภูมิหลัง ก็ต้องมีศักยภาพ
ทุกคนเข้าไปในสมาคมการค้า ภายใต้การเดินนำไปโดยหัวหน้าสมาคมหยาง เพื่อหาที่นั่งในโถงรับรองใหญ่
หลังจากนั่งลงแล้ว หัวหน้าสมาคมหยางก็สั่งสาวใช้ยกชามาให้ “ชาขาวดั้งเดิมของจางโจว ท่านทั้งสามเชิญชิม”
ทั้งสามคนหยิบถ้วยชาขึ้นมาชิม ดวงตาของหลี่หลิงซู่และสวี่ชีอันเป็นประกาย แล้วจึงเอ่ยชม ขณะที่มู่หนานจือจิบเพียงคำเดียวแล้ววางลง
หัวหน้าสมาคมหยางผู้ช่ำชองในด้านทักษะทางสังคม ใส่ใจและสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ แต่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
“ได้ยินว่าชาขาวเก่าแก่มีวิธีดื่มสองแบบ วิธีหนึ่งต้องปลุก อีกวิธีหนึ่งไม่ต้อง แต่ข้าว่าชานี้อร่อยมาก ไม่รู้ว่าอยู่ในประเภทไหน?”
หลี่หลิงซู่ยิ้ม
ขณะเดียวกัน เขาให้สัญญาณต่อไปยังสวี่ชีอันและมู่หนานจือ “หยางโหย่วเต๋อชอบดื่มชามาก แม้ว่าข้าจะมีความสัมพันธ์กับคุณหนูแห่งสมาคมการค้าเหลยโจว แต่เหยี่ยวหางแดงก็เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของสมาคม หากไม่มีป้ายข้อมือ ก็ยืมออกไปได้ยาก”
ดังนั้นนี่คือฉาก ‘การคบค้าสมาคม’ เพียงฉากหนึ่ง สวี่ชีอันพูดในใจว่า ข้าถนัดเรื่องนี้นัก ไม่ว่าจะเป็นการแฝงตนในแวดวงการค้าเมื่อชาติที่แล้ว หรือการเข้าสังคมในแวดวงราชการ นี่คือสนามของข้าเลยนะ
น่าเสียดายที่ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ผู้เชี่ยวชาญให้มาก ถ้าแสดงออกว่าติดดินหรือหน้าเลือดมากเกินไป แปลกแยกจากที่เคยแสดงออกครั้งก่อนอย่างรุนแรง ภาพลักษณ์เหล่านั้นก็จะพัง
หลี่น้อย เรื่องดื่มกับหัวหน้าสมาคม ข้าปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าก็แล้วกัน…
หัวหน้าสมาคมหยางยิ้มตามอย่างที่คาดไว้ แล้วเริ่มแนะนำสินค้าชาขาวให้แก่หลี่หลิงซู่
หลังคุยไปได้สักพัก หลี่หลิงซู่กระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยขึ้น “หัวหน้าหยาง ข้ามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อขอให้ท่านช่วยบางอย่าง”
หัวหน้าสมาคมหยางยังคงรอยยิ้มไว้แล้วเอ่ยขึ้น “นักบวชหลี่ต้องการความช่วยเหลืออันใด เพียงแต่บอกมาว่าต้องการให้ข้าน้อยหยางทำ แม้ถึงตายข้าก็จะทำอย่างสุดกำลัง”
“ข้าต้องการยืมเหยี่ยวหางแดงสามตัว”
“…”
หัวหน้าสมาคมหยางมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ราวกับจะพูดว่า ‘ข้าขอคืนคำเมื่อครู่ได้หรือไม่’
“นี่ เอ่อ…นักบวชหลี่ เหยี่ยวหางแดงเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของสมาคมการค้าของเรา แต่ละตัวล้วนใช้เงินจำนวนมากถึงจะซื้อได้ แม้แต่ข้ายืมมันด้วยการส่วนตัว ก็อาจถูกลงโทษได้”
หลี่หลิงซู่ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ ด้วยเหตุนี้ การเดินทางมาหาหัวหน้าหยางครั้งนี้ จึงขอให้พวกท่านส่งสินค้าชิ้นหนึ่งไปให้โหรวเอ๋อร์”
“สินค้า? “
“ฟังไม่ผิดแล้ว สินค้าชิ้นนี้คือข้า” หลี่หลิงซู่หยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“เหยี่ยวหางแดงมีข้อจำกัดในการรับน้ำหนัก หากรองรับคนสองคนขึ้นบิน ความเร็วก็จะลดลง ต้องพักทุกชั่วโมง ข้าจึงต้องการยืมสามตัว ในฐานะผู้ควบคุม ท่านสามารถส่งเหยี่ยวหางแดงอีกตัว เพื่อติดตามพวกเราไปเหลยโจวได้”
บรรทุกสองคนขึ้นบินกับบรรทุกสองคนวิ่งเท้านั้น มีแนวคิดต่างกัน
หัวหน้าสมาคมหยางหัวเราะพลางส่ายหน้า “เหยี่ยวหางแดงเป็นสัตว์วิญญาณ มีเพียงผู้เป็นเจ้าของมันเท่านั้นที่เลี้ยงได้ คนอื่นไม่สามารถขี่เองได้ตามลำพัง”
สวี่ชีอันเอ่ยขึ้นทันควัน “เรื่องนี้ ข้าจัดการได้”
‘เจ้า?’
หัวหน้าสมาคมหยางจ้องเขา ชายวัยกลางคนมีท่าทีลังเลใจ
แม้ว่าระหว่างนักบวชหลี่และคุณหนูไม่ใช่ความสัมพันธ์ทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว เกี่ยวอะไรกับตนด้วย? หากสัตว์วิญญาณหายไป เขาจะถูกลงโทษโดยสำนักงานใหญ่
‘ไม่ได้มีผลประโยชน์กับข้าเลย ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงเลย ทว่า นักบวชเต๋ารูปงามสมบูรณ์แบบผู้นี้กิ๊กกับคุณหนู หากในอนาคตคุณหนูอาจเข้าสู่ขั้นวางแผนของสมาคมการค้า แล้วตอนนี้ผิดใจกับเขา คงไม่คุ้ม’
ในเวลานี้ มู่หนานจือพูดด้วยเสียงไพเราะเสนาะหู “ท่านให้พวกเรายืมสัตว์วิญญาณสามตัว แล้วข้าจะให้ชาดอกไม้กับท่านสามห่อ”
‘ชาดอกไม้?’
หัวหน้าสมาคมหยางสงสัยว่าตนฟังผิดไป รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะเรียกหญิงผู้นี้ว่าไร้เดียงสาหรือโง่ดี
เหยี่ยวหางแดงตัวเดียวราคามากกว่าสามพันตำลึง อีกทั้งยังไม่มีในท้องตลาด เมื่อเปรียบเทียบกับเงินแล้ว กำลังทรัพย์ที่ใช้เลี้ยงดูและการฝึกฝนมัน รวมถึงความล้ำค่าและหายากของมันเอง ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงิน
ขณะที่กำลังคิดปฏิเสธ เขาก็เห็นผู้หญิงธรรมดาๆ ผู้นี้ยื่นมือเล็กสีขาวผุดผ่อง ไปหาชายผู้มีใบหน้าธรรมดาๆ เหมือนกัน
ฝ่ายหลังวางถุงปักดิ้นใบหนึ่งบนฝ่ามือนาง สิ่งที่คุ้มค่าให้พูดถึงก็คือ ถุงปักดิ้นใบนี้ฉกชิงมาตอนสังหารลูกพี่ลูกน้องจีเชียน ในถุงนั้นยังมีปืนใหญ่วิเศษและหน้าไม้สิบกว่ากระบอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง