บทที่ 514 เทพบุตรผู้สร้างสัมพันธ์ทั่วจิ่วโจว
มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก…สีหน้าบุตรนิกายสวรรค์เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ทำไมกัน?”
สวี่ชีอันเลี่ยงตอบ แล้วพูดต่อ “ไปที่เหลยโจว”
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
เสียงตะโกนของหลี่หลิงซู่สะท้อนกลับมา
มุมปากของสวี่ชีอันกระตุก ก่อนพูดว่า “เจ้าแยกไปก็ได้”
‘เป็นผู้อาวุโสที่ใจไม้ไส้ระกําจริงๆ…’ หลี่หลิงซู่สบถในใจ พลางถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ผู้อาวุโส สองพี่น้องต้าฟ่งก็กำลังมุ่งหน้าไปที่เหลยโจว เราต้องเจอกันระหว่างเดินทางครั้งนี้แน่”
ถึงแม้พลังจาก ‘วิชาดวงดาราผันเปลี่ยน’ ของฝ่ายเทียนกู่จะครอบคลุมจักรวาล แต่ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน พี่น้องต้าฟ่งต้องจำเขาได้แน่นอน
ต่อหน้ายอดฝีมือขั้นสี่ แม้นใช้กลยุทธ์ใดๆ ปลอมตัวเพื่อการตบตา ผู้นั้นย่อมมองออกอยู่ดี
ขณะนี้ สวี่ชีอันกระตุกบังเหียน ให้แม่ม้าน้อยลดความเร็วลง กลายเป็นวิ่งเหยาะๆ หลี่หลิงซู่จึงทำได้เพียงชะลอความเร็วม้าตาม
“เจ้าว่าเขาเป็นคนอย่างไร?”
สวี่ชีอันชี้ไปที่ข้างถนน ชายผู้หน้าตาธรรมดาๆ สีหน้าหม่นหมอง เขาสวมเสื้อคลุมปุยฝ้ายหนาๆ กำลังลากลาเทียมเกวียน
“?”
หลี่หลิงซู่รู้สึกงงงวย
หลายสิบนาทีต่อมา ณ แม่น้ำสายหนึ่ง หลี่หลิงซู่นั่งยองๆ อยู่ริมแม่น้ำ ผืนน้ำที่สงบนิ่งสะท้อนรูปลักษณ์ของเขา ปรากฏให้เห็นใบหน้าธรรมดาๆ ที่แสนซื่อบื้อ
นั่นคือชายขับเกวียนลาที่พบเจอเมื่อไม่นานนี้นี่
“ได้อย่างไรกัน!”
เทพบุตรนิกายสวรรค์หันมองสวีเชียนด้วยความเลื่อมใสและแปลกใจ พลางพูดขึ้น
“ในโลกนี้มีวิธีปลอมตัวได้แม้กระทั่งเนื้อหนังยันกระดูกใบหน้าเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงก็ทำได้ในระดับนี้เช่นกัน เช่นหลังจากเขาหลอมรวมเทพเจ้าหยางแล้ว ก็สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามต้องการ แต่เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคมากกว่า
แต่สิ่งที่สวีเชียนแสดงให้เห็น มันคือวิธีการที่มีผลลัพธ์คล้ายคลึงกับการพึ่งน้ำยา แม้แต่คนทั่วไปก็เปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ตามต้องการ
ปั้นออกมาได้ไม่เลว…สวี่ชีอันหัวเราะแล้วพูดด้วยท่าทีสงบ
“ใช้ชีวิตมาตั้งนาน บางวิธีการก็ยุ่งยาก ไหนจะเจอคนวุ่นวายอีก”
มู่หนานจือเบ้ปากอยู่เงียบๆ
‘สมแล้วที่เป็นปีศาจเก่าแก่ที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปี…คนวุ่นวายที่หนิงพูดถึงคงไม่ใช่ข้าหรอก…’
เทพบุตรนิกายสวรรค์กล่าวชื่นชม “ผู้อาวุโสสุดยอดเลย”
สวี่ชีอันพยักหน้าช้าๆ
“หลังจากนี้ไปสิบสองชั่วโมง ฤทธิ์ยาจะลดลง แล้วรูปลักษณ์จะกลับสู่สภาพเดิม นอกจากนี้ แม้หน้าตาจะถูกเปลี่ยนแล้ว แต่นิสัยใจคอไม่อาจเปลี่ยนได้ เจ้าร่วมหลับนอนกับพี่น้องตงฟางมาครึ่งปี ย่อมรู้ทุกอย่างดี หากคิดจะเข้าใกล้อดีตที่ปิดบังไว้ ก็จงพึงระวัง”
…
เมื่อถึงมื้อกลางวัน
หลี่หลิงซู่กระโดดลงไปในแม่น้ำ จับปลาตัวอ้วนๆ ได้หลายตัว ขณะหันกลับไปก็พบว่าสวีเชียนตั้งหม้อใบเล็กไว้สองใบ ใบหนึ่งสำหรับหุงข้าวและอีกใบสำหรับปรุงปลา
สำหรับเรื่องนี้ หลี่หลิงซู่ไม่แปลกใจเลยสักนิด เป็นเรื่องปกติที่ผู้อาวุโสที่คาดเดาไม่ได้ผู้นี้จะมีที่เก็บสมบัติ
ถ้าเขาไม่ได้ถูกพี่น้องตงฟางปล้นเอาทรัพย์สินเสียก่อน เขาก็คงมีที่เก็บสมบัติเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือถุงเก็บสมบัติที่ท่านอาจารย์มอบให้ตอนเดินทางลงมาจากเขา อีกหนึ่งชิ้นคือชิ้นส่วนหนังสือปฐพีของนักบวชเต๋าจินเหลียนมอบให้
“เฮ้อ ถ้าไม่ถูกผนึกพลัง ป่านนี้ข้าอาจจะบำเพ็ญถึงขั้นสี่สูงสุดแล้ว เพราะเหตุนี้ ต้องรอถึงสามปีเต็มถึงกลับนิกายได้”
หลี่หลิงซู่ถอนหายใจขณะทำความสะอาดเครื่องในปลา
วิถีการเดินทางของศิษย์นิกายสวรรค์ ใช้เวลาสามปีกว่าจะกลับไปได้ พวกบุตรธิดา ตามกฎแล้วต้องบรรลุขั้นสี่สูงสุดก่อนถึงจะกลับคืนสู่นิกายได้
ขั้นสี่กับขั้นสามเปรียบเหมือนประตูธรณี หากลูกศิษย์ต้องการก้าวข้ามเกินคนธรรมดา ในการก้าวเข้าสู่ขั้นสาม พวกเขาจะต้องเข้าใจถึงการลืมความรู้สึกที่มากเกินไป
มื้อกลางวันสำหรับสามคน ได้แก่ ซุปปลาแม่น้ำ เนื้อผัดเต้าหู้อ่อน เป็ดพะโล้ ไส้กรอกผัด เนื้อแกะผัดหน่อไม้…
ทั้งหมดนี้รังสรรค์โดยมู่หนานจือ
ตั้งแต่รับเจ็ดยอดกู่ ความอยากอาหารของสวี่ชีอันเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่ทำให้ผู้คนตกใจได้ เขามักจะตื่นขึ้นด้วยความหิวในตอนกลางคืน โดยจะใช้น้ำร้อนทำหมั่นโถวและขนมอบแก้หิวด้วยตัวเอง
ตอนนี้เขาเข้าใจเหตุผลลี่น่าแล้ว ถ้าเขายังอยู่ในเมืองหลวง สามยอดนักกินต้องเปลี่ยนเป็นสี่ยอดนักกินแล้วล่ะ
หลี่หลิงซู่กินจนปากมัน ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ซุปไก่สกัดนี่สุดยอดมาก มีสรรพคุณช่วยเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความมหัศจรรย์”
เปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความมหัศจรรย์?!
มู่หนานจือมองเขาด้วยความเย็นชาปราดหนึ่ง
หลี่หลิงซู่รีบกล่าวเสริม “ถ้ารวมเข้ากับฝีมือทำอาหารของฮูหยิน ก็เหมือนเสือติดปีก กัดเพียงคำเดียว ก็ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้ช่างมหัศจรรย์”
มู่หนานจือพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พลางชำเลืองมองสวี่ชีอัน
ดูทำเข้า คนเราหว่านล้อมหญิงสาวให้พึงพอใจได้ด้วยเหตุผล ข้าไม่จำเป็นต้องพึ่งคำหวานเกลี้ยกล่อมหญิงสาวอีกต่อไป ถ้าได้ศึกษาวิธีฉิงกู่ของพวกซินเจียงใต้สักหน่อย…สวี่ชีอันกลืนกับข้าว ขณะฟังหลี่หลิงซู่พึมพำ
“โหรจากสำนักโหราจารย์เก่งจริงๆ ใช้คำสอนลัทธิขงจื๊อสอนผู้คน สร้างองค์ความรู้ที่ยอดเยี่ยม โหรช่วยบรรเทาทุกข์ ขัดเกลาอาวุธเวทมนตร์ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็…”
เขายกขวดกระเบื้องขึ้น “แล้วก็ซุปไก่สกัดขวดนี้ สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์แก่ประชาชน”
“สิ่งนี้คิดค้นโดยสวี่ชีอัน” มู่หนานจือขมวดคิ้วขณะพูด
“สวี่ชีอัน?” บุตรนิกายสวรรค์ตะลึงงันเหมือนเป็นการยืนยัน “ท่านจะบอกว่าซุปไก่สกัดนี้สกัดโดยฆ้องเงินสวี่ผู้นั้นหรือ?”
พระมเหสีมู่เชิดคางขึ้น
‘นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ดู๊ดูทำ ทำให้เจ้าทะนงตนสินะ…’ เทพบุตรนิกายสวรรค์ไม่เชื่อ หัวเราะแล้วพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง