ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 553

บทที่ 553 ดาบเดียว (2)

‘พลังเทพวชิระของจิ้งหยวนนั้นแข็งแกร่งกว่าสุดยอดทหารขั้นสี่ปกติ เว้นแต่ลัทธิเต๋าและพ่อมดแห่งความฝันในขั้นเดียวกันพุ่งเป้ามาที่จิตเดิมโดยตรง หากคิดอาศัยกำลังทำลายพลังเทพวชิระ แทบจะเป็นไปไม่ได้…ซินกู่ของสวี่ชีอันยังห่างไกลที่จะสั่นคลอนจิตเดิมของยอดฝีมือขั้นสี่มากนัก อีกอย่าง มีข้าคอยช่วยอยู่ข้างๆ สามารถโอบอุ้มจิตเดิมของจิ้งหยวนได้ไม่มีปัญหา…เจดีย์พุทธะเป็นของวิเศษของอาจารย์ปู่พระโพธิสัตว์ฝ่าจี้ ไม่สามารถช่วยสวี่ชีอันรับมือกับศิษย์ร่วมสำนักได้…’ ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นในสมองของจิ้งซิน การชี้ขาดสุดท้ายคือ…เขียนเสือให้วัวกลัว!

“ดาบเดียว?”

นับตั้งแต่จิ้งหยวนฝึกพลังเทพวชิระสำเร็จ ก็ไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่สามารถทำลายร่างทองของเขาได้ ในบรรดาศิษย์ร่วมสำนักไม่ขาดจอมยุทธ์ภิกษุขั้นสี่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถฝึกพลังเทพวชิระสำเร็จ จอมยุทธ์ภิกษุในขั้นเดียวกันเหล่านั้น ต่างจนใจและอับจนหนทางกับพลังเทพวชิระของจิ้งหยวน

มือขวาของสวี่ชีอันจับด้ามดาบไท่ผิง ควบคุมลมหายใจ เก็บอารมณ์ รวบรวมพลังของดาบเดียวตัดฟ้าดินที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน

ในเวลาเดียวกัน จิ้งหยวนได้ถลกจีวรขึ้น ชักดาบผู้ทรงศีลออกมา แล้วฟันไปที่สวี่ชีอันด้วยความแค้นเคือง

‘แกร๊ง!’

ในห้องโถงที่มีแสงเทียนส่องสว่าง ทุกคนต่างเห็นสีทองของดาบอย่างชัดเจนและผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากนั้น เสียงสิงโตคำรามที่ดังสั่นสะเทือนจนหูแทบหนวกก็ดังขึ้น สั่นสะเทือนจนเลือดลมในกายวิ่งพล่าน

ภายในห้องโถง สวี่ชีอันและจิ้งหยวนยืนประจันหน้ากัน จิ้งหยวนชูดาบผู้ทรงศีลขึ้น สวี่ชีอันยังคงกดด้ามดาบไว้ ยังคงอยู่ในท่าคุมเชิงกันเช่นก่อนหน้านี้ ราวกับแสงดาบเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของทุกคน ความจริงแล้วคนทั้งสองต่างยังไม่ได้ลงดาบ

จู่ๆ จิ้งซินก็เบิกตาโพลง ท่าทีสงบสุภาพที่เห็นเป็นประจำได้หายไปแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง…แสงสีทองบนร่างของจิ้งหยวนราวกับกระเบื้องเคลือบ เต็มไปด้วยรอยร้าว ครู่หนึ่งก็พังทลายกลายเป็นประกายไฟสีทอง

พลังเทพวชิระถูกทำลายแล้ว ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ที่หน้าอกของจิ้งหยวนยังปรากฏบาดแผลตั้งแต่หน้าอกถึงท้องน้อย เลือดทะลักออกมาเหมือนน้ำพุ

“เจ้า เจ้า…”

จิ้งหยวนจ้องหน้าสวี่ชีอันไม่กะพริบ ริมฝีปากพะงาบๆ พูดออกมาอย่างยากลำบาก

“ไม่ต้องพูด ไสหัวไปซะ”

สวี่ชีอันบีบคอเขา แล้วเหวี่ยงออกไป

‘ปัง!’

จิ้งหยวนถูกเหวี่ยงออกไป กลิ้งไปตลอดทาง เลือดไหลนอง เขาพยายามดิ้นรนอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ รอยดาบที่น่ากลัวนั้นกำลังทำลายพลังชีวิตของเขา ค่อยๆ ทำลายกำลังวังชาให้หมดไป

ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัดในทันที ทุกคนต่างมองสวี่ชีอันด้วยความตกตะลึง

หลี่หลิงซู่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงว่าสวีเชียนจะเกิดปัญหาหรือไม่ อีกใจหนึ่งยังคงมีความมั่นใจในความสามารถที่เหนือธรรมดาของตัวประหลาดเฒ่า เขาเคยคิดว่าบางทีสวีเชียนอาจจะมีวิธีกำจัดจิ้งหยวน แต่ต้องไม่ง่ายแน่ๆ แต่ความจริงกลับง่ายดายเช่นนี้

พลังเทพวชิระที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพลังเทพในการป้องกันตัวอันดับหนึ่งของจิ่วโจว กลับถูกเขาตัดด้วยดาบเดียว

“เขา เขาช่าง เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือธรรมดาจริงๆ” ไฉซิ่งเอ๋อร์พึมพำไอรีนโนเวล

นางหันไปมองจิ้งซินตามสัญชาตญาณ ก็พบว่าภิกษุหนุ่มผู้มีท่าทีสงบ มีเหงื่อกำจายอยู่เต็มหน้าผาก ไฉซิ่งเอ๋อร์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที

‘นี่สิถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่ง นี่สิถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างที่ข้าอยากจะเป็น…’ ใบหน้าของไฉเสียนเต็มไปด้วยความหวัง ดวงตาร้อนผ่าว

ลูกกระเดือกของจิ้งซินวิ่งขึ้นลง “เจ้า การบำเพ็ญฟื้นคืนแล้วหรือ?”

จิตที่สงบของเขา ณ เวลานี้ได้เกิดคลื่นโหมซัดสาด ภาพเบื้องหน้าบอกเขาว่า การบำเพ็ญของสวี่ชีอันฟื้นคืนแล้ว

สวี่ชีอันคนที่สังหารจักรพรรดิขั้นสอง คนที่มีอานุภาพเกรียงไกร เปิดผนึกได้แล้ว!

การบำเพ็ญฟื้นคืน?! หลี่หลิงซู่เหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือด กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที มองไปทางจิ้งซิน แต่ทว่า เขาไม่ได้ยินอะไรมากไปกว่านั้น จิ้งซินพูดจบแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

สวี่ชีอันพูดเรียบๆ ว่า “ในโลกนี้ไม่มีใครปราบข้าได้ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้เช่นกัน”

เพราะพระพุทธเจ้าทรงคร้านที่จะปราบข้า…เขาเสริมในใจอีกหนึ่งประโยค

‘อวดดีนัก! เหตุใดเขาจึงกล้าพูดเช่นนี้ เขาเป็นใครกันแน่…’ เพียงเพราะประโยคนี้ ทำให้หลี่หลิงซู่คิดไปต่างๆ นานา พูดเสียงต่ำว่า “สถานะของผู้อาวุโสสวี บางทีอาจจะน่ากลัวกว่าที่พวกเราคิด”

‘นี่ไม่ใช่แค่คำพูดอวดดีไปอย่างนั้นเองหรอกหรือ!’ ไฉซิ่งเอ๋อร์พึมพำในใจ

สวี่ชีอันยันดาบไว้เหลือบตามองภิกษุทุกรูป “ตอนนี้พวกเจ้ามีสองทางเลือก หนึ่ง ถอนค่ายกลออกเสีย สอง ข้าจะทำลายค่ายกลเอง ส่วนการบาดเจ็บล้มตายนั้นไม่ต้องพูดถึง”

หลังจากจิ้งซินสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจ “เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว อาตมาและศิษย์ร่วมสำนักทุกคนแล้วแต่ประสก”

เขาให้บรรดาฉานซือถอนค่ายกลออกทันที และแก้มัดให้หลี่หลิงซู่และไฉซิ่งเอ๋อร์

บรรดาฉานซือ วิ่ง ‘กรู’ ไปยืนข้างจิ้งซิน ส่วนจอมยุทธ์ภิกษุนั้นไปดูอาการบาดเจ็บของจิ้งหยวน หลังจากตรวจดูแล้ว ก็พูดเสียงต่ำว่า

“ยังไม่ตาย”

“ผู้อาวุโส!”

หลี่หลิงซู่จูงมือคนรู้ใจ วิ่งไปหาสวี่ชีอันด้วยความดีใจ รู้สึกเพียงว่าความรู้สึกมีที่พึ่งนั้นดีจริงๆ

สวี่ชีอันทำเสียง ‘อืม’ ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วหันไปมองจิ้งซิน “ภิกษุน้อย ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า ลาหัวโล้นพวกนี้จะรอดหรือไม่รอด ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”

จิ้งซินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ประสกสวี มีอะไรก็ถามมาได้เลย”

สวี่ชีอันคุมเหิงอินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่ายคาถา “ไม่พูดโกหก”

พลังของคาถาครอบคลุมไปทั่วห้องโถง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง