ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 682

ราชวงศ์​ต้าฟ่ง​ทุบตี​ผู้คน​

เป็นการ​คลี่คลาย​คดี​!

ก่อนที่​ตบะ​ของ​เขา​จะไป​ถึงระดับ​บรรลุ​สมบูรณ์​ สิ่งที่​เขา​ภาคภูมิใจ​จริงๆ​ คือ​ความสามารถ​ใน​การ​คลี่คลาย​คดี​

ความสามารถ​ใน​การ​คลี่คลาย​คดี​เท่ากับ​การ​ใช้เหตุผล​เชิงตรรกะ​บวก​กับ​การ​สังเกต​อย่าง​ละเอียด​

การวางแผน​ของ​เขา​มัน​คนละ​ระดับ​กับ​ท่าน​โหราจารย์​และ​สวี่​ผิง​เฟิง เขา​จึงไม่อาจ​วางแผน​กลยุทธ์​ได้​

แต่​ถึงแม้จะเป็น​ท่าน​โหราจารย์​ ก็​อย่า​นึก​สิว่า​เขา​จะเล่น​เป็น​ลิง​อยู่​ร่ำไป​

แม้แต่​สวี่​ผิง​เฟิงที่​อ้างว่า​ตัวเอง​เป็น​คน​ฉลาด​มีไหวพริบ​ สวี่​ชีอัน​ก็​ยัง​ปล่อย​ให้​แพ้​กลับบ้าน​อย่าง​อัปยศ​ เมื่อ​เขา​ต้อง​รื้อ​เอา​โชคชะตา​กลับมา​ใช้

ทั้งหมด​นี้​ขึ้นอยู่กับ​ความสามารถ​ใน​การ​ ‘คลี่คลาย​คดี​’ อัน​ทรงพลัง​ของ​เขา​ ตาม​เบาะแส​ต่างๆ​ ที่​เขา​ตั้งใจ​วิเคราะห์​อย่าง​รอบคอบ​ เพื่อ​ถอดรหัส​ตัวตน​ที่​แท้จริง​ของ​พ่อ​มด​ลึกลับ​ เพื่อ​ตระเตรียม​มาตร​การตอบโต้​

ใน​เวลา​เพียง​หนึ่ง​ปี​ เขา​เติบโต​ขึ้น​จาก​ภาชนะ​อ่อนแอ​ที่​ใครๆ​ ก็​ชักใย​ได้​ มาเป็นยอด​ฝีมือ​ระดับแนวหน้า​ใน​สภาวะ​เหนือ​มนุษย์​

เติบโต​ขึ้น​มาเป็นหนึ่ง​ใน​ผู้​เดินหมาก​

เขา​คลี่​ผ้าคลุม​หน้า​ของ​ ‘โหร​ลึกลับ​’ สวี่​ผิง​เฟิงออก​ทีละ​ชั้น​ทีละ​ชั้น​แล้ว​เขา​ก็​เผย​ผ้าคลุม​หน้า​ลึกลับ​ของ​ท่าน​โหราจารย์​เป็นราย​ต่อไป​

โหร​สูงสุด​สอง​คน​ยัง​ไม่คณา​มือ​เขา​ นับประสาอะไร​กับ​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​

“วันนั้น​แม่ย่า​มาหา​ข้า​ที่​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​เพื่อ​แจกแจง​ข้อดี​ข้อเสีย​และ​แนะนำ​ให้​ข้า​ไป​จาก​ชายแดน​ตอน​ใต้​ อันที่จริง​ แม้ข้า​ไม่ได้​ถอด​กำไล​ออก​ แต่​ท่าน​ก็​จะบอก​ข้า​ว่า​ข้า​ควร​จัดการ​กับ​มัน​เช่นไร​”

สวี่​ชีอัน​วาง​ถ้วย​ชาลง​และ​มอง​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ผ่าน​แสงเทียน​สลัว​

“ท่าน​ได้​เลือก​แล้ว​ที่จะ​เป็น​พันธมิตร​กับ​ข้า​ ไม่ใช่สวี่​ผิง​เฟิงใช่หรือไม่​”

“เจ้าเป็น​เด็ก​ฉลาด​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ยิ้ม​ซึ่งเท่ากับ​เป็นการ​ยอมรับ​

สวี่​ชีอัน​พยักหน้า​และ​พูด​ต่อ​

“ใน​เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ข้า​จึงไม่เข้าใจ​พฤติกรรม​ที่​ท่าน​กำลังจะ​ทำ​ ท่าน​เป็นกลาง​เกินไป​ ไม่ได้​เข้าข้าง​ข้า​หรือ​สวี่​ผิง​เฟิง แล้ว​ยัง​ปล่อย​ให้​หัวหน้า​ทั้ง​ห้า​คน​มาต่อสู้​กับ​ข้า​อีก​”

“แต่​ในความเป็นจริง​ ท่าน​รู้​ว่า​ข้า​สามารถ​เอาชนะ​พวก​นั้น​ได้​ เพราะ​ลี่​น่า​มอบ​เจ็ด​ยอด​กู่​ใน​ตัว​ให้​ข้า​ นั่น​คือ​ ท่าน​รู้​อยู่แล้ว​ว่า​เผ่าพันธุ์​กู่​กับ​เมือ​งอ​วิ๋น​โจว​ย่อม​ไม่อาจ​เป็น​พันธมิตร​กัน​ได้​”

“เป็น​พันธมิตร​กับ​ฝ่าย​หนึ่ง​ ก็​ย่อม​แตกหัก​กับ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ ด้วย​สติปัญญา​ของ​เจ้า เจ้าจึงไม่ได้​จับตาดู​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​อย่าง​ใกล้ชิด​ แม้เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​จะเป็น​ตัวละคร​จิ๊บจ้อย​ แต่​ก็​ไม่อาจ​ประเมิน​สวี่​ผิง​เฟิงที่อยู่​เบื้อง​หลังเขา​ต่ำ​เกินไป​”

“ข้า​นึก​แล้ว​เชียว​ว่า​ต้อง​มีผู้สนับสนุน​สวี่​ผิง​เฟิงอยู่​ ดังนั้น​เรื่อง​นี้​ท่าน​ย่อม​คาดการณ์​ไม่ได้​”

“ข้า​ก็​นึก​ว่า​ท่าน​จับตาดู​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​อยู่​ เหตุใด​ท่าน​ถึงปล่อย​ให้​เก่​อ​เห​วิน​เซวียน​มาวุ่นวาย​ใน​เหว​ลึก​จี๋เยวียน​โดย​ไม่ห้ามปราม​เขา​ไว้​?”

“ท่าน​เคย​บอก​ว่าการ​ผนึก​เทพเจ้า​กู่​เป็น​เป้าหมาย​ชั่วนิรันดร์​ของ​เผ่าพันธุ์​กู่​ ที่​ข้า​มาที่นี่​คืนนี้​นอกจาก​เรื่อง​เจ็ด​ยอด​กู่​แล้ว​ ก็​มีเพียง​เรื่อง​นี้​ที่​อยาก​ถาม”

แม้เทียน​กู่​จะไม่เหมือนกับ​ปรมาจารย์​ลิขิต​ฟ้าที่​สามารถ​สอดส่อง​ความลับ​สวรรค์​ได้​ตามอำเภอใจ​ แต่​ก็​สามารถ​มองเห็น​แง่มุมในอนาคต​ได้​ สวี่​ชีอัน​ต้อง​เผชิญ​กับ​บุคคล​เช่นนี้​จึงได้​ระวังตัว​แต่​เนิ่นๆ​

อาจ​มีเพียง​ลี่​น่า​เท่านั้น​ที่​คิด​ว่า​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เป็น​คนแก่​ใจดี​ ซึ่งนี่​อาจ​เป็น​เรื่องจริง​ แต่​ไม่ใช่ทุกอย่าง​ที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​เป็น​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ยังคง​นิ่งเงียบ​ ก้มหน้า​เย็บผ้า​ต่อไป​

สวี่​ชีอัน​ไม่ได้​เร่งเร้า​นาง​และ​ดื่ม​ชาต่อ​เพียงลำพัง​ ห้องนอน​เงียบสงบ​ มีเพียง​แมลง​ที่อยู่​นอก​หน้าต่าง​เท่านั้น​ที่​ส่งเสียงร้อง​อย่าง​ไม่รู้จัก​เหน็ดเหนื่อย​

อากาศ​ทาง​ชายแดน​ตอน​ใต้​ร้อน​มาก​ แม้ใน​ฤดูหนาว​ พืชพรรณ​ก็​ยัง​เป็น​สีเขียว​ นก​และ​สัตว์​ต่างๆ​ ไม่จำเป็นต้อง​ใช้เวลา​ใน​ช่วง​ฤดูหนาว​นาน​นัก​ เพราะ​ถึงจะนาน​แค่​ไหน​ก็​ยัง​สั้น​กว่า​ช่วง​ฤดูร้อน​

“รู้เรื่อง​พวก​นี้​ไป​ก็​ไม่ได้​ช่วย​อะไร​เจ้า”

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ก็​ถอนหายใจ​และ​พูด​ช้าๆ

“เจ้ารู้จัก​พลัง​แสงสีขาว​ที่​พวยพุ่ง​ขึ้น​สู่ท้องฟ้า​หรือไม่​?”

สวี่​ชีอัน​ส่าย​หัว​

“แม่ย่า​ โปรด​บอก​ให้​ข้า​รู้​ด้วย​”

“เจ้าน่าจะ​เคย​ได้ยิน​ชื่อ​นี้​มาก่อน​นะ​ ใน​อวิ๋น​โจว​ก็​มีประวัติ​ความเป็นมา​และ​วิหาร​อยู่​”

ทันทีที่​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​จบ​ สวี่​ชีอัน​ก็​โพล่ง​ออกมา​

“ไป๋​ตี้?!”​

สวี่​ผิง​เฟิงติดต่อ​กับ​ทายาท​สายเลือด​เทพ​มาร​ตั้งแต่​เมื่อไร​…หัวใจ​ของ​เขา​หนักอึ้ง​และ​ความรู้สึก​แย่​ๆ ก็​ประเด​ประดัง​เข้ามา​

เห็นได้ชัด​ว่า​มัน​เป็น​บุตร​แห่ง​มนุษย์​ที่​ปราศจาก​ความเหมาะสม​จะเข้าไป​ข้อง​เกี่ยวกับ​ทายาท​สายเลือด​เทพ​มาร​ แม้เรื่อง​นี้​จะไม่ได้​เป็น​ข้อพิสูจน์​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​เป็น​พันธมิตร​กัน​ แต่​ก็​มีความเป็นไปได้​ว่า​อาจจะ​เป็น​พันธมิตร​กัน​

มิตร​ของ​ศัตรู​ก็​ย่อม​ต้อง​เป็น​ศัตรู​

“ข้า​ได้​วิเคราะห์​มาก่อน​แล้ว​ว่า​อวิ๋น​โจว​ต้อง​ได้รับ​การ​สนับสนุน​จาก​วัง​ต่างชาติ​ เป็นไป​ได้มา​กว่า​จะเป็น​ผู้สนับสนุน​ที่​จากไป​เมื่อ​ห้า​ร้อย​ปีก่อน​ หาก​เหตุการณ์​นี้​ล้มเหลว​ พวก​นั้น​ก็​จะข้ามน้ำข้ามทะเล​กลับ​ไป​ เมื่อ​มองดู​ตอนนี้​ บางที​อาจ​มีเหตุผล​อื่น​ที่​สวี่​ผิง​เฟิงเลือก​อวิ๋น​โจว​มาเป็น​ฐาน​กำลัง​ เป็นต้นว่า​ เขา​แอบ​มีความสัมพันธ์​ลับ​ๆ กับ​ไป๋​ตี้”​

สวี่​ชีอัน​วิเคราะห์​ใน​ใจด้วย​ความเคยชิน​ “ข้า​ไม่รู้​ว่า​ไป๋​ตี้​เป็น​ใคร​ แต่​ถึงอย่างไร​ เขา​ก็​ไม่น่า​ใช่ระดับ​สุดยอด​…”

เขา​หายใจเข้า​ลึก​ๆ รวบรวม​ความคิด​ของ​ตัวเอง​ที่​แตก​ซ่าน​กระจัดกระจาย​แล้ว​พูดว่า​

“แม่ย่า​ ท่าน​ว่า​ต่อ​เถอะ​”

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​ก้มหน้า​เย็บผ้า​และ​พูดว่า​

“มัน​ถามเทพเจ้า​กู่​สามคำถาม​ คำถาม​แรก​คือ​ เจ้าจะหลุดพ้น​จาก​ผนึก​เมื่อใด​”

“เทพเจ้า​กู่​ตอบ​ว่า​…ใน​ช่วงเวลา​สุดท้าย​ปลาย​มหาศักราช​จะขาด​เขา​ไป​มิได้​”

นี่​คือ​การ​แปลความ​ของ​นาง​ตาม​ความเข้าใจ​ใน​ภาษาเทพ​มาร​

ใน​ช่วงเวลา​สุดท้าย​ปลาย​มหาศักราช​จะขาด​เขา​ไป​มิได้​รึ​? สวี่​ชีอัน​ส่งเสียง​ “ฟู่” เขา​คิด​ไตร่ตรอง​อย่าง​หนัก​และ​หวาดกลัว​อย่างยิ่ง​

คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​เปิดเผย​ข้อมูล​สอง​อย่าง​

หนึ่ง​ เวลา​ที่​มหาศักราช​จะสิ้นสุดลง​

นี่​อาจ​หมายถึง​เหตุการณ์​บางอย่าง​ โอกาส​บางอย่าง​ ภัยพิบัติ​บางอย่าง​ ไม่ว่า​ ‘เวลา​’ จะสื่อ​ถึงอะไร​ แต่​ระดับ​ที่​เกี่ยวข้อง​นั้น​สูงมาก​อย่าง​แน่นอน​

ผู้​ที่อยู่​ต่ำกว่า​สภาวะ​เหนือ​มนุษย์​ไม่มีสิทธิ์​เข้าร่วม​

สอง​ จะขาด​เขา​ไป​มิได้​

เทพเจ้า​กู่​เชื่อมั่น​อย่าง​แน่วแน่​ว่า​เขา​สามารถ​หลุดพ้น​จาก​ผนึก​ได้​ ระดับ​สุดยอด​ย่อม​ไม่มั่นใจ​อะไร​สุ่มสี่สุ่มห้า​ ไม่ต้อง​พูด​ถึงว่า​ถ้าเผ่า​เทียน​กู่​มองเห็น​แง่มุมแห่ง​โชคชะตา​ได้​ เทพเจ้า​กู่​ซึ่งเป็น​แหล่งที่มา​ของ​ไสยศาสตร์​กู่​ก็​ย่อม​ทำได้​เช่นกัน​

หลังจาก​คิด​เรื่อง​นี้​แล้ว​ สวี่​ชีอัน​ก็​พยักหน้า​ให้​แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​

แม่ย่า​แห่ง​เทียน​กู่​พูด​ต่อ​

“คำถาม​ที่สอง​ ถามเทพเจ้า​กู่​ว่า​ ปรมาจารย์​เต๋า​อยู่​ที่ไหน​”

“คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​คือ​…บางที​ก็​อาจ​หาย​ไป​หมด​แล้ว​”

ปรมาจารย์​เต๋า​อยู่​ที่​ไห​น.​..

‘เรื่อง​นี้​น่าสนใจ​ ลูกหลาน​เทพ​มาร​ซึ่งเป็น​สัตว์​วิญญาณ​โพ้นทะเล​ เริ่ม​ให้ความสนใจ​ปรมาจารย์​เต๋า​แล้ว​’…สวี่​ชีอัน​ลูบ​คาง​และ​ครุ่นคิด​

ใน​บรรดา​ระดับ​สุดยอด​ทั้งหมด​ ปรมาจารย์​เต๋า​เป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​ลึกลับ​และ​เก่าแก่​ที่สุด​

ไม่สามารถ​ตรวจสอบ​ปี​ตรัสรู้​ได้​ทั้ง​ยัง​ไม่มีบันทึก​ทาง​ประวัติศาสตร์​ใดๆ​ ได้​แต่​คาดเดา​ว่า​เป็นเวลา​ที่​ยุค​เทพ​มาร​ถึงกาล​อวสาน​และ​เป็นเวลา​ที่​ยุค​เผ่าพันธุ์​มนุษย์​กับ​เผ่าพันธุ์​ปีศาจ​เพิ่ง​ถือกำเนิด​ขึ้น​

แต่​ช่วงนี้​มีระยะเวลา​เป็น​พันปี​ การ​จะระบุ​อย่าง​แม่นยำ​ย่อม​เป็นไปไม่ได้​

เหตุใด​ไป๋​ตี้​ถึงให้ความสนใจ​ปรมาจารย์​เต๋า​ที่​ไม่รู้​ว่า​มีตัวตน​อยู่​หรือไม่​? เหตุใด​จึงถามเทพเจ้า​กู่​ซ้ำอีกครั้ง​ ทั้งที่​เทพเจ้า​กู่​หลับใหล​อยู่​ที่​ชายแดน​ตอน​ใต้​ตั้งแต่​สิ้นสุด​ยุค​เทพ​มาร​และ​ถูก​นักปราชญ์​ศักดิ์สิทธิ์​ขงจื๊อ​ผนึก​ไว้​เมื่อ​กว่า​พัน​ปีก่อน​

หาก​มีการขัดกัน​ระหว่าง​เทพเจ้า​กู่​กับ​ปรมาจารย์​เต๋า​ มัน​ก็​ควรจะ​เกิดขึ้น​ตอน​เทพเจ้า​กู่​ยัง​หลับใหล​อยู่​ที่​ชายแดน​ตอน​ใต้​

‘นอกจากนี้​คำตอบ​ของ​เทพเจ้า​กู่​ยังมี​ข้อมูล​มากมาย​ ปรมาจารย์​เต๋า​อาจ​ถูกโค่น​? ใคร​จะสามารถ​ฆ่าปรมาจารย์​เต๋า​ได้​? เป็นไปไม่ได้​ที่​ปรมาจารย์​เต๋า​จะเบื่อชีวิต​และ​จบชีวิต​ลง​ด้วยตัวเอง​’…สวี่​ชีอัน​ถามว่า​

“แม่ย่า​คิด​อย่างไร​กับ​ปรมาจารย์​เต๋า​?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง