บทที่ 580 ล้อมโจมตี
อาวุธของสวี่ชีอันคืออะไร?
คำถามนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องยากที่คนในที่นี้จะตอบได้ อย่างน้อยคนจากเมืองเฉียนหลงก็ยังตอบไม่ได้ในเวลาสั้นๆ แน่
ไม่ใช่เป็นเพราะสายข่าวละเลยข้อมูล และก็ไม่ใช่เพราะพวกจีเสวียนและคนอื่นๆ ไม่รู้ ข้อมูลของสวี่ชีอันนั้นได้บันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนยิ่งว่าอาวุธที่เขาใช้คือดาบยาวเล่มหนึ่ง
แต่ดาบเล่มนี้คือดาบอะไร ไม่มีใครเคยศึกษาอย่างลึกซึ้ง
เหตุผลนั้นง่ายมาก พลังต่อสู้ของจอมยุทธ์อยู่ที่ร่างกาย ยิ่งเป็นจอมยุทธ์ที่ระดับขั้นสูงก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ กายเนื้อเพียงอย่างเดียวก็ถือเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
บ่อยครั้งที่มีดดาบเป็นเพียงความหมายเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจกับอาวุธและอาวุธเวทมนตร์ของจอมยุทธ์ เว้นเสียแต่อาวุธนั้นจะมีบทบาทพิเศษที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
อย่างเช่นดาบสยบดินแดนซึ่งเป็นอาวุธเทพที่ทำทำให้จอมยุทธ์ขั้นสามสะพรึงกลัวได้ หรือไม่ก็เจดีย์พุทธะ
ดังนั้น คำถามที่ว่าสวี่ชีอันใช้อาวุธอะไร แม้แต่จีเสวียนก็ยังไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง
สวี่หยวนซวงจ้องไปด้านหน้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“มันคือดาบสีทองอร่าม คุณภาพยอดเยี่ยมมาก เป็นรองเพียงอาวุธวิเศษเท่านั้น”
สิ่งที่ควรจะกล่าวถึงต่อไปนี้ก็คือประเภทของอาวุธเวทมนตร์
อาวุธธรรมดา อาวุธเวทมนตร์ อาวุธวิเศษ และของวิเศษ
อาวุธธรรมดาคืออาวุธรบทั่วไป อาวุธเวทมนตร์คืออาวุธที่มีพลังความสามารถพิเศษขึ้นมา นอกจากจอมยุทธ์แล้ว สายการฝึกตนอื่นๆ ก็สามารถหล่อเลี้ยงอาวุธเวทมนตร์ได้ แต่มีเพียงโหรเท่านั้นที่สามารถปรับแต่งอาวุธเวทมนตร์ได้
อาวุธวิเศษคืออาวุธเวทมนตร์ที่กำเนิดจิตรับรู้ของตัวเองขึ้นมา
ส่วนของวิเศษนั้นคืออาวุธวิเศษที่เกิดการหลุดพ้นและกำเนิดขึ้นมาหลังจากได้รับชะตาวาสนาบางอย่าง
ตัวอย่างเช่นดาบสยบดินแดนของต้าฟ่ง เดิมทีเป็นอาวุธวิเศษชนิดหนึ่ง แต่หลังจากได้รับโชคชะตาของแคว้นมาถึงหกร้อยปีก็หลุดพ้นและกลายเป็นของวิเศษ
ใช้เพื่อทำลายกายเนื้อของจอมยุทธ์โดยเฉพาะ
จีเสวียนมองญาติผู้น้องอย่างประหลาดใจ
“เจ้ารู้เรื่องดีเลยนี่นา”
สวี่หยวนซวงรู้สึกว่าประโยคนี้ของเขาออกจะแหม่งๆ อยู่สักหน่อย จึงขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปมอง
ตอนนี้เอง นางก็เห็นนักพรตเต๋าเจียวเยี่ยร้องเอ๊ะขึ้นมา จึงรีบหันหน้ากลับไปมองบนสนามต่อสู้ไอรีนโนเวล
แค่มองดูก็เข้าใจทันทีแล้วว่านักพรตเต๋าเจียวเยี่ยสงสัยเรื่องใด นางเห็นสวี่ชีอันขว้างดาบออกมาจากมือเพียงเท่านั้น
ที่อุกอาจยิ่งกว่าคือดาบเล่มนี้กลับชักออกจากฝักด้วยตัวมันเองราวกับมีชีวิตเพื่อรับกับปลายหอกที่พุ่งลงมาจากฟ้า
เงาดาบสีทองพุ่งขึ้นฟ้าเข้าปะทะตัวต่อตัวกับวงอากาศทรงโค้งจากปลายหอก
‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’…
ในสายตาของผู้ชมทั้งหลายเห็นชัดว่าหอกยาวสีดำเมี่ยมในมือของสวี่หยวนไหวพุ่งโฉบลงมา แต่ตัวหอกกลับแตกออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นด้ามหอกก็ระเบิดออกทีละส่วนๆ
ว่ากันว่านี่คืออาวุธเวทมนตร์ที่ได้รับการขัดเกลาจากมือของโหรขั้นสองแห่งเมืองเฉียนหลงผู้นั้น เพื่อมอบให้กับทายาทไว้ใช้ป้องกันตัว ทว่ามันกลับถูกทำลายเช่นนี้เสียได้
และตั้งแต่ต้นจนจบ สวี่ชีอันก็ไม่ได้กระดิกตัวแม้แต่นิด
สวี่หยวนไหวคำรามเสียงมังกรออกมาจากในลำคอราวกับถูกกระแทกอย่างแรง ลำแสงสีดำแตกกระจายพุ่งออกมาจากภายในร่างของเขาแล้วยิงออกไปทั่วทุกทิศ
นั่นคือจิตเดิมของมังกรน้ำขั้นสี่ มันถูกดาบไท่ผิงตีจนแตกสลายแล้ว
สลายเป็นผุยผงไม่มีชิ้นดี
ส่วนสวี่หยวนไหวซึ่งเป็น ‘ผู้ครอบครอง’ ก็ถูกโจมตีอย่างหนักเพราะเหตุนั้นด้วย เขาตกลงมาจากกลางอากาศ มุมปากมีเลือดเล็ดออกมา ชีพจรและเส้นลมปราณกำลังลุกเป็นไฟ
ดาบไท่ผิงส่งเสียงกระหึ่มพลางตวัดว่ายเป็นวงโค้งราวกับกำลังเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่ของตัวเอง แต่ก็ดูคล้ายกำลังอวดดีและเย้ยหยันอยู่ด้วย
อุปนิสัยของวิญญาณดาบเดิมทีก็คล้ายคลึงกับเจ้าของมันอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เจ้าของมันเก็บคำพูดเยาะเย้ยถากถางไว้ในใจไม่เปิดเผยออกมา แต่วิญญาณดาบยังเด็กอยู่ จึงเหลิงได้ง่าย
หลังจากดาบไท่ผิงเลื่อนขั้นเป็นอาวุธวิเศษก็ได้สวี่ชีอันหล่อเลี้ยงจนมีอานุภาพพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดไปหลายพันลี้ในทุกๆ วัน
เมื่อเทียบกับจิตวิญญาณแรกเกิด มันในตอนนี้กลายเป็นดาบที่โตเต็มวัยและสามารถต่อกรกับศัตรูได้ด้วยตัวเองแล้ว
“อาวุธวิเศษ?”
สวี่หยวนซวงกรีดร้องออกมาจากกลั้นไม่อยู่
ในฐานะที่เป็นโหร นางรู้ถึงความล้ำค่าหายากของอาวุธวิเศษดีกว่าใคร
อาจกล่าวได้อย่างชัดเจนว่า แม้จะเป็นบิดาอย่างสวี่ผิงเฟิงหรือท่านโหราจารย์ก็ทำได้แค่ขัดเกลาให้เป็น ‘ตัวอ่อน’ ของอาวุธวิเศษ และทำให้อาวุธเวทมนตร์มีพื้นฐานที่จะกลายเป็นอาวุธวิเศษได้เท่านั้น
แต่จะกลายเป็นอาวุธวิเศษที่แท้จริงหรือไม่ก็ต้องพึ่งโชคชะตา หรือไม่ก็การหล่อเลี้ยงอย่างอุตสาหะ
เช่นเดียวกับแผ่นความลับสวรรค์ซึ่งเป็นของวิเศษของท่านโหราจารย์ ตอนแรกมันเป็นเพียงอาวุธเวทมนตร์ธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่ง แต่ท่านโหราจารย์มักจะใช้มันเพื่อทำนายความลับของสวรรค์และพกติดตัวอยู่เสมอ เมื่อสะสมนานเข้าทุกวันๆ มันจึงกลายเป็นอาวุธวิเศษได้
และต่อมาก็หลุดพ้นจนกลายเป็นของวิเศษ
เจดีย์พุทธะก็ผ่านกระบวนการเช่นนี้มาด้วยเหมือนกัน
‘อาวุธวิเศษ…’ ทุกคนรู้สึกสั่นสะเทือนเล็กน้อย ต่างก็ไม่อาจควบคุมความโลภ หลงใหล ใคร่หา และความริษยาได้
จอมยุทธ์ไม่จำเป็นต้องมีอาวุธ แต่นี่ไม่ได้หมายรวมถึงอาวุธวิเศษด้วย
เมื่ออยู่ในระดับเดียวกัน ผู้ที่มีอาวุธวิเศษก็หมายถึงมีชัยชนะรออยู่แล้ว
เหมียวโหย่วฟางที่รู้เห็นมาน้อยไม่รู้จักอาวุธวิเศษ แต่เมื่อเห็นอาวุธมีจิตสำนึกของมันเองก็รู้สึกแปลกใหม่และอิจฉาขึ้นมาแล้ว
สีหน้าของสวี่หยวนไหวเขียวคล้ำ วิญญาณมังกรน้ำที่แตกซ่านไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บมากนัก แต่เจ็บใจที่เห็นว่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุดที่ตนเก็บงำเอาไว้นานกลับถูกคู่ต่อสู้ขจัดไปได้อย่างง่ายดาย
ไม่สิ อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ แค่ส่งดาบเล่มหนึ่งออกมารับก็ทำให้ตนตกลงไปสู่พื้นทรายได้แล้ว
สำหรับอัจฉริยะวัยหนุ่มที่หยิ่งทะนงอย่างสวี่หยวนไหวแล้ว การโจมตีที่เจ็บปวดล้ำลึกเช่นนี้เป็นการตบหน้าที่เจ็บปวดสาหัสยิ่งนัก
“เด็กน้อย ไปวิ่งเล่นในโคลนเถอะไป ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมากระโดดโลดเต้น”
สวี่ชีอันเรียกดาบไท่ผิงกลับมาถือไว้ในมือ จากนั้นก็ชี้ไปยังบ่อโคลนที่อยู่ไกลๆ
สีหน้าเขียวคล้ำของสวี่หยวนไหวพลันมีสีแดงฝาดขึ้นมาทันใด ทั้งอัปยศอดสู โกรธแค้น และอับอาย…โมโหเสียจนกล้ามเนื้อที่สองข้างแก้มนูนเด่นขึ้นมา
พลังทำลายล้างรุนแรงนัก ความอัปยศก็รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มกำลังอยู่ในขั้นที่ ‘หน้าตาสำคัญกว่าชีวิต’ ดังนั้นจึงเลือดขึ้นหน้าแล้วคำรามด้วยความโกรธ ก่อนพุ่งเข้าหาสวี่ชีอันด้วยสองมือที่ว่างเปล่า
เขาวิ่งตะบึงราวกับสายลม พลังปราณก็ฉีกทึ้งอากาศราวกับวัวพิโรธที่ห้ามไม่อยู่
ระยะทางสามก้าวสวี่หยวนไหวก็ก้าวเพียงสองก้าวแล้วกระโดดผลุงขึ้นมาส่งกำหมัดพุ่งเข้าหาสวี่ชีอัน
‘พลั่ก!’
กำปั้นฉีกทึ้งอากาศ
หมัดนี้พุ่งถึงจุดสูงสุดแล้วปล่อยออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
สวี่ชีอันเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแสดงท่าทีชื่นชม จากนั้นก็ยื่นแขนออกไปกดลำคอของเขาแล้วกดเขาเอาไว้กับพื้น
‘ฟึ่บ~’
สวี่หยวนไหวกระอักเลือดออกมาคำใหญ่พร้อมกับพื้นที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หลังศีรษะถูกโจมตีอย่างหนัก สติรับรู้มึนงงไปชั่วขณะ
“ช่างไม่รู้คุณค่านัก!”
สวี่ชีอันกำดาบไท่ผิงไว้แน่นแล้วจ่อดาบไปที่ทรวงอกของสวี่หยวนไหว แค่แทงลงไปเบาๆ เจ้าหนุ่มนี้ก็จะสิ้นชีพอยู่บนสังเวียนนี้แล้ว
“สวี่ชีอัน…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น สวี่หยวนซวงวิ่งเข้าไปด้วยความตื่นตระหนกแล้วหยุดอยู่ระหว่างทั้งสองคน นางไม่พูดอะไร เพียงแค่กัดริมฝีปากน้ำตาคลอเต็มหน่วยและมองหน้าเขาอย่างดื้อรั้น
สวี่ชีอันขมวดคิ้วเหลือบมองนางแล้วก้มหน้ามองสวี่หยวนไหวที่เลือดเปรอะเปื้อนใบหน้าไปครึ่งซีก พร้อมทั้งมีความโกรธและไม่ยอมแพ้ในแววตา
เขาพลิกข้อมือแล้วใช้หลังดาบทุบกระดูกหัวเข่าและข้อศอกของสวี่หยวนไหวติดต่อกัน จากนั้นก็เตะด้วยปลายเท้าเบาๆ
สวี่หยวนไหวราวกับเป็นลูกหนังก้อนหนึ่งที่เคลื่อนตัวเป็นเส้นโค้งไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของพี่สาวได้อย่างแม่นยำ
สาวน้อยคนงามเม้มริมฝีปากแล้วมองสวี่ชีอันอย่างล้ำลึก นางก้มลงพยุงตัวน้องชายแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“พวกเราจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
พูดจบก็ช่วยพยุงสวี่หยวนไหวเดินไปอีกทางแล้วเว้นระยะห่างกับพวกจีเสวียนเพื่อแสดงความตั้งใจจริง
ขณะเดินก็เหลือบมองน้องชายที่มีสีหน้าหมองหม่นและนัยน์ตาราวกับตายไปแล้ว จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่ง
“อย่าได้ท้อใจไป เขาเป็นบุคคลที่แม้แต่ท่านพ่อก็ยังรู้สึกว่าจัดการได้ยาก สู้เขาไม่ได้ก็สมเหตุสมผลแล้ว หากยังไม่ยอม เจ้าก็ก้าวไปข้างหน้าโดยมีเขาเป็นเป้าหมายแล้วกัน เมื่อมีศัตรูเช่นนี้ยืนอยู่ตรงหน้า เจ้าจึงจะกล้าหาญและก้าวหน้าต่อไปในเส้นทางสายวิทยายุทธ์ได้”
ดวงตาว่างเปล่าของสวี่หยวนไหวขยับเคลื่อน “เจ้าก็คิดว่าเขาเป็นศัตรูด้วยหรือ”
สวี่หยวนซวงเม้มริมฝีปากบอบบางของตน แต่ไม่ได้ตอบคำ
หลังจากทั้งคู่ถอยไปไกลแล้วก็ยืนเคียงกันเพื่อดูการต่อสู้ต่อไป
สวี่หยวนซวงเป็นโหรขั้นหก ไม่อาจถือว่ามีพลังต่อสู้ สวี่หยวนไหวก็อยู่เพียงขั้นห้า เป็นบุคคลที่มีไว้ประดับบนผืนผ้าเท่านั้น ถึงเสียไปก็ไม่สำคัญเท่าไหร่
การถอยไปของสองพี่น้องไม่ได้ทำให้พลังต่อสู้ของกลุ่มจีเสวียนและพวกสำนักพุทธสูญเสียไปมากมายนัก
การต่อสู้ระหว่างเสือมังกรต่างหากจึงจะเป็นกุญแจสำคัญ
ภารกิจของสวี่หยวนไหวสำเร็จ เขาหยั่งเชิงพลังต่อสู้ของสวี่ชีอันเบื้องต้นได้แล้ว ช่วงระหว่างที่สองพี่น้องกำลังถอยไป สำนักพุทธและฝ่ายเมืองเฉียนหลงที่ถือเป็นกองกำลังหลักก็ได้วางแผนต่อกรศัตรูเบื้องต้นเรียบร้อย
“ไต้ซือจิ้งหยวน พลังเทพวชิระของท่านเป็นสิ่งเดียวในตอนนี้ที่สามารถต้านทานอาวุธวิเศษได้ ดังนั้นต่อไปก็ต้องอาศัยให้ท่านเป็นผู้นำแล้ว
“ไต้ซือจิ้งซิน ท่านพาเหล่าฉานซือไปรั้งอยู่ข้างสนามเพื่อช่วยเหลือพวกเราด้วยวิชาทรงศีล
“ไป๋หู่ เจ้ารวดเร็วมาก ให้รับหน้าที่ก่อกวนและคอยช่วยเหลือ ฉีฮวนตานเซียง เจ้าทำหน้าที่จู่โจม เข้าต่อสู้ร่วมกันกับข้าและหงเหมียน”
จีเสวียนออกคำสั่งอย่างเป็นระบบและจัดการทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง