ราชวงศ์ต้าฟ่งทุบตีผู้คน
เป็นการคลี่คลายคดี!
ก่อนที่ตบะของเขาจะไปถึงระดับบรรลุสมบูรณ์ สิ่งที่เขาภาคภูมิใจจริงๆ คือความสามารถในการคลี่คลายคดี
ความสามารถในการคลี่คลายคดีเท่ากับการใช้เหตุผลเชิงตรรกะบวกกับการสังเกตอย่างละเอียด
การวางแผนของเขามันคนละระดับกับท่านโหราจารย์และสวี่ผิงเฟิง เขาจึงไม่อาจวางแผนกลยุทธ์ได้
แต่ถึงแม้จะเป็นท่านโหราจารย์ ก็อย่านึกสิว่าเขาจะเล่นเป็นลิงอยู่ร่ำไป
แม้แต่สวี่ผิงเฟิงที่อ้างว่าตัวเองเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ สวี่ชีอันก็ยังปล่อยให้แพ้กลับบ้านอย่างอัปยศ เมื่อเขาต้องรื้อเอาโชคชะตากลับมาใช้
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการ ‘คลี่คลายคดี’ อันทรงพลังของเขา ตามเบาะแสต่างๆ ที่เขาตั้งใจวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อถอดรหัสตัวตนที่แท้จริงของพ่อมดลึกลับ เพื่อตระเตรียมมาตรการตอบโต้
ในเวลาเพียงหนึ่งปี เขาเติบโตขึ้นจากภาชนะอ่อนแอที่ใครๆ ก็ชักใยได้ มาเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าในสภาวะเหนือมนุษย์
เติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้เดินหมาก
เขาคลี่ผ้าคลุมหน้าของ ‘โหรลึกลับ’ สวี่ผิงเฟิงออกทีละชั้นทีละชั้นแล้วเขาก็เผยผ้าคลุมหน้าลึกลับของท่านโหราจารย์เป็นรายต่อไป
โหรสูงสุดสองคนยังไม่คณามือเขา นับประสาอะไรกับแม่ย่าแห่งเทียนกู่
“วันนั้นแม่ย่ามาหาข้าที่เหวลึกจี๋เยวียนเพื่อแจกแจงข้อดีข้อเสียและแนะนำให้ข้าไปจากชายแดนตอนใต้ อันที่จริง แม้ข้าไม่ได้ถอดกำไลออก แต่ท่านก็จะบอกข้าว่าข้าควรจัดการกับมันเช่นไร”
สวี่ชีอันวางถ้วยชาลงและมองแม่ย่าแห่งเทียนกู่ผ่านแสงเทียนสลัว
“ท่านได้เลือกแล้วที่จะเป็นพันธมิตรกับข้า ไม่ใช่สวี่ผิงเฟิงใช่หรือไม่”
“เจ้าเป็นเด็กฉลาด”
แม่ย่าแห่งเทียนกู่ยิ้มซึ่งเท่ากับเป็นการยอมรับ
สวี่ชีอันพยักหน้าและพูดต่อ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงไม่เข้าใจพฤติกรรมที่ท่านกำลังจะทำ ท่านเป็นกลางเกินไป ไม่ได้เข้าข้างข้าหรือสวี่ผิงเฟิง แล้วยังปล่อยให้หัวหน้าทั้งห้าคนมาต่อสู้กับข้าอีก”
“แต่ในความเป็นจริง ท่านรู้ว่าข้าสามารถเอาชนะพวกนั้นได้ เพราะลี่น่ามอบเจ็ดยอดกู่ในตัวให้ข้า นั่นคือ ท่านรู้อยู่แล้วว่าเผ่าพันธุ์กู่กับเมืองอวิ๋นโจวย่อมไม่อาจเป็นพันธมิตรกันได้”
“เป็นพันธมิตรกับฝ่ายหนึ่ง ก็ย่อมแตกหักกับอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยสติปัญญาของเจ้า เจ้าจึงไม่ได้จับตาดูเก่อเหวินเซวียนอย่างใกล้ชิด แม้เก่อเหวินเซวียนจะเป็นตัวละครจิ๊บจ้อย แต่ก็ไม่อาจประเมินสวี่ผิงเฟิงที่อยู่เบื้องหลังเขาต่ำเกินไป”
“ข้านึกแล้วเชียวว่าต้องมีผู้สนับสนุนสวี่ผิงเฟิงอยู่ ดังนั้นเรื่องนี้ท่านย่อมคาดการณ์ไม่ได้”
“ข้าก็นึกว่าท่านจับตาดูเก่อเหวินเซวียนอยู่ เหตุใดท่านถึงปล่อยให้เก่อเหวินเซวียนมาวุ่นวายในเหวลึกจี๋เยวียนโดยไม่ห้ามปรามเขาไว้?”
“ท่านเคยบอกว่าการผนึกเทพเจ้ากู่เป็นเป้าหมายชั่วนิรันดร์ของเผ่าพันธุ์กู่ ที่ข้ามาที่นี่คืนนี้นอกจากเรื่องเจ็ดยอดกู่แล้ว ก็มีเพียงเรื่องนี้ที่อยากถาม”
แม้เทียนกู่จะไม่เหมือนกับปรมาจารย์ลิขิตฟ้าที่สามารถสอดส่องความลับสวรรค์ได้ตามอำเภอใจ แต่ก็สามารถมองเห็นแง่มุมในอนาคตได้ สวี่ชีอันต้องเผชิญกับบุคคลเช่นนี้จึงได้ระวังตัวแต่เนิ่นๆ
อาจมีเพียงลี่น่าเท่านั้นที่คิดว่าแม่ย่าแห่งเทียนกู่เป็นคนแก่ใจดี ซึ่งนี่อาจเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่แม่ย่าแห่งเทียนกู่เป็น
แม่ย่าแห่งเทียนกู่ยังคงนิ่งเงียบ ก้มหน้าเย็บผ้าต่อไป
สวี่ชีอันไม่ได้เร่งเร้านางและดื่มชาต่อเพียงลำพัง ห้องนอนเงียบสงบ มีเพียงแมลงที่อยู่นอกหน้าต่างเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
อากาศทางชายแดนตอนใต้ร้อนมาก แม้ในฤดูหนาว พืชพรรณก็ยังเป็นสีเขียว นกและสัตว์ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวนานนัก เพราะถึงจะนานแค่ไหนก็ยังสั้นกว่าช่วงฤดูร้อน
“รู้เรื่องพวกนี้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้า”
หลังจากนั้นไม่นาน แม่ย่าแห่งเทียนกู่ก็ถอนหายใจและพูดช้าๆ
“เจ้ารู้จักพลังแสงสีขาวที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าหรือไม่?”
สวี่ชีอันส่ายหัว
“แม่ย่า โปรดบอกให้ข้ารู้ด้วย”
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนะ ในอวิ๋นโจวก็มีประวัติความเป็นมาและวิหารอยู่”
ทันทีที่แม่ย่าแห่งเทียนกู่พูดจบ สวี่ชีอันก็โพล่งออกมา
“ไป๋ตี้?!”
สวี่ผิงเฟิงติดต่อกับทายาทสายเลือดเทพมารตั้งแต่เมื่อไร…หัวใจของเขาหนักอึ้งและความรู้สึกแย่ๆ ก็ประเดประดังเข้ามา
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นบุตรแห่งมนุษย์ที่ปราศจากความเหมาะสมจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับทายาทสายเลือดเทพมาร แม้เรื่องนี้จะไม่ได้เป็นข้อพิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายเป็นพันธมิตรกัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพันธมิตรกัน
มิตรของศัตรูก็ย่อมต้องเป็นศัตรู
“ข้าได้วิเคราะห์มาก่อนแล้วว่าอวิ๋นโจวต้องได้รับการสนับสนุนจากวังต่างชาติ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นผู้สนับสนุนที่จากไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน หากเหตุการณ์นี้ล้มเหลว พวกนั้นก็จะข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไป เมื่อมองดูตอนนี้ บางทีอาจมีเหตุผลอื่นที่สวี่ผิงเฟิงเลือกอวิ๋นโจวมาเป็นฐานกำลัง เป็นต้นว่า เขาแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับไป๋ตี้”
สวี่ชีอันวิเคราะห์ในใจด้วยความเคยชิน “ข้าไม่รู้ว่าไป๋ตี้เป็นใคร แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่น่าใช่ระดับสุดยอด…”
เขาหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความคิดของตัวเองที่แตกซ่านกระจัดกระจายแล้วพูดว่า
“แม่ย่า ท่านว่าต่อเถอะ”
แม่ย่าแห่งเทียนกู่ก้มหน้าเย็บผ้าและพูดว่า
“มันถามเทพเจ้ากู่สามคำถาม คำถามแรกคือ เจ้าจะหลุดพ้นจากผนึกเมื่อใด”
“เทพเจ้ากู่ตอบว่า…ในช่วงเวลาสุดท้ายปลายมหาศักราชจะขาดเขาไปมิได้”
นี่คือการแปลความของนางตามความเข้าใจในภาษาเทพมาร
ในช่วงเวลาสุดท้ายปลายมหาศักราชจะขาดเขาไปมิได้รึ? สวี่ชีอันส่งเสียง “ฟู่” เขาคิดไตร่ตรองอย่างหนักและหวาดกลัวอย่างยิ่ง
คำตอบของเทพเจ้ากู่เปิดเผยข้อมูลสองอย่าง
หนึ่ง เวลาที่มหาศักราชจะสิ้นสุดลง
นี่อาจหมายถึงเหตุการณ์บางอย่าง โอกาสบางอย่าง ภัยพิบัติบางอย่าง ไม่ว่า ‘เวลา’ จะสื่อถึงอะไร แต่ระดับที่เกี่ยวข้องนั้นสูงมากอย่างแน่นอน
ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าสภาวะเหนือมนุษย์ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม
สอง จะขาดเขาไปมิได้
เทพเจ้ากู่เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาสามารถหลุดพ้นจากผนึกได้ ระดับสุดยอดย่อมไม่มั่นใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเผ่าเทียนกู่มองเห็นแง่มุมแห่งโชคชะตาได้ เทพเจ้ากู่ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของไสยศาสตร์กู่ก็ย่อมทำได้เช่นกัน
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว สวี่ชีอันก็พยักหน้าให้แม่ย่าแห่งเทียนกู่พูด
แม่ย่าแห่งเทียนกู่พูดต่อ
“คำถามที่สอง ถามเทพเจ้ากู่ว่า ปรมาจารย์เต๋าอยู่ที่ไหน”
“คำตอบของเทพเจ้ากู่คือ…บางทีก็อาจหายไปหมดแล้ว”
ปรมาจารย์เต๋าอยู่ที่ไหน...
‘เรื่องนี้น่าสนใจ ลูกหลานเทพมารซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณโพ้นทะเล เริ่มให้ความสนใจปรมาจารย์เต๋าแล้ว’…สวี่ชีอันลูบคางและครุ่นคิด
ในบรรดาระดับสุดยอดทั้งหมด ปรมาจารย์เต๋าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ลึกลับและเก่าแก่ที่สุด
ไม่สามารถตรวจสอบปีตรัสรู้ได้ทั้งยังไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ใดๆ ได้แต่คาดเดาว่าเป็นเวลาที่ยุคเทพมารถึงกาลอวสานและเป็นเวลาที่ยุคเผ่าพันธุ์มนุษย์กับเผ่าพันธุ์ปีศาจเพิ่งถือกำเนิดขึ้น
แต่ช่วงนี้มีระยะเวลาเป็นพันปี การจะระบุอย่างแม่นยำย่อมเป็นไปไม่ได้
เหตุใดไป๋ตี้ถึงให้ความสนใจปรมาจารย์เต๋าที่ไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่หรือไม่? เหตุใดจึงถามเทพเจ้ากู่ซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่เทพเจ้ากู่หลับใหลอยู่ที่ชายแดนตอนใต้ตั้งแต่สิ้นสุดยุคเทพมารและถูกนักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขงจื๊อผนึกไว้เมื่อกว่าพันปีก่อน
หากมีการขัดกันระหว่างเทพเจ้ากู่กับปรมาจารย์เต๋า มันก็ควรจะเกิดขึ้นตอนเทพเจ้ากู่ยังหลับใหลอยู่ที่ชายแดนตอนใต้
‘นอกจากนี้คำตอบของเทพเจ้ากู่ยังมีข้อมูลมากมาย ปรมาจารย์เต๋าอาจถูกโค่น? ใครจะสามารถฆ่าปรมาจารย์เต๋าได้? เป็นไปไม่ได้ที่ปรมาจารย์เต๋าจะเบื่อชีวิตและจบชีวิตลงด้วยตัวเอง’…สวี่ชีอันถามว่า
“แม่ย่าคิดอย่างไรกับปรมาจารย์เต๋า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง