ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 632

บทที่ 632 ร่างธรรมจักรพรรดิ

ใต้ท้องฟ้าสีคราม ดวงตาคู่หนึ่งที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และก้มมองแผ่นดินขนาดใหญ่

ราวกับเจตจำนงค์ของวิถีสวรรค์เป็นจริงขึ้นมา

อีกทั้งยังดูเหมือนมนุษย์ยักษ์บรรพกาลลืมตาฟื้นขึ้นมา

ดวงตาคู่นี้ ตอนแรกดูราวกับหมึกจางๆ บนกระดาษเซวียนจื่อ ไม่ค่อยชัดเจน ต่อมาค่อยๆ แข็งตัว

หลังจากที่ดวงตาทั้งคู่ปรากฏขึ้น เส้นของใบหน้าก็เริ่มถูกวาด ราวกับว่ามีพู่กันที่มองไม่เห็นกำลังวาดอยู่ ระหว่างที่กำลังเดินลายเส้นอยู่นั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเด็ดเดี่ยวก็วาดออกมาสำเร็จ

พอหมุน ‘ปลายพู่กัน’ ลำตัวก็ปรากฏขึ้น

เงาร่างนี้สูงถึงร้อยจั้ง ศีรษะสวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดมังกร ใส่รองเท้าทองคำ ในมือถือเงากระบี่เล่มหนึ่ง

พลังห้าธาตุปั่นป่วนท่ามกลางสวรรค์และโลกในทันที ลมแรงกลายเป็นชุดคลุมยาวของเขา ดินศักดิ์สิทธิ์หล่อหลอมเป็นร่าง น้ำใสกลายเป็นโลหิต ไม้ศักดิ์สิทธิ์ปลุกพลังชีวิตของเขา พลังทองหล่อหลอมกระบี่เพื่อเขา

สายฟ้าสองเส้นฟาดใส่ดวงตาทั้งคู่ของเขา

จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่ง!

สวี่ชีอันอัญเชิญวิญญาณวีรบุรุษของจักรพรรดิเกาจู่มา

บนเรืออวี่เฟิง สีหน้าของสวี่ผิงเฟิงแข็งทื่อในฉับพลัน

จีเสวียนพูดพึมพำ

“จักรพรรดิเกาจู่…”

จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย ไม่รู้ว่าโมโหหรือริษยา และกัดฟันพูด

“เขาถือสิทธิ์อะไรอัญเชิญจักรพรรดิเกาจู่มา ถืออะไร ถือสิทธิ์อะไร! นี่เป็นบรรพบุรุษตระกูลจีของข้า”

สวี่หยวนซวงกับสวี่หยวนไหวอ้าปากค้าง พวกเขาไม่กล้าพูดอะไร เพราะเห็นมือที่อยู่ด้านหลังของบิดากำหมัดแน่น

ขณะนี้ ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกแปลกๆ บิดากำลังเสียใจในภายหลัง

ไม่ได้เสียใจที่เป็นศัตรูกับบุตรคนโต แต่กำลังเสียใจกับเรื่องราวบางอย่างเป็นแน่แท้

วัดหย่งเจิ้นซานเหอ

ทันใดนั้น ทั่วทั้งทะเลสาบซังผอสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ระลอกคลื่นกระเพื่อมบนผิวทะเลสาบ

‘ครืนๆ ครืนๆ…’

ป้ายวิญญาณบนโต๊ะใหญ่ที่เรียงลำดับบรรพบุรุษราชวงศ์แต่ละอันพากันล้มลงและร่วงลงพื้น

รูปปั้นแกะสลักของจักรพรรดิเกาจู่แห่งต้าฟ่งเกิดรอยแยกดัง “เปรี๊ยะๆ” รอยแยกลากยาวจากระหว่างคิ้วไปถึงทรวงอก

สำนักโหราจารย์ แท่นแปดทิศ

โหราจารย์ที่ดวงจิตล่องลอยยังคงหลับตาอยู่ แต่เขาชูจอกสุรายกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

‘เพล้ง!’

จอกสุราในมือแตกกระจายทันที หน้าอกของโหราจารย์แตกร้าวตาม โลหิตสดๆ แปดเปื้อนอาภรณ์ขาว

“อัญเชิญเทพนั้นง่าย ส่งเทพนั้นยากเสียจริง…”

โหราจารย์กล่าวเบาๆ บาดแผลค่อยๆ สมานเข้าด้วยกัน

แต่ใบหน้าซีดเผือดราวกับไม่มีเลือด

ห้องทรงอักษร

จักรพรรดิหย่งซิ่งที่กำลังยุ่งอยู่กับงานราชการได้ยินเสียงฝนเท้าที่เร่งรีบ

ขันทีผู้หนึ่งบุกเข้าห้องทรงอักษรโดยไม่แจ้ง เขาคุกเข่าก้มลงกับพื้นด้วยใบหน้าขาวซีด และตะโกนเสียงดัง

“ฝ่าบาท ป้ายลำดับของบรรดาบรรพบุรุษร่วงหมดแล้ว”

ภูเขาชิงอวิ๋น

จ้าวโส่วยืนอยู่บนยอดหน้าผา และมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างเงียบๆ

“อัญเชิญจักรพรรดิวิถีมนุษย์เยื้องกรายมาถึง วีถีสวรรค์แว้งกัด ราคาที่ต้องจ่ายไม่น้อยไปกว่าตอนที่เว่ยเยวียนอัญเชิญปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์เลย”

ตอนที่พูดประโยคนี้ จ้าวโส่วมองไปทางเมืองหลวงและพูดเบาๆ

“ท่านโหราจารย์ ไม่คิดเลยว่าท่านจะยอมรับการแว้งกัดของวิถีสวรรค์ คนที่ท่านเลือกเป็นเขาจริงๆ”

จักรพรรดิเกาจู่?!

สายตาแต่ละดวงมองดูร่างธรรมจักรพรรดิด้วยความตกตะลึง หลังจากผู้คนทั้งหมดงงงันอยู่ครู่หนึ่ง คำอัญเชิญของสวี่ชีอันก็ดังก้องในสมองพร้อมกัน

ศีรษะสวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดมังกร ใส่รองเท้าทองคำ พลังห้าธาตุหมุนวนรอบๆ ร่างธรรมเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีคำพูดของสวี่ชีอันในเมื่อครู่ พวกเขาก็ได้สังเกตได้ว่าเป็น ‘จักรพรรดิ’

บนยอดหน้าผาทางตอนใต้ เฉาชิงหยางและคนอื่นๆ ตะลึงงันไปหมด มีความรู้สึกแบบซึมกะทือ ‘เพราะข้อมูลมากเกินไปไม่อาจเข้าใจได้หมด’

“นี่คือจักรพรรดิเกาจู่หรือ”

“ฆ้องเงินสวี่เขาอัญเชิญจักรพรรดิเกาจู่ออกมาหรือ”

“ฆ้องเงินสวี่คือจักรพรรดิเกาจู่กลับชาติมาเกิดหรือ”

ความสงสัยทั้งสามนี้ อัดแน่นอยู่ในสมองของพวกเขา แต่ละคำถามล้วนเหลือเชื่อ ยากจะเข้าใจได้หมด

ผู้ที่ไม่อาจยอมรับและเข้าใจข้อมูลตรงหน้าได้ยังมีฉี่ฮวนตานเซียงและคนอื่นๆ ที่ไม่อาจยอมรับได้เพราะเห็นอยู่ชัดๆ ว่าสถานการณ์ดีมาก ในที่สุดก็สามารถจับหรือสังหารสวี่ชีอันได้สมความปรารถนาแล้ว

ใครจะคิดล่ะว่า พริบตาเดียวสถานการณ์กลับเปลี่ยนไปมาก สวี่ชีอันกลับอัญเชิญร่างธรรมของจักรพรรดิเกาจู่แห่งต้าฟ่งออกมา

“จักรพรรดิเกาจู่หรือ จักรพรรดิเกาจู่ที่บุกเบิกอาณาจักรร่วมกับบรรพชนผู้นั้นหรือ” หลิ่วหงเหมียนตัวสั่นเทาเล็กน้อย คำพูดขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ

ฉี่ฮวนตานเซียงที่เป็นปรมาจารย์ซินกู่พูดเสียงแหลม “จักรพรรดิผู้สถาปนาต้าฟ่งสวรรค์คตไปแล้วมิใช่หรือ เขาถือสิทธิ์อะไรในการอัญเชิญจักรพรรดิเกาจู่ออกมา เขาก็แค่ทหารหยาบคายคนหนึ่งนี่”

ไม่มีคนตอบเขา

การเคลื่อนไหวของสวี่ชีอันในเมื่อครู่ฝูงชนเห็นกับตา ล้วนเป็นผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เหตุใดจะไม่รู้ว่าเขาอัญเชิญจักรพรรดิเกาจู่มาได้อย่างไร

ฉี่ฮวนตานเซียงก็แค่ระบายความท้อแท้และความโกรธในจิตใจเท่านั้น

‘เอื๊อก!’ ไป๋หู่กลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกและพูดเบาๆ

“ไป! ถอนทัพไปก่อน ทุกอย่างค่อยว่ากันทีหลัง”

เขามีประสบการณ์มาพอประมาณแล้ว พบกับสถานการณ์เช่นนี้ การวิ่งหนีก่อนถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

หากผลลัพธ์คือฝ่ายของตนเองชนะ ค่อยทำการติดต่อในภายหลัง หากพ่ายแพ้ ถอนทัพในตอนนี้สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขาถูกสวี่ชีอันโจมตีจนกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ

สวี่ชีอันที่ควบคุมร่างธรรมจักรพรรดิเกาจู่นั้นไม่สบายเลยจริงๆ สีหน้าแดงก่ำแปลกๆ ผิวหนังทั้งตัวราวกับกุ้งต้มสุก

ไม่ใช่ พูดให้ถูกต้องก็คือร่างธรรมกำลังควบคุมสวี่ชีอันอยู่

เขาค้นพบอย่างฉับพลันว่ามือเท้าของตนเองไม่ถูกควบคุม ท่าทางที่ถือดาบเปลี่ยนเป็นยืนถือกระบี่ยันพื้น

“สำนักพุทธ พวกหนูสวะ กล้าล่วงล้ำดินแดนต้าฟ่งของข้าหรือ”

ปากของเขาเปล่งเสียงน่าเกรงขามออกมาโดยไม่ตั้งใจ ราวกับว่าคำพูดของเขาสามารถตัดสินความเป็นความตายของผู้คนได้

เมฆดำปกคลุมยอดเขาเฉวี่ยนหลงราวกับฟ้าดินพิโรธอย่างหนัก

ร่างธรรมเทพอารักษ์ที่สง่างามน่าเกรงขาม จ้องมองร่างธรรมจักรพรรดิที่อยู่ไกลๆ อย่างเงียบๆ แขนทั้งยี่สิบสี่กางออกราวกับนกยูงรำแพน และทำท่าจู่โจม

ร่างธรรมจักรพรรดิยังคงยืนเอากระบี่ยันพื้นอย่างยโสโอหัง

แสงสว่างพุ่งขึ้นจากใต้เท้าร่างธรรมเทพอารักษ์ กายทองคำที่สูงตระหง่านร้อยจั้งหายไป ทิ้งไว้เพียงระฆังหนึ่งใบกับเจดีย์หนึ่งองค์ที่กำราบชายชรา

ครู่ต่อมา ร่างธรรมกายทองคำก็ปรากฏตัวด้านหลังร่างธรรมจักรพรรดิอย่างไร้สุ้มเสียง

แขนทั้งสิบสองร่วงลงมาพร้อมกัน สากเทพอารักษ์ที่ปล่อยสายฟ้า มีดพระที่ปกคลุมด้วยธาตุทอง กระบี่เทพที่มีพลังวารีไหลอยู่ กระบองสยบมารที่ดูเหมือนจะบดขยี้ความว่างเปล่าได้…

อาวุธเวทเหล่านี้ตอบสนองกัน สับเปลี่ยนพลังกันจนปรากฏรอยแยกแสงขนาดใหญ่ออกมาเป็นเส้นๆ

‘หวึ่ง!’

คลื่นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่สะเทือนไปกลางอากาศ พลังไร้รูปชนิดหนึ่งต้านทานการโจมตีของแขนทั้งสิบสองไว้ได้ ราวกับม่านอากาศที่มองไม่เห็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง